ตอนที่ 3

1132 Words
คำพูดของแวววรรณทำให้ผู้หญิงตรงหน้าถึงกับโกรธจนตัวสั่น “ฉันน่ะ เป็นป้าแท้ๆ ของเมียคุณหนึ่ง” ทุกอย่างรอบตัวเงียบกริบลงทันที ก่อนที่สาวิกา เพื่อนสาวคนสวยของปรมะจะหัวเราะเยาะและตะโกนออกมา “ตอแหล.. หนึ่งยังไม่มีแฟน ดังนั้นยิ่งเป็นเมียเขาก็ยิ่งไม่มีทางมี...” นอกจากจะหัวเราะเยาะแล้ว สาวิกาก็ยังพูดขึ้นอีก “นี่ถ้าจะอ้างอะไรน่ะ หัดใช้สมองคิดหน่อยนะยะ อย่าใช้หัวแม่ตีนคิด โอ๊ย! นี่แกปล่อยแขนฉันนะอีแก่!” สาวิการ้องลั่น เมื่อถูกแวววรรณที่โกรธจัดจับแขนเรียวและบีบแรงๆ “คุณนั่นแหละค่ะที่ต้องตื่น อย่าคิดว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาลสิ คุณหนึ่งน่ะมีเมียแล้วชื่อนรีกุล แถมเมียยังท้องแล้วด้วยนะคะ” แวววรรณหัวเราะสะใจ “อ้อ... ถ้าไม่เชื่อนะ ลองเอาหน้าที่เต็มไปด้วยฟิลเลอร์ โบท็อกของคุณไปถามยามดูนะคะ เพราะยามที่นี่ก็รู้ดีว่าคุณหนึ่งมีเมียแล้ว” “กรี๊ดดดด ไม่จริง!” “จริงค่ะ และจริงร้อยเปอร์เซ็นเสียด้วย” “ฉัน... จะไปถามคุณหนึ่ง” สาวิกาไม่มีทางเชื่อ หล่อนไม่เชื่อเด็ดขาด “เชิญเลยค่ะ เต็มที่เลย ไปถามเลยนะคะ พอถามเสร็จแล้วก็อย่าลืมแสดงความยินดีกับคุณหนึ่งด้วยนะคะ เพราะเขากำลังจะมีลูก” “อีแก่!” “อีหน้าพลาสติก!” แวววรรณด่ากลับไม่โกงเช่นกัน ทำเอาสาวิกาเต้นเร่าๆ ก่อนจะรีบวิ่งขึ้นรถและขับออกไปทันที แวววรรณเบ้ปากมองตามท้ายรถหรูไปด้วยสายตาสะใจ “จะมาอ่อยคุณหนึ่งเหรอ ผัวหลานกูโว้ย!” ปรมะขับรถกลับเข้ามาที่บ้านด้วยความโมโหสุดขีด หลังจากถูกสาวิกาซึ่งเป็นเพื่อนอาจารย์ในมหาวิทยาลัยเดียวกันโทรมาร้องห่มร้องไห้ ฟ้องว่าถูกเมียของเขาด่าทอ เมียของเขาเหรอ... หึ...! นิ้วแข็งแรงกำพวงมาลัยรถแน่นจนข้อนิ้วขาวซีด กรามแกร่งขบกันแน่นจนขึ้นสันนูนเป่ง เมื่อก่อนเขาเคยเอ็นดูนรีกุล เพราะหญิงสาวเข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยที่เขาเป็นเจ้าของด้วยทุนเด็กยากจน เขามอบทุนให้หล่อนเรียนฟรีจนจบปริญญาตรี และก็เมตตาช่วยหางานให้ทำ แต่ความหวังดีของเขากลับถูกตอบแทนด้วยการวางยา แบล็คเมล์ ด้วยความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาว แวววรรณป้าของนรีกุลฉลาดแกมโกง วางยาให้เขานอนกับหลานสาวตัวเอง จากนั้นก็ถ่ายภาพแบล็คเมล์เอาไว้ ทำให้เขาจำต้องยอมรับนรีกุลที่ตั้งท้องมาเป็นเมียทั้งๆ ที่ไม่เต็มใจ แถมยังถูกแวววรรณรีดไถ่เงินไปอีกเกือบล้านบาท จากความเอ็นดู ความสงสารที่เคยมอบให้กับนรีกุล ตอนนี้จึงเหลือแค่ความเกลียดชังเท่านั้น ยิ่งมารู้จากปากของแวววรรณว่านรีกุลแอบรักเขาด้วยแล้ว เขาก็ยิ่งขยะแขยงชิงชัง เพราะเข้าใจว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนรีกุลร่วมมือกับแวววรรณ ชายหนุ่มก้าวลงจากรถด้วยใบหน้าที่ดำคล้ำ ความเกรี้ยวกราดอัดแน่นเต็มกระแสเลือด เมื่อเข้ามาในบ้านแล้ว เขาก็เดินตรงไปยังห้องพักของนรีกุล เคาะประตูจนประตูแทบจะพังเพื่อเรียกให้หญิงสาวออกมาเผชิญหน้า “เปิดประตูเดี๋ยวนะนรีกุล!” นรีกุลพยุงตัวลุกขึ้นจากเตียง กัดฟันเดินตรงไปเปิดประตูห้อง ทั้งๆ ที่รู้สึกวิงเวียนศีรษะไม่น้อยเลยทีเดียว “คุณ... หนึ่งมี... อ๊ะ...” หล่อนร้องอุทานด้วยความตกใจและเจ็บแปลบไปทั้งแขน เมื่อถูกปรมะฉุดกระชากลากถูออกมาจากห้องพัก และตรงมายังห้องโถง “กล้าดียังไงไปประกาศให้คนอื่นรู้ว่าเป็นเมียฉัน นรีกุล” คนถูกถามหน้าตามึนงง ไม่เข้าใจ เพราะตัวเองไม่ได้ทำอะไรเลย “กุล... ไม่ได้...” “หึ ผู้หญิงอย่างเธอเคยรับความจริงอะไรบ้าง ทำชั่วๆ แต่ก็ไม่เคยยอมรับว่าทำเลย ผู้หญิงสารเลว! ฉันทั้งเกลียดทั้งขยะแขยงเธอรู้ไหม!” แม้ที่ผ่านมาปรมะจะขว้างคำพูดร้ายกาจใส่หล่อนนับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่หล่อนชาชินไม่รู้สึกอะไร หล่อนเจ็บปวดเสมอที่ปรมะบอกว่าเกลียด บอกว่าขยะแขยง หล่อนรักเขาหมดหัวใจ... แต่ผู้ชายที่หล่อนรัก กลับเกลียดชังหล่อนเข้ากระดูกดำ... “กุล... ไม่ได้ทำอะไรเลยจริงๆ ค่ะ” “ตอแหล! แค่ฉันต้องรับผิดชอบเธอมันก็ทำให้ชีวิตของฉันดำมืดพอแล้ว นี่เธอยังไปประกาศให้คนอื่นรู้อีกเหรอว่า ฉันพลาดมีอะไรกับผู้หญิงต่ำๆ อย่างเธอน่ะ คงภูมิใจมากสินะ...” “มะ... ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ กุลไม่เคยรู้สึกแบบนั้นเลย... ฮือออ” “ร้องไห้? จะร้องไห้อะไรนักหนา ฉันเกลียดที่สุดเลย ผู้หญิงขี้แย ตอแหล บีบน้ำตาแบบเธอน่ะ” นรีกุลพยายามหยุดสะอื้น ด้วยการเช็ดน้ำตาและยกมือขึ้นอุดปากตัวเองเอาไว้ “กุล... จะ... จะไม่ร้องไห้ค่ะ” หล่อนไม่ต้องการให้เขาเกลียดมากไปกว่านี้อีกแล้ว “ฉันไม่เคยเชื่อคำพูดของผู้หญิงแพศยาอย่างเธอ จำเอาไว้” นี่เขาต้องการให้หล่อนขาดใจตายกับคำพูดโหดร้ายจากปากของเขาเลยใช่ไหม “แต่กุลไม่เคยบอกใครเลยจริงๆ นะคะ กุลสาบานได้...” “หึ... จะสาบานอะไร สาบานให้ฟ้าผ่าอย่างนั้นหรือ” ปรมะหัวเราะเยาะหยัน เมื่อได้ยินเสียงฟ้าร้องดังแว่วเข้ามาในบ้าน “สาบานให้ฟ้าผ่ากุลได้เลยค่ะ” ปรมะก้าวเข้ามาหยุดตรงหน้าของนรีกุล มองด้วยสายตาเย้ยหยัน “ตอนฉันขับรถกลับมาบ้าน ฝนกำลังตั้งเค้าเลย อีกสักแป๊บฝนก็คงจะตก และดูท่าทางจะตกหนักด้วย ฟ้าก็คงจะแรงไม่น้อย...” “ค่ะ” “ออกไปยืนข้างนอกสิ สักครึ่งชั่วโมง ดูสิว่าผู้หญิงแพศยาอย่างเธอจะถูกสายฟ้าฟาดหรือเปล่า” เขาคาดเดาว่านรีกุลไม่มีทางยอมออกไปหรอก เพราะเท่าที่รู้มาหล่อนหวาดกลัวเวลาที่ฝนตกฟ้าร้องมาก เพราะพ่อกับแม่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตในคืนวันฝนตกหนัก “กุลตกลงค่ะ” ปรมะอดแปลกใจไม่ได้ เขาอยากจะแก้ไขคำพูด แต่แววตามุ่งมั่นของนรีกุล ทำให้เขาเลือกที่จะปล่อยเลยตามเลย “ฉันไม่ได้บังคับเธอนะนรีกุล” “คุณหนึ่งไม่ได้บังคับกุลหรอกค่ะ กุลเต็มใจออกไปยืนข้างนอกเองค่ะ” “อวดดี” นรีกุลไม่โต้ตอบคำใดออกไปนอกจากเดินช้าๆ ออกไปนอกตัวบ้าน “ฟ้าร้องแค่ครั้งเดียว ขี้คร้านจะรีบวิ่งเข้าบ้าน ทำเป็นเก่ง หึ” ปรมะมองตามไปด้วยความโมโห ก่อนจะเรียกให้สาวใช้ยกเหล้าขึ้นไปให้บนห้องพัก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD