“เจ้ายังจะยืนอยู่ทำไม”
“กระหม่อมต้องขอประทานอภัยด้วยขอรับองค์ชาย กระหม่อมสืบเรื่องนี้มาก่อนหน้าแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“เหตุใดจึงไม่รายงาน”
“เรื่องนี้เกี่ยวพันกับคุณหนูรองเหอซึ่งเป็นนาง...เป็นนางกับฮูหยินรองวางแผนเรื่องนี้ขอรับ ทั้งสองต้องการให้เอ่อ... คุณหนูใหญ่หลุดพ้นจากตำแหน่งคู่หมั้นขององค์ชายและให้งานมงคลต้องเป็นอันยกเลิก จึงวางแผนการและจัดฉากเรื่องทั้งหมดขึ้นมา
โดยวางยาบ่าวตัดฟืนคนนั้นและคุณหนูใหญ่เหอมีความสัมพันธ์กัน และตอนนี้ดูท่าคุณหนูใหญ่เหอจะยินยอมและรับบ่าวชายคนนั้นเป็นสามีอย่างเต็มใจ และทั้งสองย้ายออกจากจวนของท่านเสนาบดีเหอเรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ปึก! เสียงแท่นหมึกกระทบเข้ากับศีรษะขององครักษ์โค่วโจว ทำให้หน้าผากของชายหนุ่มมีเลือดซึมออกมา ตัวขององครักษ์โค่วโจวรีบคุกเข่าลงเพื่อขอรับโทษ
“ทำไมเจ้าเพิ่งจะมารายงาน ข้าจะบอกเจ้าไว้ว่า หญิงใดในแคว้นนี้ไม่มีนางใดที่จะเหมาะกับตำแหน่งชายาของข้า มากไปกว่าคุณหนูใหญ่เหอหลันฮวาอีกแล้ว”
“กระหม่อมสมควรตาย”
องครักษ์เค่อโจวกล่าวรับโทษของตนเมื่อรู้ว่าตนเองนั้นผิด ที่ไม่รายงานเรื่องทั้งหมดให้เจ้านายรับรู้
“แล้วตอนนี้ทางเหอหลันฮวาเป็นเช่นไรบ้าง นางย้ายไปอยู่ที่ใด”
“คุณหนูใหญ่ย้ายไปอยู่จวนหลังหนึ่ง เป็นสินเดิมของฮูหยินเหอคนก่อนทิ้งไว้ให้ กระหม่อมคิดว่านางน่าจะถึงที่นั่นแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“อืม”
หลานหมิงฮ่าวพยักหน้าเข้าใจ ทำเพียงโบกมือให้องครักษ์คนสนิทออกไปจากห้องหนังสือ ส่วนชายหนุ่มกลับครุ่นคิดเรื่องที่เกิดขึ้น
ยามเซิน (15.00 – 16.59 น.) เหอหลันฮวาเลือกที่จะเข้าครัวด้วยตนเอง กว่าจะเตรียมอาหารเสร็จก็ปาเข้ายามโหย่ว (17.00 – 18.59 น.) แล้ว
“ท่านพี่เจ้าคะ วันนี้ข้าลองทำอาหารดูไม่กี่อย่าง มีไก่ผัดขิง น้ำแกงปลา ไก่ฉีกผัดขึ้นฉ่าย และข้าวหมูอบ ท่านพี่มาลองทานดูนะเจ้าคะ ไม่รู้ว่าจะอร่อยหรือไม่”
เหอหลันฮวาเดินเข้ามาในห้องโดยมีบ่าวไพร่เดินยกถาดอาหารตามเข้ามา ผู้ใดจะคิดว่าคุณหนูใหญ่เหอจะทำอาหารเป็นด้วย งานพวกนี้ล้วนเป็นหน้าที่ของบ่าวไพร่ทั้งนั้น
“ฮวาเอ๋อร์มานั่งก่อน ดูสิเหงื่อโชกไปหมดแล้ว หลันจิงทำไมเจ้าไม่ดูฮูหยินให้ดี ปล่อยให้นางทำงานพวกนี้ได้ยังไง”
อาเฟยรีบเดินมาประคองฮูหยินของตน ก่อนจะหันไปเอ็ดสาวใช้คนสนิทของนาง
หลันจิงได้แต่ส่งสายตาให้เหอหลันฮวา คล้ายกับน้อยใจ เรื่องนี้นางไม่ผิดเสียหน่อย นายท่านจะเอ็ดนางได้ยังไง
“นายท่านเจ้าคะ บ่าวทั้งห้าม ทั้งรั้งแล้วนะเจ้าคะ หากนายท่านไม่เชื่อลองถามบ่าวพวกนี้ดูสิเจ้าคะ”
“ท่านพี่อย่าเอ็ดหลันจิงเลย ข้าเองที่ต้องการทำอาหารมื้อนี้ ข้าอยากดูแลท่านพี่ในฐานะภรรยาเจ้าค่ะ ที่ผ่านมาท่านพี่ดูแลและทนลำบากเพราะข้ามามากพอแล้ว รีบมาทานอาหารดีกว่า เดี๋ยวอาหารจะเย็นชืดเสียก่อน”
เหอหลันฮวารีบออกโรงช่วยพูดเพื่อให้สาวใช้คนสนิทพ้นภัยจากสามี
อาเฟยแม้จะห่วงภรรยาแค่ไหน แต่เมื่อเห็นว่านางไม่เป็นอะไรจึงได้มานั่งทานอาหารพร้อมกับนาง
“พวกเจ้าไม่ต้องปรนนิบัติข้าและท่านพี่หรอก ข้าจะดูแลท่านพี่เอง พวกเจ้ามีอะไรทำก็ไปทำเถอะ เจ้าก็เช่นกันหลันจิง”
เหอหลันฮวากล่าวกับบ่าวไพร่และสาวใช้คนสนิท นางอยากจะดูแลอาเฟยด้วยตัวเอง เพราะที่ผ่านมาอาเฟยดูแลนางมามากพอแล้ว
กว่าที่ทั้งสองจะผ่านมื้อเย็นเวลาก็ล่วงเลยเข้ายามซวี (19.00 – 20.59 น.) จากนั้นสองสามีภรรยาจึงพากันไปอาบน้ำและเตรียมที่จะเข้านอน เพราะวันพรุ่งนี้ยังมีอะไรให้ทั้งสองคนทำอีกมากมาย
ยามเหม่า (05.00 – 06.59 น.) เหอหลันฮวาตื่นมาเพื่อจะทำอาหารเช้าให้กับอาเฟย นางมองว่าเรื่องนี้ไม่ใช่งานชั้นต่ำ นางอยากเป็นภรรยาแบบชาวบ้านทั่วไป ที่ทำอาหารให้สามีด้วยตัวเอง ดังนั้นจึงลุกขึ้นมาบ้วนปากและล้างหน้าล้างตาตอนที่อาเฟยยังไม่ตื่น
เหอหลันฮวาไปได้เพียงครึ่งชั่วยาม อาเฟยควานหาร่างของภรรยาไม่เจอ จึงตื่นขึ้นด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบจัดแจงเสื้อผ้าและรีบวิ่งออกมาจากห้องด้วยความตื่นตระหนก แต่กลับเจอเข้ากับนางกำลังกลับมาพอดี
“ท่านพี่ ตื่นแล้วเหรอเจ้าคะ หลันจิงเจ้าไปเตรียมน้ำให้นายท่านอาบก่อนเถอะ จะได้มาทานมื้อเช้า ยามซื่อ (09.00 – 10.59 น.) ข้าและนายท่านของเจ้าต้องไปตรวจกิจการทั้งหมดที่มี”
นางต้องการไปจัดการเรื่องกิจการทั้งหมดที่อยู่ภายใต้ชื่อของนางที่ท่านแม่ตระเตรียมไว้ให้ตั้งแต่เยาว์วัย เมื่อก่อนนางไม่สนใจเรื่องการค้า เพราะถูกปลูกฝังว่านางคือว่าที่ชายาขององค์ชายรองและอาจจะได้เป็นถึงฮองเฮาในภายหน้า
ทว่าตอนนี้นางเป็นเพียงฮูหยินของชายตัดฟืนเช่นอาเฟย ดังนั้นนางจึงต้องตระเตรียมทุกอย่างเพื่อให้ชีวิตของนางและอาเฟยอยู่อย่างสงบสุข นางไม่ลืมว่าสองแม่ลูกนั่นทำอะไรกับนางและท่านแม่ไว้บ้าง
แต่เมื่อนางสัญญาและได้แลกเปลี่ยนเพื่อได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้งนางจึงยอมวางมือ แต่ไม่ใช่ว่านางจะไม่ส่งข่าวหรือแจ้งไปยังพี่ใหญ่และพี่รองให้ทราบ รวมถึงตระกูลฟ่านของท่านแม่
อาเฟยมองฮูหยินของตนด้วยแววตารักใคร่ เมื่อนางปรนนิบัติเขาเฉกเช่นภรรยาคนหนึ่งที่ทำให้สามี
“เจ้า เจ้าเองก็ทานบ้างเถอะ เรื่องพวกนี้ข้าทำเองได้ เราสองคนเป็นสามีภรรยากันแล้ว เจ้าไม่ต้องดูแลข้าเช่นนี้หรอก”
“ท่านพี่ไม่คุ้นชินเหรอเจ้าคะ”
อาเฟยพยักหน้าเล็กน้อย แต่ทว่าใบหูเขานั้นกลับแดงเถือกจนภรรยาอย่างเหอหลันฮวายิ้มกว้างด้วยความเอ็นดูในกิริยาเขินอายของสามี
“อืม ข้าไม่คุ้นชิน เพราะข้าชอบดูแลเจ้ามากกว่า”
คราวนี้กลับเป็นใบหน้าของหญิงสาวแทนที่เกิดริ้วแดงด้วยความเขินอาย
“ข้าไม่พูดกับท่านพี่แล้ว เรารีบทานอาหารกันดีกว่าจะได้ไปดูร้านค้าและกิจการทั้งหมด”
จากนั้นบรรยากาศมื้ออาหารจึงเต็มไปด้วยการเอาใจใส่ที่อาเฟยมอบให้กับฮูหยินของตน
ยามซื่อ (09.00 – 10.59 น.) เหอหลันฮวาและอาเฟยจึงเดินทางออกจากจวนมุ่งหน้าไปที่โรงน้ำชาแห่งหนึ่งและสถานที่แห่งนี้อยู่ติดกับหอประมูล ซึ่งคนในเมืองหลวงต่างก็รู้จักกันดี แต่กลับไม่มีผู้ใดรู้ว่าเจ้าของสถานที่แห่งนี้เป็นผู้ใด ต่างก็มองว่าคงเป็นเศรษฐีต่างแคว้นมาเปิดกิจการ
ทว่าเมื่อมาถึงแล้วทั้งสองคนไม่ได้เดินเข้าทางประตูหน้าเหมือนคนอื่นแต่เดินเข้าทางหลังซึ่งมีประตูลับเดินไปที่หอประมูลที่อยู่ติดกัน
“คุณหนู” คนดูแลโรงน้ำชาเมื่อรู้ว่านายหญิงตัวจริงของที่แห่งนี้มาเยือนจึงรีบเดินออกมาต้อนรับ
“พวกท่านไม่ต้องเรียกข้าว่าคุณหนูหรอกนะ ตัวข้าแต่งงานแล้ว และนี่คือท่านพี่สามีของข้า”
เหอหลันฮวาบอกกล่าว ตอนนี้นางแต่งงานแล้วและได้กลายเป็นฮูหยินของอาเฟย จึงไม่เหมาะหากผู้ใดจะเรียกนางว่าคุณหนูเช่นดั่งเคย
“ขอรับนายหญิง”
“อืม เรื่องของโรงน้ำชาข้าจะกลับมาคุยด้วยอีกครั้ง ตอนนี้ข้ามีเรื่องต้องคุยที่หอประมูลท่านนำทางข้าและท่านพี่เถอะ”
คนดูแลเดินนำทางไปทางลับเพื่อพาทั้งหมดไปที่หอประมูลทันที
“วันนี้ที่ข้ามา ข้าอยากจะแจ้งให้ทราบว่า หอประมูลของเราจะมีการซื้อขายข่าวสารเพิ่มขึ้นมาและแยกเปิดเป็นหอขายข่าวภายใต้ชื่อเดียวกันกับหอประมูล
ดังนั้นข้าอยากจัดหาหัวหน้าแต่ละสาย และให้ส่งข่าวไปถึงหอประมูลของเราในทุกเมืองที่มีอยู่ และข้าอยากให้เพิ่มสาขาในการซื้อขายข่าวสารขึ้นอีก ไม่ว่าจะเป็นในส่วนร้านค้า หรือโรงน้ำชา ที่สำคัญข่าวสารชั้นดีทุกคนน่าจะรู้ใช่ไหมว่ามาจากกลุ่มขอทานทั้งหลาย”
เหอหลันฮวาไม่เพียงสร้างหอซื้อขายข่าวสารเพียงในแคว้น แต่นางต้องการขยายไปต่างแคว้นด้วย รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง
“ขอรับนายหญิง”
คนงานและบ่าวไพร่ต่างก็พยักหน้ารับแต่โดยดี แต่ก็สงสัยว่านายหญิงจะให้ผู้ใดขึ้นเป็นหัวหน้าสาย