หลังจากที่ร่ำลาท่านย่าผู้เป็นที่รัก เหอหลันฮวาและอาเฟย รวมทั้งหลันจิงสาวใช้ข้างกายคนสนิทจึงเดินทางออกจากจวนของตระกูลเหอ พร้อมกับรถม้าและเกวียนที่บรรทุกสินเดิมของมารดานางจำนวนมาก โดยที่ฮูหยินรองทำอะไรไม่ได้เนื่องจากเป็นคำสั่งท่านย่า
เพราะสินเดิมมีมากจนน่าตกใจ ทำให้ชาวบ้านที่คอยเมียงมองดูว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
หลังจากเกิดเรื่องไม่งามกับคุณหนูใหญ่ในครั้งนั้น แทบจะไม่เห็นนางออกมาจากจวนอีกเลย แต่ผู้ใดจะคิดเล่าว่าวันนี้ กลับเห็นภาพที่สองสามีภรรยาต่างมองตากันอย่างลึกซึ้งขณะกำลังขึ้นรถม้าคล้ายจะเดินทางไปที่ไหนสักแห่ง
“นั่นมันคุณหนูใหญ่นี่ นางกำลังจะไปไหน หรือว่าชายหนุ่มที่กำลังประคองนางคือสามีที่เป็นเพียงชายตัดฟืนในจวน ข้าได้ข่าวว่านางไม่ชอบและรังเกียจเจ้าทาสคนนี้ไม่ใช่หรือ”
เหอหลันฮวาเตรียมจะก้าวขาขึ้นรถม้า ทว่ากลับได้ยินคำที่ชาวบ้านกล่าวถึงสามี ทำให้หญิงสาวจึงหันหลังกลับและเดินเข้ามาหาชาวบ้านกลุ่มนี้
“ขอโทษนะเจ้าคะท่านป้า ท่านจะเรียกสามีว่าทาสไม่ได้หรอก เพราะท่านพี่ของข้าไม่มีสัญญาทาส ท่านพี่เข้ามาอยู่ในตระกูลเหอเพราะต้องการอยู่ข้างกายข้า และการที่ข้าแต่งงานกับท่านพี่ ก็เป็นเพราะข้ารักท่านพี่เจ้าค่ะ ไม่ว่าผู้ใดที่พูดจาดูหมิ่น ดูแคลนท่านพี่ของข้า ข้าจะทำให้มันรู้ถึงความร้ายของข้าเจ้าค่ะ”
เหอหลันฮวากล่าวอย่างอ่อนโยนพร้อมกับส่งยิ้มที่ไปไม่ถึงดวงตาให้กับชาวบ้านกลุ่มนี้ แม้ว่าในอดีตนางจะอ่อนแอและหัวอ่อนหลงเชื่อน้องสาวต่างมารดาและมารดาเลี้ยง แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว
ต่อให้นางเลือกจะเดินออกจากตระกูลเหอ ก็อย่าคิดว่านางวางมือจากแม่เลี้ยง ต่อให้นางรับปากกับท่านผู้ว่าไม่คิดแค้น จะทำงานและอยู่กับสามีไปจนแก่เฒ่า แต่ไม่ได้สัญญาว่านางจะไม่บอกเล่าเรื่องทุกอย่างแก่ท่านตาหรือพี่ใหญ่ และพี่รอง
ชาวบ้านมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่าคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลเหอจะออกหน้าปกป้องสามีทาสคนนี้
เหอหลันฮวาไม่สนใจชาวบ้านกลุ่มนี้อีก นางจูงมือสามีพร้อมกับมอบรอยยิ้มที่แสนหวานให้กับเขาไปขึ้นรถม้าเพื่อมุ่งหน้าไปที่จวนหลังใหม่ของตน
ขบวนของเหอหลันฮวาและอาเฟยไม่เล็กเลย ชาวบ้านต่างก็มองด้วยความแปลกใจ ดั่งเช่นหญิงสาวนางหนึ่งในโรงเตี๊ยมที่มองขบวนของเหอหลันฮวาไม่วางตา
“นั่นมันขบวนของคุณหนูใหญ่เหอมิใช่หรือ นางกำลังไปที่ใด”
“เท่าที่บ่าวทราบ คุณหนูใหญ่แห่งจวนเหอได้ทำหนังสือตัดขาดกับท่านเสนาเหอเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ นางจึงพาคนสนิทและสามีรวมถึงสินเดิมที่มารดาผู้ล่วงลับทิ้งไว้ให้เดินทางออกจากจวนเหอ เพื่อไปตั้งรกรากใหม่ด้วยตัวเอง”
“เจ้ารู้หรือไม่สามีของนางเป็นผู้ใด” หญิงสาวนางนี้ยังคงถามบ่าวข้างกาย
“บ่าวทราบมาว่าสามีของคุณหนูใหญ่คือบ่าวตัดฟืนเจ้าค่ะ”
หญิงรับใช้นางนี้ไม่กล้าสบตาผู้เป็นนาย นางไม่ทราบว่าเหตุใดเจ้านายของนางจึงสนใจเรื่องของคุณหนูใหญ่นางนี้และสามีบ่าวของนางนัก
“ช่างเถอะ ไม่ใช่เรื่องของข้าหรือของเจ้า พวกเรามาจากแคว้นเว่ยเพราะตามหาตัวพี่ชายของข้าที่โดนโจมตีเมื่อหลายปีก่อนและหายสาบสูญไป ที่ข้าสนใจคุณหนูใหญ่ตระกูลเหอ เพราะนางเคยเป็นถึงคู่หมั้นองค์ชายรอง แต่ทำไมจึงยอมมีความสัมพันธ์กับชายตัดฟืน”
ฐานะที่แท้จริงของหญิงสาวนางนี้คือองค์หญิงแห่งแคว้นเว่ยนามว่าเว่ยอิ้งเหมย พี่ชายซึ่งเป็นถึงรัชทายาทแห่งแคว้นกลับหายตัวไปเพราะโดนโจมตีเมื่อหลายปีก่อน
ซึ่งนางไม่แน่ใจว่าเป็นฝ่ายไหนที่แอบเล่นงานพี่ชายนางลับหลัง หากคาดเดาไม่ผิดคงเป็นองค์ชายสามที่เกิดจากไช่เสียนเฟยและฝ่ายของเสนาบดีไช่ ท่านตาขององค์ชายสามพี่ชายต่างมารดาของนาง
“เจ้าค่ะ องค์...เอ่อคุณหนู”
สาวใช้หรือนางกำนัลมิ่งอี้รีบเปลี่ยนคำเรียก เพราะครั้งนี้นางและองค์หญิงเดินทางมาที่แคว้นหลานเป็นการส่วนตัวพร้อมกับองครักษ์ส่วนพระองค์ไม่กี่คน เพื่อสืบเรื่องราวของรัชทายาทและกลุ่มองครักษ์ที่หายสาบสูญ
ขบวนของเหอหลันฮวาและอาเฟยเดินทางไม่ถึงสองชั่วยามก็มาถึงจวนใหญ่หลังหนึ่ง ซึ่งเป็นสินเดิมที่มารดาผู้ล่วงลับทิ้งไว้ให้ ก่อนจะเดินทางมาที่นี่ เหอหลันฮวาได้ให้หลันจิงส่งข่าวมาถึงพ่อบ้านเพื่อเก็บกวาดเรือนทั้งหมดแล้ว
“เชิญขอรับนายท่าน ฮูหยิน”
พ่อบ้านพาบ่าวรับใช้ชายหญิงที่มีเพียงไม่กี่คนออกมาต้อนรับเจ้านายทั้งสอง แม้จะรู้ว่านายท่านจะเคยเป็นเพียงบ่าวตัดฟืนมาก่อนก็ตาม แต่ทุกคนกลับให้ความเคารพดั่งเช่นเจ้านายคนหนึ่ง ซึ่งนั่นทำให้อาเฟยตัวเกร็งเพราะไม่คุ้นชิน
เหอหลันฮวานางจับมือสามีไว้ไม่ปล่อย ก่อนจะตบฝ่ามือเขาเบา ๆ เพื่อให้หายเกร็ง
“ท่านพี่ ข้าคิดว่าเราเข้าไปพักผ่อนกันดีกว่านะเจ้าคะ”
นางร้องบอกสามีก่อนจะประคองกันเข้ามาด้านใน ระหว่างเดินเหอหลันฮวาจึงกล่าวบางอย่างกับอาเฟย
“พรุ่งนี้ข้าตั้งใจจะชวนท่านพี่ไปซื้อบ่าวรับใช้เพิ่มเติม บ่าวที่จวนแห่งนี้ยังไม่พอ และข้าจะพาท่านพี่ไปดูกิจการของท่านแม่ที่มอบเป็นสินเดิมให้กับข้า ข้าขอโทษนะเจ้าคะที่ไม่ได้บอกเรื่องนี้แก่ท่าน ไม่ใช่ข้าไม่ไว้ใจท่านแต่ข้ากลัวว่าทางฮูหยินรองและท่านเสนาบดีเหอจะไม่ยอมคืนสินเดิมของข้า”
เหอหลันฮวาหยุดเดิน และช้อนตามองสามีเพื่อบอกให้รู้ว่านางไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังเรื่องนี้ แต่เพราะไม่มั่นใจว่าจะทวงคืนสินเดิมมาได้หรือไม่
“เจ้า ไม่ต้องขอโทษข้าหรอก ข้าเข้าใจดี” อาเฟยเข้าใจที่ภรรยาของตนกำลังสื่อ ซึ่งเขาเองไม่คิดโกรธหรือเคืองภรรยา
“ขอบคุณมากเจ้าค่ะ”
หญิงสาวยิ้มขอบคุณสามีก่อนจะเดินเข้ามาเรือนในซึ่งเป็นเรือนพักผ่อนของทั้งสองคน
หลังจากผ่านพ้นวันนี้ไปทั้งคู่ขอใช้ชีวิตกันเพียงสองคนและจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับตระกูลเหออีก
ส่วนลึกนางอยากจะเปลี่ยนแซ่ด้วยซ้ำไป แต่เพราะท่านย่า นางจึงยังคงใช้แซ่เหอ รวมถึงยังมีพี่ใหญ่และพี่รองของนางที่ยังคงเป็นคุณชายตระกูลเหอและเป็นผู้นำตระกูลคนต่อไป
ตำหนักองค์ชายรอง
เพล้ง! เสียงปาข้าวของเพื่อระบายอารมณ์ของเจ้าของจวนดังไม่หยุด จนนางกำนัลและขันทีต่างก็หวาดกลัว เพราะเกรงว่าภัยในครั้งนี้จะหล่นบนศีรษะของพวกตน
“โคว่โจว เจ้าจงไปสืบดูสิว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนั้น ข้าไม่เชื่อว่าคุณหนูใหญ่ของท่านเสนาเหออย่างหลันฮวาจะกล้าทำเรื่องต่ำช้าเช่นนั้น ต่อให้ข้าไม่ผูกสมัครรักใคร่นาง แต่ยังไงนางได้ชื่อว่าเป็นคู่หมั้นและว่าที่ชายาของข้า”
หลานหมิงฮ่าวเอ่ยสั่งการกับองครักษ์คนสนิท ต่อให้เขาไม่มีใจให้กับนาง แต่อย่างไรนางต้องมาเป็นชายาของเขา ซึ่งสิ่งที่ต้องการคือฐานอำนาจจากตระกูลแม่ทัพฟ่านบ้านเดิมของฮูหยินเหอผู้ล่วงลับ
ตระกูลฟ่านมีทั้งอำนาจทหารหลายแสนนายในมือ ยังมีตราพยัคฆ์จากอดีตฮ่องเต้องค์ก่อนที่สามารถเคลื่อนทัพได้โดยไม่ต้องรายงานและไม่ผิดกฎมณเฑียรบาล ยังไม่รวมถึงทรัพย์สินที่ตระกูลฟ่านมีแทบจะเท่ากับเงินและทรัพย์สินในท้องพระคลัง
เพียงแต่ต่อให้มีอำนาจทหารและเงินทองมากเพียงใด แม่ทัพฟ่านและนายท่านผู้เฒ่าฟ่านกลับไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด แต่ถ้าหากเขาสามารถแต่งงานและเอาเหอหลันฮวาหลานสาวเพียงคนเดียวของตระกูลฟ่านมาเป็นชายาได้ นั่นหมายความว่าตระกูลฟ่านย่อมต้องเอนเอียงมาฝ่ายเขาซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานเขย และตำแหน่งรัชทายาทย่อมต้องไม่ไปไหน
องครักษ์โคว่โจวยืนนิ่งเพราะเขาถือวิสาสะสืบเรื่องนี้มาก่อนที่จะได้รับคำสั่ง เพียงเพราะไม่กล้ารายงาน เพราะคนที่ดำเนินแผนการนี้คือคนที่องค์ชายรองมีความสัมพันธ์ด้วย นั่นก็คือคุณหนูรองตระกูลเหอ
เมื่อเห็นองครักษ์ข้างกายยังไม่ยอมไปทำตามอย่างที่สั่งจึงมองด้วยสีหน้าไม่พอใจ ก่อนที่จะกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ฉุนเฉียว