EP.5
“ขึ้นบ้านสิคุณ ล้างเท้าด้วยนะ”
“ห้องน้ำอยู่ไหน” ถามน้ำเสียงกระชากเพราะอารมณ์ยังกรุ่นอยู่ไม่หาย แต่เพราะที่เห็นก็มีแต่ต้นไม้ ไม่มีตรงไหนที่เป็นห้องน้ำให้หล่อนเข้าได้เลย
“ก็โน่นไง”
“ไหน”
ปานฤทัยมองตามสายตาเขาที่ไปหยุดอยู่โคนบันไดขึ้นบ้าน ที่หล่อนเห็นก็คือโอ่งใส่น้ำ 1 ใบกับบล็อกปูนที่ก่อขึ้นเป็นคอกไว้ วิเคราะห์ได้ว่าคงเป็นที่ล้างเท้าจริงๆ เพราะคลับคล้ายคลับคลาว่าตอนเคยเห็นฉากแบบนี้ในละครพีเรียด แต่ไม่คิดว่ายังมีคนใช้อยู่
คีรินทร์ก้าวเข้าไปในบล็อก เปิดฝาโอ่งพร้อมตักน้ำออกมาราดลงที่เท้า จากนั้นก็ถูๆ ไถๆ ฝ่าเท้ากับพื้นปูน ปานฤทัยมองสิ่งที่เขาทำแบบขยะแขยงฝ่าเท้าของตัวเองเต็มที่หากว่าหล่อนต้องทำแบบนั้นบ้าง
“ล้างสิคุณ เอา! ถือขัน”
“น้ำคุณสะอาดหรือเปล่า ถ้าฉันแพ้”
“นี่คุณ น้ำเนี่ยล้างหน้ายังได้เลย คุณคิดว่าเท้าคุณบอบบางกว่าหน้าผมไหมล่ะ”
เสียงเขากระชากตอบ ปานฤทัยได้แต่เบ้ปากมองบน แม้หล่อนจะกลัวความสกปรก แต่ก็ไม่ได้อยากให้เขาเปรียบเทียบซะขนาดนั้น
“ฉันก็แค่กลัวว่าจะสกปรกเท่านั้นแหละ ใครจะไปบ้าเปรียบเทียบ” บ่นงุบงิบ
“ล้างๆ ไปเถอะน่า ตอนนี้ผมว่าเท้าคุณสกปรกกว่าน้ำในโอ่งผมเสียอีก ถ้าคุณไม่ล้าง คุณก็ไม่ต้องขึ้นไปบนบ้านผมเลยนะ ตะโกนคุยกันเนี่ยแหละ ผมอยู่บน คุณอยู่ล่าง”
พูดจบคีรินทร์ก็เดินขึ้นบ้านไปเลยปล่อยให้ปานฤทัยค้อนกะหลับกะเหลือก แต่ก็ต้องรีบถอดรองเท้าและล้างเท้าเปื้อนโคลนโดยเร็ว ล้างไปก็บ่นไปเพราะให้หล่อนอยู่ด้านล่างคนเดียวแบบนี้ไม่ดีแน่
ดวงตาหวาดๆ มองไปโดยรอบ ด้านล่างนี้สลัวไปทุกส่วน แล้วไอ้คำที่ว่ามีคนสิงในต้นไม้ยังตามมาหลอกหลอนให้หล่อนกลัว ไม่อยากนึกถึงตอนที่หล่อนจะกลับเลย เขาจะเดินไปส่งหล่อนที่รถหรือเปล่า แล้วระหว่างทางที่ขับรถออกไปอีกละ สองฝั่งข้างทางที่ขับเข้ามาตอนบ่ายก็มีแต่ทุ่งหญ้า แล้วถ้ามืดแบบนี้ บรรยากาศจะไม่เหมือนหล่อนอยู่ในละครผีหรอกเหรอ
“นุ่มจ๋า... เตรียมข้าวได้แล้ว คุณเขากลับมาแล้วจ้ะ”
แต่แล้วปานฤทัยก็เบ้หน้าคว่ำปากมองบน เพราะหมอบ้านนอกเขาทำเสียง 2 ใส่คนที่ชื่อ ‘นุ่ม’ แถมยังเรียกแทนตัวเองว่า ‘คุณเขา’ ก่อนจะยิ้มออกมาเพราะนึกบางอย่างได้ ดูท่าแล้วการเจรจาคงสำเร็จได้ง่ายขึ้น ถ้าหมอบ้านนอกมีเมียอยู่แล้ว
“นี่แหละเหตุผลที่นายต้องยกเลิกสัญญา มีเมียเก็บอยู่แล้วยังสะเออะจะแต่งกับฉัน หมอบ้านนอกเอ๊ย!”
ปานฤทัยพึมพำก่อนจะเดินขึ้นบันไดตามคีรินทร์ไป และแค่ก้าวถึงชั้นบนกลิ่นกับข้าวที่โชยมาก็ทำให้ท้องร้องโดยอัตโนมัติ เพราะหล่อนขับรถออกจาก รพ.ประจำอำเภอมาที่นี่ตั้งแต่เที่ยงหวังว่าคงใช้เวลาตกลงกับเขาไม่นาน จากนั้นหล่อนค่อยกลับเข้าไปหาอะไรกินในเมือง แต่เรื่องราวก็มาเป็นแบบนี้ นั่นเท่ากับท้องหล่อนว่างตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา และยิ่งได้กลิ่นหอมๆ ท้องหล่อนก็พานร้องประท้วง
“คุณเขามีแขกนะจ๊ะนุ่มจ๋า เตรียมข้าวสองที่ด้วย”
“ไม่ต้องเตรียมให้ฉันนะ ฉันไม่กิน” ปากบอกแต่ทาบฝ่ามือลูบไล้ที่หน้าท้อง พยายามสะกดเก็บพร้อมท่องไม่หิวๆ ในใจ แต่เมื่อนายหมอบ้านนอกหันมา หล่อนก็ยืนตัวตรงเชิดหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“กินหน่อยเถอะคุณ คนที่นี่เขาถือว่ามีแขกมาถึงชานเรือนต้องต้อนรับขับสู้นะ เพราะถ้าขับไม่สู้ ก็จะไม่ชนะ”
“ประสาทเหรอ” ปานฤทัยถลึงตาใส่เมื่อคีรินทร์เล่นมุกไม่เสียเชิงที่ชื่อว่า ‘ขุนเขา’ เพราะบ้านนอกมาก และเขาที่หัวเราะยิ้มหน้าระรื่นก็ยิ่งทำให้หล่อนต้องสะกดกลั้นที่จะไม่กรี๊ด
“กินเถอะคุณ ฝีมือทำกับข้าวของนุ่มน่ะอร่อยมากเลยนะ ถ้าคุณได้กินแล้วคุณจะติดใจ อาจจะอยากอยู่ที่นี่เลยก็ได้”
ปานฤทัยไม่ตอบแต่เบ้ปาก หล่อนรู้จักมารยาทอยู่หรอก แต่ตอนนี้หล่อนไม่มีเวลาแล้ว หล่อนต้องรีบกลับ ขืนอยู่นานไปกว่านี้ หล่อนคงกลับไม่ได้แน่
“แต่ฉันรีบ ฉันว่านายควรคุยกับฉันให้เสร็จเร็วๆ จะดีกว่า ฉันจะได้กลับบ้าน นายก็จะได้กินข้าวของนายไป นายจะมาให้ฉันรอทำไมอีก เสียเวลาทั้งสองฝ่าย”
“แต่ผมหิวนะ ไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เที่ยง”
น้ำเสียงจริงจังว่าหิวจริง และหล่อนก็เชื่อตามนั้น ในเมื่อหล่อนนั่งๆ นอนๆ ในรถ หล่อนยังหิว ส่วนเขาทำงานตลอดน่าจะหิวกว่าหล่อนแน่
“คุณเองก็หิวไม่ใช่เหรอ”
“ไม่... ฉันไม่หิว”
ปานฤทัยตอบโดยเร็ว ทว่าเสียงดัง ‘จ๊อกกกกก...’ ที่ดังขึ้นก็ทำให้หล่อนหน้าม้าน แต่ก็ยังเร่ง
“เนี่ย กว่าจะรอคนของนายจัดกับข้าวเสร็จ นายก็คุยกับฉันเสร็จพอดีเหมือนกันนั่นแหละ ฉันจะได้กลับสักที”
“หรือคุณกลัวผี ก็เลยจะรีบกลับเร็วๆ”
ปานฤทัยหน้าเหวอ อีกครั้งที่หล่อนหน้าม้าน กัดปากแน่นอยากจะกรี๊ดที่หมอบ้านนอกดันรู้ความคิดของหล่อน
“ไม่ได้กลัว กลัวนายช้าต่างหาก ฉันรอมาตั้งครึ่งค่อนวัน เสียเวลาจะแย่อยู่แล้ว อีกแค่นาทีเดียว ฉันก็ไม่อยากอยู่ที่นี่”