SPACE BAR 2
“มาแล้ว ๆ นั่งเลยนะมิ้งพี่กราฟออกไปรับลูกอยู่เดี๋ยวเข้ามา”
“ค่ะพี่ สวัสดีค่ะ” ฉันยกมือไหว้พี่ ๆ ที่สตูดิโอของพี่กราฟ เป็นคนที่เคยเจอหน้าบ้างแต่ยังไม่เคยทักทายเป็นส่วนตัว เพราะส่วนมากฉันจะคุยงานกับพี่กราฟเท่านั้น
บ้านหนึ่งชั้นที่ทำเป็นทั้งสตูถ่ายงานและบริษัทสร้างโปรดักชัน ตอนนี้ทุกคนกำลังเตรียมพื้นที่ในห้องครัว ที่มองจากตรงนี้ยังเห็นพนักงานของที่นี่เดินเข้าเดินออกอยู่เรื่อย ๆ กระทั่งมีพี่คนหนึ่งยกแก้วเครื่องดื่มมาวางให้ฉันอย่างใจดี
“น้ำกับขนมค่ะน้องมิ้ง”
“ขอบคุณค่ะ” ฉันยกมือไหว้พี่ใจดี ก่อนจะนั่งรอคุยงานกับพี่กราฟ ระหว่างนั่งรออยู่นั้นแพรก็ส่งข้อความมาคุยเล่นด้วยอย่างปกติ เจ้าตัวทำงานที่กองถ่ายชื่อดังเลยล่ะนาน ๆ จะว่างเจอกันทีส่วนใหญ่จะเจอกันหลังจากที่ปิดกล้องส่วนฉันนั้นเพราะรับงานฟรีแลนด์และจัดตารางงานเองเลยแอบมีเวลาว่างเยอะหน่อย
“มิ้ง กินข้าวเย็นด้วยกันนะพวกพี่ทำจิ้มจุ่มกัน” พี่ใจดีคนเดิมที่เดินเข้ามาชวนกินมื้อเย็น แม้จะตกปากรับคำพี่กราฟไปแล้วแต่ฉันตั้งใจไว้ว่าจะอ้างว่ามีธุระต่อจึงไม่ได้กินข้าวกับเขาแต่พอมีพี่ ๆ ชวนด้วยตัวเองแบบนี้ก็รู้สึกเกรงใจไม่น้อยเลยล่ะ
“เอ่อ...”
“นะ ๆ อยากให้กินด้วย มีขนมเยอะเลยนะ”
“ค่ะพี่ รบกวนด้วยนะคะ” พี่คนเดิมส่งยิ้มให้อย่างตื่นเต้นก่อนจะยกนิ้วโป้งให้ฉันอย่างดีใจจากนั้นก็เดินกลับเข้าไปยังโซนด้านหลังที่เป็นห้องครัว ถามว่ารู้ได้ยังไงก็เพราะมาบ่อยยังไงล่ะ แต่ถึงจะมาบ่อยและเดินผ่านบางโซนของสตูดิโอไปบ้างแต่ก็ไม่เคยอยู่นานเลย และนี่คงจะเป็นครั้งแรกที่ฉันจะฝากท้องมื้อเย็นกับที่นี่ กดดันจังแฮะ
ไม่สิ ตื่นเต้นหรือเปล่าอาการแบบนี้
“พี่แฟนอย่าวิ่งลูกเดี๋ยวล้ม”
“พี่แฟนวิ่งเร็วไม่ล้มหรอกครับ”
“ป๊ารู้ว่าพี่แฟนวิ่งเร็ว แต่ป๊าเป็นห่วง”
“งั้นพี่แฟนจะเดินดี ๆ ป๊าจะได้ไม่ห่วง”
“เก่งมากครับ” เสียงพูดคุยดังขึ้นไม่ไกลหันไปมองก็เจอกับพี่กราฟที่กำลังเดินตามหลังเด็กผู้ชายคนหนึ่ง เด็กน้อยคนนั้นใช้มือทั้งสองข้างกอดถุงขนมถุงใหญ่เดินเข้ามาในสตูดิโอ นั่นน่ะลูกชายคนโตของพี่กราฟล่ะชื่อน้องแฟน ฉันเจอบ่อยเลยน้องแฟน แต่ลูก ๆ คนอื่นของพี่กราฟฉันไม่เคยเจอแต่รู้ว่ามีอีกสองหรือสามคนนี่แหละจำไม่ค่อยได้ แต่แอบกระซิบนะว่าภรรยาพี่กราฟน่ารักมาก ฉันเขินตอนภรรยาพี่กราฟยิ้มมาก ๆ เลยล่ะ
“อ้าวมานานหรือยัง พี่ไปรับลูกมา” พี่กราฟเอ่ยทัก ฉันจึงลุกขึ้นยืนเพื่อทักทายพี่กราฟ ไม่ลืมยกมือไหว้ทักทายอย่างที่เคยทำ
“สวัสดีค่ะ เพิ่งถึงค่ะ”
“งั้นเข้ามาที่ห้องเลยก็ได้จะได้คุยงานแล้วก็เย็นนี้นะกินข้าวเย็นด้วยกันนะ คนอื่น ๆ ซื้อของมารอเราแล้ว” พี่กราฟยิ้มให้บาง ๆ
“รบกวนด้วยนะคะ”
“ยินดีมาก ๆ เดี๋ยวน้องพี่ก็จะมาทั้งสองคนเลย เดี๋ยวแนะนำให้รู้จัก”
“ค่ะพี่”
“พี่แฟนสวัสดีครับอามิ้งหรือยัง?” พี่กราฟเอ่ยบอกลูกชายตัวเองที่ยืนมองฉันสลับกับป๊าตัวเองไปมาด้วยแววตาระคนสงสัย
“สวัสดีครับอามิ้ง พี่แฟนมีขนมแบ่งอามิ้งนะครับ” จู่ ๆ ก็ได้ขนมปังหน้าตาน่ากินมาหนึ่งชิ้น
“ขอบคุณค่ะพี่แฟน”
“พี่แฟนยินดีมาก ๆ ครับ” คนตัวเล็กเอ่ยตอบกลับมาอย่างน่ารัก
“แบ่งอามิ้งเสร็จแล้วก็เอาขนมไปแบ่งพี่ ๆ ในครัวนะลูก ป๊าขอคุยงานกับอามิ้งก่อนนะ”
“ได้ครับ!”
“วุ่นวายหน่อยนะ ช่วงนี้ตื่นเต้นอะไรไม่รู้” พี่กราฟหัวเราะเบา ๆ ยามเอ่ยถึงลูกชายคนโตของตัวเอง ฉันพยักหน้าเข้าใจ จากนั้นก็เข้าไปในห้องทำงานของพี่กราฟเพื่อคุยงานที่พี่กราฟจะปล่อยให้ ใช้เวลาสักพักใหญ่ก็คุยกันเข้าใจจบประโยคด้วยการที่พี่กราฟชวนให้มาทำงานด้วยกันกับเขา แต่ฉันขอเวลาคิดแล้วจะมาให้คำตอบ หลังงานชิ้นนี้เสร็จสมบูรณ์ ขอเวลาทำใจก่อนนะ ฉันไม่เคยทำงานกับคนเยอะ ๆ มาตั้งสามสี่ปีกลัวจะปรับตัวไม่ได้น่ะสิ
“กับข้าวเสร็จแล้วนะ สวนหลังบ้านนะเว้ยกราฟ”
“ได้ ๆ เดี๋ยวตามไป”
ฉันเดินตามหลังพี่กราฟไปจนถึงสวนหลังสตูดิโอก็เจอกับพนักงานของที่นี่กำลังเตรียมกินหมูกระทะและจิ้มจุ่มด้วยกัน เป็นภาพที่ดูอบอุ่นไม่น้อยและทุกคนที่นี่ดูเหมือนจะสนิทกันมากจนฉันเริ่มคิดแล้วล่ะว่าจะเข้ากับทุกได้จริง ๆ ใช่ไหม จุดกลางความสนใจของทุกคนคือน้องแฟนลูกชายของพี่กราฟที่ดูช่างเจรจาเหลือเกินไหนจะยิ้มเก่งนั่นอีก น่าเอ็นดูมาก ๆ เลยล่ะ
“อาเกรย์! อาเกรฟ!”
“พี่แฟนระวังลูก” เสียงพี่กราฟเตือนแฟนเมื่อเจ้าตัวเล็กเรียกกลุ่มคนมาใหม่พร้อมกับปีนลงเก้าอี้แล้ววิ่งเข้าไปหาคนมาใหม่ ฉันจะไม่ตกใจเลยถ้าหนึ่งในนั้นไม่มีคนที่ฉันรู้จัก เกรฟย่อตัวลงอุ้มแฟนไว้พร้อมกับคุยอะไรบางอย่างกับแฟนจากนั้นก็ส่งแฟนให้กับคนที่มากับเขา สายตาคมจับจ้องมองมาที่ฉันนิ่ง ๆ กระทั่งเดินเข้ามาหยุดยืนใกล้ ๆ แต่ยังไม่ได้คุยหรือทักทายอะไรกันพี่กราฟก็แนะนำเราทั้งสองให้ได้รู้จักกัน
“มิ้งนี่น้องชายพี่เอง เกรย์แฝดพี่ แล้วก็นั่นเกรฟน้องชายพวกเรา”
“สวัสดีค่ะ มิ้งค่ะ” ฉันยกมือไว้คนที่พี่กราฟแนะนำว่าเป็นแฝดเจ้าตัวถึงว่าล่ะหน้าตาคล้ายกันมาก ส่วนอีกคน ฉันมองหน้าเขากำลังจะทักทายอีกฝ่ายกลับรีบพูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“รู้จักกันแล้วครับ”
“หือ? กับมิ้งน่ะเหรอ?” พี่กราฟทวนถามเมื่อได้ยินน้องชายตัวเองพูดแบบนั้น
“ครับ” เกรฟรับคำสายตายังจ้องฉันไม่ละไปไหน
“ดี ๆ งั้นก็ฝากดูแลมิ้งด้วยนะ ไปนั่งกันเถอะจะได้กินด้วยกัน”
“แล้วพี่สะใภ้มาไหม เห็นบ้านเงียบตอนออกมา”
“ไม่มาอยู่ที่ร้านกันหมด เดี๋ยวพี่แวะซื้อของโปรดเข้าไปให้เอง” พี่กราฟและแฝดเดินทิ้งห่างออกไป เหลือเพียงฉันและเกรฟที่ยังยืนอยู่ใกล้กัน สายตาคมมองอย่างพิจารณาก่อนจะชวนให้ไปนั่งที่เก้าอี้ นับว่าดีมาก ๆ ที่พี่ ๆ ที่สตูดิโอชวนฉันคุยเล่นรวมถึงชวนให้มาทำงานด้วยกันอยู่เรื่อย ๆ พร้อมทั้งยังชวนคุยเรื่องทั่วไปเพื่อไม่ให้รู้สึกเกร็ง แต่แบบนี้ก็รู้สึกดีนะเพราะฉันไม่ได้รู้สึกเหนื่อยอย่างที่นึกกลัวเวลาพูดคุยกับพี่ ๆ
“ทำไมไม่ตอบข้อความบ้างเลย” กระทั่งเริ่มกินอาหารตรงหน้าไปได้สักพักเกรฟที่นั่งข้าง ๆ ก็เอ่ยถามเสียงเบาโดยที่มือยังยื่นไปพลิกหมูสามชั้นบนเตาย่างไปมา
“ไม่มีข้อความ”
“ส่งทุกวันจะไม่มีได้ยังไง?” คงเพราะคำตอบของฉันถึงได้ทำให้อีกฝ่ายคล้ายกับกำลังโมโหถึงได้หันมามองหน้าดุ ๆ
“แต่ไม่มีแจ้งเตือนเลยนะ” ฉันยืนยันด้วยสีหน้าและท่าทางแสนจะจริงจัง
“แต่ส่งทุกวันไม่ได้ส่งผิดด้วย หรือเธอบล็อกเรา?”
“บ้าเหรอ? ไม่ได้บล็อก...” เมื่อนั่งขบคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ มือก็รีบหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมากดเข้าแอปพลิเคชันทันที ส่งผลให้ข้อความที่ถูกปิดแจ้งเตือนไว้ทยอยเด้งผลัดกันขึ้นมาบนสุดรอเกือบห้านาทีข้อความที่อยู่บนสุดและหมายถึงว่าส่งเข้ามาเป็นคนล่าสุดนั้นคือเกรฟพร้อมกับตัวเล็กสีแดงที่เปลี่ยนเป็น 99+
“ไม่ได้บล็อกแต่ปิดแจ้งเตือน? มิ้งได้มิ้ง” เกรฟยื่นหน้าเข้ามาแอบดูถึงกับทวนประโยคด้วยน้ำเสียงที่ฟังยังไงก็สยองอยู่ดี
“เราลืม ตอนทำงานเราปิดหมดทุกคนเลย จริง ๆ นะเราแค่ลืมเปิด”
“สองสัปดาห์เนี่ยนะ เปิดเลย เปิดตอนนี้เลยแล้วก็ห้ามปิดอีก” เกรฟสั่งเสียงเข้ม
“อะไรทำไมต้องดุมิ้งขนาดนั้น?” พี่กราฟถามอย่างสงสัยเมื่อได้ยินเกรฟดุฉัน เรื่องปิดแจ้งเตือนช่องแชตเขาแล้วไม่ยอมเปิด ก็คนมันลืมมันห้ามกันได้หรือไงล่ะ ปกติก็คุยแค่กับแพรพอปิดคนอื่นไปก็เลยไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่แค่นั้นเอง
“อย่าดุเพื่อน” ฉันรีบพยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่พี่กราฟบอกเกรฟเลยล่ะ อย่าดุฉันนะ ฉันตกใจง่าย
“ไม่ต้องเลยเธอน่ะ กินไปเยอะ ๆ ตัวผอมเหลือเกิน”
“อ้าว” อะไรของเขากัน พอเถียงพี่ชายไม่ชนะกลับมามองฉันดุ ๆ แทนเสียอย่างนั้น อะไรกันคะเนี่ย!
“มิ้งดื่มหน่อยไหม? ขับรถมาเองหรือเปล่า” พี่วอน ถามฉันพร้อมกับยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นสูงเล็กน้อยพร้อมกับสายตาที่มองมาอย่างมีความหวัง
“ขอบคุณค่ะพี่แต่วันนี้ขับรถมาค่ะ”
“เสียดายจัง พี่มีสูตรใหม่มาด้วย”
“ขอเป็นครั้งหน้านะคะ” เอ่ยบอกกับพี่วอนอย่างรู้สึกผิด
“ได้เลย เดี๋ยวหาสูตรใหม่มารอ”
“จะหาใหม่เองทำไม ก็เจ้าของร้านและเจ้าของสูตรเครื่องอยู่ตรงนั้นไง ข้าง ๆ มิ้งน่ะ” เสียงพี่คนหนึ่งดังแทรกเข้ามา ข้าง ๆ ฉันอย่างนั้นเหรอ? ตอนนี้ก็มีแค่เกรฟน่ะสิ
“นั่นสิ ว่าไงครับวันนี้โชว์ฝีมือหน่อยครับ ไม่ได้ชิมนานแล้ว” สายตาหลายคู่หันมาจับจ้องเกรฟอย่างอ้อนวอน พอเห็นทุกคนมองเกรฟเลยมองตามบ้างแต่แล้วก็ต้องสะดุ้งตกใจเมื่อพบว่าเกรฟกำลังมองฉันอยู่
“จะดื่มไหม? ถ้าดื่มจะชงให้ด้วย เดี๋ยวไปส่งเอง”
“ไม่...”
“มิ้งงงง//น้องมิ้งงง” จังหวะที่กำลังจะปฏิเสธเสียงร้องเรียกชื่อก็ดังทั่วทุกมุมโต๊ะคละเคล้าไปด้วยเสียงหัวเราะจากพี่กราฟและแฝดของเจ้าตัว
“อยากกินเถอะมิ้ง สงสารพวกนี้หน่อยนาน ๆ เกรฟมันจะชงให้เอง” พี่กราฟบอกฉันพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าวันนี้พี่กราฟดูสนุกจังเลยนะกับปาร์ตี้ตอนนี้น่ะ
“ก็ได้ค่ะ แต่ขอเบา ๆ ได้ไหม?”
“ได้ เดี๋ยวชงให้เบา ๆ”
เกรฟเดินหายเข้าไปในสตูดิโอสักพักใหญ่โดยมีพี่เกรย์ตามไปด้วย ส่วนฉันก็กินหมูกระทะสลับกับตอบคำถามตอนที่พี่กราฟถามบ้าง ไหนจะคำถามแสนจะน่าเอ็นดูของน้องแฟนบวกกับมือเล็กที่ใช้ที่คีบน้ำแข็งคีบกุ้งมาแบ่งให้ฉัน น่ารักเหลือเกินรู้แล้วล่ะว่าทำไมพี่กราฟถึงได้หลงรักลูกชายตัวเองมากขนาดนั้น
“ดี ๆ ล่ะ”
“ครับพี่”
“มาแล้วเหรอ? ถัง?” พี่กราฟมองเลยหลังฉันไป แววตาเปล่งประกายของพี่ ๆ ทำให้ฉันหันกลับไปมองตามก็พบว่าแฝดพี่กราฟที่ชื่อพี่เกรย์นั้นถือถังไม่สิ เหยือกแก้วขนาดใหญ่เดินเข้ามาใกล้โต๊ะโดยที่ภายในบรรจุน้ำสีสวยเอาไว้แบ่งเป็นชั้นอย่างสวยงาม
“ขี้เกียจทำหลายรอบ ชงทีเดียวจบ” เกรฟตอบก่อนจะเข้ามาหยุดยืนอยู่ข้าง ๆ ฉันยังไม่ยอมนั่งลง
“ความแรง?” พี่กราฟถามต่อ
“แปดเต็มสิบครับ”
“โห ไม่หมดอย่าฝืนนะขอร้อง ไม่ไหวก็นอนที่ห้องพัก อย่าขับรถ”
“รับทราบค่ะบอส” เสียงพี่ ๆ ขานรับเมื่อพี่กราฟเอ่ยเตือน น่ารักดีจัง เหมือนจะมีพี่อีกสองสามคนที่ทำงานในสตูดิโอแล้วยังเป็นเพื่อนพี่กราฟด้วยนะ
“อันนี้มาจิโต้ จิบเบา ๆ เอาแล้วกันนะ ถ้าจะกลับก็บอกเดี๋ยวไปส่ง” เกรฟวางแก้วเครื่องดื่มทรงสูงให้ตรงหน้าฉัน
“ขอบคุณค่ะ”
“ครับ ดื่มเถอะ” ความหอมหวานอมเปรี้ยวของเครื่องดื่มทำให้แทบไม่รู้เลยว่าแก้วนี้มีแอลกอฮอล์ถ้าเผลอดื่มเยอะนี่เมาแน่ ๆ ฉันบอกเลย ดังนั้นแก้วนี้ขอจิบละกันนะ เพราะความสนใจของฉันในตอนนี้คือหมูย่างบนเตาเกรียม ๆ นี่ยังไงล่ะ
“ตกลงจะเอายังไงเกรฟ พ่อเองก็อยากพักแล้วนะ”
“ผมยังอยากทำตรงนี้อยู่เลย”
“งั้นเอาแบบนี้ดีไหม? เข้าไปทำงานที่บริษัทส่วนวันหยุดค่อยเข้าร้านก็ได้ พวกพี่เองก็ทำแบบนั้น”
“ครับ เดี๋ยวผมลองจัดตารางใหม่อีกที”
“โอ๊ะ” ตะเกียบที่ค่อย ๆ วางลงบนจานร่วงหล่นลงบนพื้นหญ้าเมื่อตั้งใจจะก้มลงไปหยิบจู่ ๆ ก็มีมือข้างหนึ่งยื่นมาจับขอบโต๊ะไว้คล้ายกับป้องกันไม่ให้หน้าผากฉันชนขอบโต๊ะ แต่เจ้าของมือนั้นกำลังคุยกับพี่ชายอย่างจริงจัง จนฉันไม่กล้าเอ่ยอะไรเสียงดัง แม้กระทั่งคำขอบคุณยังเอ่ยบอกอีกฝ่ายไปเสียงเบา
“มิ้ง...”
“คะ?” ขานรับพร้อมกับมองคนที่เอ่ยเรียกตัวเอง เป็นพี่กราฟที่มองฉันด้วยรอยยิ้มระคนเอ็นดู
“จบงานนี้นะ พี่รอคำตอบ”
“ได้ค่ะ แต่แบบหนูเข้าสังคมไม่เก่ง” ฉันเอ่ยบอกพี่กราฟไปตามตรง เพราะฉันเชื่อว่าไม่ว่าที่ไหนก็อยากได้คนที่ทำงานร่วมกันเป็นทีมได้ทั้งนั้น คนที่เข้าสังคมยากหรือไม่มั่นใจตัวเองอย่างฉันนั้นน้อยนักที่จะมีคนอยากร่วมงาน
“ทุกคนเอ็นดูเราขนาดนี้ พี่เชื่อว่าถึงเวลานั้นเราจะไม่อึดอัดเลยมิ้ง”
“ใช่ พวกพี่อยากร่วมงานกับคนเก่ง ๆ แบบมิ้งมากเลยล่ะ” พี่วอนเอ่ยเสริม
“ขอบคุณค่ะ แต่หนูขอเวลาทำงานชิ้นนี้แล้วก็ตัดสินใจก่อนนะคะ”
“ได้ ยังไงพี่ก็จะรอร่วมงานกับเรา ส่วนคืนนี้ก็ให้เกรฟไปส่งนะมันดึกแล้วเราดื่มด้วย”
“เดี๋ยวไปส่งเองครับ ไม่ต้องห่วง” เกรฟเอ่ยบอกพี่ชายตัวเอง แต่ว่านะ พี่กราฟน่ะบอกฉันนะไม่ใช่เขา ฉันต้องเป็นคนตอบหรือเปล่าหรือยังไง ตอนนี้ก็เริ่มสงสัยแล้วเหมือนกัน