SPACE BAR 6
ตอนเช้าของการเดินทางไปทำงานไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่คิด เวลาเดินเร็วมากในห้วงความรู้สึกหลังจากตัดสินใจเข้าร่วมทำงานกับพี่สตูดิโอตอนที่ว่างก็พบว่าตัวเองทำงานที่นี่ได้เกือบสามเดือนแล้ว ซึ่งเร็วมากจริง ๆ ในความรู้สึก
“ยังไงกันเนี่ย เทียวรับเทียวส่งทุกวันเลย” และยังคงเป็นเช้าที่โดนพี่ ๆ ที่สตูดิโอแซว ในทุกวันเกรฟจะมาส่งและคอยรับกลับบ้าน ทั้งที่ฉันเองก็มีรถแต่เขายังคงอาสาไปรับไปส่งจนเริ่มจะเกรงใจ แพรเองก็แซวอย่างสนุกเช่นกันหลังจากที่นัดเจอกันครั้งก่อนแล้วเกรฟไปด้วย ตัวต้นเหตุที่ทำให้โดนแซวก็ไม่ได้สนใจอะไรให้อารมณ์ประมาณว่าใครจะแซวก็แซวเลย เขาไม่ได้สนใจออกจะชอบเสียด้วยซ้ำที่ถูกแซว
“พี่คะ แซวมาจะสามเดือนแล้วนะ” ฉันมองพี่น้ำพร้อมกับส่งสายตาขอความเห็นใจ แต่รุ่นพี่กลับหัวเราะลั่นเสียอย่างนั้น
“ฮ่า ๆ ๆ น่าสงสารแต่แกมึน ๆ งง ๆ แล้วน่ารักนะดีมิ้ง”
“พี่น้ำอย่าแซวเยอะเลยครับ” เจ้าของเสียงทุ้มเดินเข้ามายืนซ้อนหลังพร้อมกับช่วยถือกระเป๋าที่สะพายอยู่บนไหล่ให้
“ก็น่าแซวนี่นา น่ารักดี” พี่น้ำมองยิ้ม ๆ ก่อนจะชวนเราทั้งสองเดินเข้าสตูดิโอด้วยกัน
“จะไปร้านตอนไหน?” ระหว่างที่เดินเข้าสตูฯ ก็เอ่ยถามคนข้าง ๆ เสียงเบาส่วนมือนั้นก็พิมพ์ข้อความตอบกลับแพรอยู่ ครั้งก่อนเจ้าตัวบอกจะพาคนมาแนะนำให้รู้จักแต่ก็ยังไม่ได้เจอกันเพราะอีกฝ่ายไม่ว่างแต่วันนี้นี่แหละที่จะได้เจอเพราะฉันนัดกับเพื่อนไว้แล้ว ที่สำคัญนัดกันไว้ที่ร้านของเกรฟด้วยนี่สิ ที่ตั้งเยอะไม่รู้ทำไมถึงอยากพาไปที่นี่นัก
“วันนี้มีของมาส่งว่าจะไปสักบ่ายสาม”
“อื้อ”
“เดี๋ยวกลับเข้ามารับตอนเลิกงาน”
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวเรากลับเอง อีกอย่างเรามีนัดกับเพื่อนด้วย” ฉันยังไม่ได้บอกเขาเลยว่านัดกับแพรไว้
“นัดกับใคร จะไปที่ไหน?” เกรฟถามกลับมาเสียงเข้ม พร้อมกับค่อย ๆ วางกระเป๋าฉันลงบนโต๊ะอย่างเบามือ
“นัดกับแพรไว้”
“ถ้าจะกลับก็บอกจะได้ไปรับ วันนี้ไม่น่าจะได้อยู่ดึก”
“อื้อ เดี๋ยวบอก” ถ้าฉันไม่ลืมล่ะนะ ช่วงนี้เบลอ ๆ อยู่ด้วย
“ครับ หิวหรือเปล่าเดี๋ยวไปซื้อข้าวมาให้”
“ไม่หิวเลย กลับไปนอนพักได้แล้วตอนเย็นต้องไปทำงานต่อนะอย่าลืม” เอ่ยเตือนคนที่คอยเอาแต่ถามไถ่ฉันด้วยความเป็นห่วง
“ครับ เดี๋ยวกลับไปนอนพัก มีอะไรโทรมาได้เลยนะ”
“อื้อ รู้แล้ว ไปพักนะ”
“ครับ”
“เกรฟ...”
“หือ?” ร่างสูงที่กำลังจะเดินทิ้งห่างออกไปขานรับพร้อมกับหันกลับมามองฉันที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานเมื่อได้ยินเสียงเรียกจากฉัน
“ถึงแล้วบอกเราด้วยนะ”
“ครับ ถึงแล้วจะโทรบอกนะ”
“ขอบคุณค่ะ” เพราะเขาทำงานตอนกลางคืนแต่ช่วงเช้ายังตื่นไปรับฉัน เพราะแบบนี้ฉันเองจึงรู้สึกเป็นห่วงเขาอยู่มากในเรื่องการเดินทาง
“มิ้งงานใหม่เข้านะ” พี่วอนเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับวางขนมเค้กลงบนโต๊ะฉัน
“งานอะไรคะ?”
“โฆษณา วันนี้ลูกค้าจะเข้ามาล่ะ พี่มาบอกไว้”
“อ๋อ ค่ะ”
“ตั้งใจทำงาน พี่เองก็จะแอบงีบละ” ท้ายประโยคพี่วอนบอกก่อนจะสะดุ้งตกใจเมื่อพี่เจมส์ตะโกนเข้ามาด่าเมื่อได้ยินว่าพี่วินจะไปแอบนอน
“มึงมาหากูเลยวอน อย่าเพิ่งไปนอน”
“อะไรวะ แม่ง”
“มึงมา!”
“เออ ๆ ไปแล้ว” พี่วอนบ่นไม่จริงจังมากนักและยอมเดินเข้าไปหาพี่เจมส์ที่ตะโกนเรียกอยู่ เป็นเพื่อนที่สนิทกันแบบแปลก ๆ ดี อีกอย่างที่สังเกตดูเป็นพี่วอนที่ชอบแกล้งพี่เจมส์ให้หัวเสียแล้วก็ง้อ น่ารักดีนะ
“มิ้ง พี่สั่งกาแฟเอาอะไรไหม?”
“วันนี้ไม่เอาค่ะพี่ฝ้าย ขอบคุณนะคะ”
“ไม่เป็นไรจ้า เดี๋ยวพี่สั่งขนมมาให้เผื่อเราจะหิว” พี่ฝ้ายที่นั่งอยู่โต๊ะด้านนอกสุดถามและบอกมาแบบนั้น พื้นที่ทำงานของเราเป็นพื้นที่ยกระดับขึ้นมาจากส่วนที่เป็นห้องนั่งเล่นห้องรับแขกส่วนแรก ที่ตั้งโต๊ะเป็นโต๊ะคู่หันหน้าเข้าหากันซึ่งโต๊ะที่ฉันนั่งนั้นเป็นโต๊ะที่อยู่ด้านในสุดติดกับหน้าต่างทำให้มองเห็นต้นไม้และสนามหญ้าข้างสตูดิโอ เป็นมุมพักสายตาของฉันเลยก็ว่าได้
ตอนนี้พนักงานที่สตูฯ มีทั้งหมดสิบคนนับรวมพี่กราฟด้วย ทุกคนมีหน้าที่ต่างกันไปพี่ ๆ ผู้หญิงส่วนมากจะทำบัญชี ประสานงานและครีเอทีฟส่วนนี้ก็จะมีพี่น้ำ พี่ฝ่าย พี่จุล พี่หนุงหนิง ส่วนตากล้องหลักของที่นี่ก็จะมีพี่วอนกับพี่มิว ตัดต่อก็จะมีพี่เจมส์พี่ธีมแล้วก็ฉัน แต่โดยรวมพี่ ๆ ผู้ชายจะทำงานช่วยกันนะหากพี่วอนหรือพี่มิวไม่สบายถ้ามีงานถ่ายพี่ ๆ คนอื่นก็จะไปช่วย สรุปในนี้ฉันเด็กสุดเลยก็ว่าได้ ตอนนี้เรานั่งทำงานรวมกันอยู่เพราะพี่กราฟกำลังหาช่างเข้ามาต่อเติมห้องทำงานให้พวกเรา สตูด้านข้างก็มีคนเข้ามาขอเช่าถ่ายงานอยู่แทบทุกวันทำให้เราย้ายไปทำงานที่นั่นไม่ได้
“ทุกคนวันนี้บ่ายสามขอเรียกประชุมหน่อยนะ”
“ครับ/ค่า” เราทุกคนที่นั่งที่เก้าอี้ต่างขานรับคำแจ้งเตือนของพี่กราฟที่เพิ่งเดินเข้ามา เจ้านายที่เป็นเหมือนพี่ชายทำงานด้วยแล้วรู้สึกสบายใจมาก ๆ รวมถึงพี่ ๆ คนอื่น ๆ ด้วยจากที่กังวลและกลัวตอนนี้เริ่มปรับตัวได้แล้วรวมถึงเริ่มสนิทกับพี่ ๆ แล้วเหมือนกัน
ฉันนั่งทำงานเกือบสามสิบนาทีก็มีสายเรียกเข้ามาเป็นเบอร์ของเกรฟที่ฉันบันทึกไว้ กดบันทึกงานและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสายแทบจะทันที
“ค่ะ”
(ถึงบ้านแล้วครับ อาบน้ำเสร็จแล้วเหมือนกัน)
“อื้อ งั้นก็นอนพักนะ”
(ครับ เจอกันตอนเย็น)
“เจอกันค่ะ”
“เขินจัง” เสียงพี่ฝ้ายดังขึ้นจากมุมด้านหน้าฉันชะโงกหน้าไปมองก็เห็นว่าพี่ ๆ กำลังมองมาทางฉันพร้อมกับรอยยิ้มกริ่ม
“หวานมาก ปกติเห็นน้องกราฟนิ่ง ๆ แต่พออยู่กับมิ้งคือกลายเป็นอีกคน สายตา ท่าทางอ้อนมาก”
“สาว ๆ อย่ามัวแต่เมาส์ครับ ขอสัญญาหน่อยเจ้านายจะเช็กก่อนเซ็นจริง” เสียงพี่เจมส์ดังแทรกเข้ามาทำให้พี่ ๆ หยุดคุยกันและเตรียมเอกสารที่พี่กราฟต้องการ ส่วนฉันก็เลิกสนใจคนรอบข้างจมดิ่งอยู่กับงานตรงหน้า
เวลาเดินหน้าไปจนถึงเที่ยงฉันรู้สึกตัวอีกตอนที่พี่จุลเดินเข้ามาสะกิดถามว่าจะกินอะไรเป็นมื้อเที่ยง ฉันที่สวมหูฟังอยู่รีบถอดออกและคุยกับพี่ ๆ แทบจะทันที มื้อเที่ยงเราผูกปิ่นโตกับที่ร้านของแฟนพี่กราฟ แต่บางวันก็มีสั่งอย่างอื่นมากินด้วย กับข้าวที่ร้านแฟนพี่กราฟกินมาเกือบทุกวันไม่ได้รู้สึกเบื่อเลยจริง ๆ นะหรืออาจจะเป็นเพราะฉันเบื่อยากก็เป็นได้
“พี่มิ้งใช่ไหมครับ?”
“ใช่ค่ะ” เอ่ยตอบพนักงานที่เอาข้าวมาส่ง
“พี่เกรฟฝากเครื่องดื่มกับขนมมาให้พี่มิ้งด้วยครับ”
“อ้อ ขอบคุณค่ะ” อีกแล้วนะผู้ชายคนนี้ ชอบฝากมื้อเที่ยงฝากขนมมาให้เหลือเกินไม่รู้เอาเงินมาจากไหนเยอะแยะ ขุนจนฉันจะกลายเป็นหมูอยู่แล้ว
“กรี๊ด! อิจฉาอีกแล้วทำไมน่ารักกันขนาดนี้เนี่ย” เสียงพี่น้ำร้องแซวเมื่อได้เห็นและได้ยินสิ่งที่พนักงานส่งข้าวบอกมาแบบนั้น ก็แน่ล่ะพี่ ๆ เขาก็แซวแล้วแสดงท่าทีเขินอายแบบนี้ตั้งแต่ฉันเข้ามาแรก ๆ แล้วก็ว่าได้และไม่มีทีท่าจะลดลงเลยสักนิด
“กินข้าวกันค่ะหนุ่ม ๆ ข้าวมาส่งแล้ว”
“ครับ” พี่ ๆ ขานรับจากนั้นก็ย้ายกันไปที่ห้องครัวเพื่อกินมื้อเที่ยงด้วยกัน อ้อ ส่วนเจ้านายเราตอนเที่ยงจะออกไปกินข้าวกับภรรยาแทบจะทุกวันเลยก็ว่าได้หลงภรรยามากกว่าใครก็พี่กราฟนี่แหละ
“ประชุมกี่โมงนะ” ระหว่างนั่งกินข้าวด้วยกันพี่ ๆ ก็คุยเรื่องงานกันไป
“บ่ายสามเพราะบ่ายโมงครึ่งลูกค้าจะเข้ามา”
“อ้อ โอเค แล้วใครเข้าห้องประชุมกับกราฟมัน”
“หนุงหนิงเข้า กับ เจมส์”
“โอเค กินเยอะ ๆ จะได้มีแรง” พี่วอนบอกมือก็กุ้งในจานตัวเองให้พี่เจมส์ ฉันที่ลอบมองทั้งคู่ได้แต่ก้มหน้าซ่อนรอยยิ้ม ไม่ใช่เพื่อนแน่ ๆ ฉันมั่นใจ ฮื่อ เขินเลย จะแอบจิ้มแล้วนะคู่พี่วอนพี่เจมส์น่ะ
“มิ้งโทรศัพท์สั่นหรือเปล่า” พี่น้ำสะกิดบอก พอก้มมองโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้าง ๆ ก็พบว่าเป็นเกรฟที่โทรเข้ามาในตอนนี้
“ขอไปรับโทรศัพท์ก่อนนะคะ”
“เดี๋ยวข้าวมันเย็นเอาไปนั่งกินแล้วคุยที่โต๊ะก็ได้พวกพี่ไม่ถือ” พี่ฝ้ายบอกมาแบบนั้นฉันรู้สึกซึ้งใจมากจริง ๆ พี่ ๆ ที่นี่ใจดีและน่ารักกับฉันมาก
“ขอบคุณค่ะพี่” เอ่ยบอกมือก็ถือกล่องกับข้าวมื้อเที่ยงไปนั่งที่โต๊ะทำงานตัวเอง ดีที่โต๊ะทำงานจะเป็นโต๊ะคู่หันหน้าเข้าหากันทำให้ไม่ต้องกลัวว่าโต๊ะพี่ ๆ ที่อยู่ใกล้จะเปื้อนหากฉันทำกับข้าวหล่นใส่โต๊ะ
(รับช้ามาก ทำอะไรอยู่ครับ) ทันทีที่รับสายปลายสายก็บ่นไม่จริงจังมากนัก ภาพที่แสดงบนหน้าจอคือเกรฟยังนอนอยู่บนเตียงอยู่เลย มีแสงสลัวส่องให้เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายเลือนรางเท่านั้น
“ก็ย้ายกลับมาที่โต๊ะ ก่อนหน้านี้กินข้าวกับพี่ ๆ ที่ห้องครัว” ตอบอีกฝ่าย มือก็เริ่มตักข้าวเข้าปาก รวมถึงตอบข้อความของแพรที่ส่งเข้ามาในไลน์ผ่านคอมพิวเตอร์
(สั่งเครื่องดื่มกับขนมไปให้ ได้หรือยัง?)
“ได้แล้ว ขอบคุณนะแต่เราเกรงใจไม่ต้องส่งให้ทุกวันก็ได้”
(ไม่ได้หรอก อยากซื้อให้ อีกอย่างนี่นอนตอนกลางวันด้วยเวลาเราไม่ค่อยตรงกัน อยากดูแลเธอไงมิ้ง ขอแค่นี้ได้ไหมล่ะ)