หลังจากที่หยุดเรียนไปสามวันทำให้สมองได้พักผ่อนเพียงพอและคิดว่าฉันน่าจะพร้อมกับการเผชิญหน้าแล้วล่ะ
การที่เรามีพี่หรือน้องมันก็ดีเหมือนกันนะ เพราะบางเรื่องเราก็ไม่สามารถปรึกษาพ่อแม่ได้หรือเพื่อนด้วย พอมีไดมอนด์อยู่มันก็ทำให้ฉันไม่เหงาเท่าไหร่ ได้คุยกันตามประสาพี่น้องมันก็ทำให้รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
ช่วงที่ฉันไม่ไปเรียนเฌอรีนก็โทรมาหาฉันทุกวันทำให้ฉันรู้สึกว่า...เรื่องระหว่างพวกเขาอาจจะแค่สนุก หรือไม่ได้ตั้งใจก็ได้ ฉันยอมรับว่าฉันไม่อาจตัดใจจากมิโน่ได้ในตอนนี้ ฉันไม่อยากเลิกกับมิโน่ ยังอยากคบกับเขาต่อไปและฉันก็คิดว่าเฌอรีนเองก็คงไม่ได้รู้สึกอะไรกับมิโน่หรอก
นี่ฉันไม่ได้มองโลกในแง่ดีเกินไปใช่ไหม
“หายดีแล้วเหรอไลลา” เสียงมิโน่ทักขึ้นเมื่อฉันเดินผ่านประตูหน้าบ้านออกมา
“อื้อ ไม่เป็นแล้วล่ะ” มิโน่ยืนจ้องหน้าฉันแล้วก็ยิ้ม
“อะไร” ฉันถามออกได้ด้วยความเขิน ก็เล่นจ้องซะขนาดนั้น
“ไม่เห็นหน้าตั้งสามวันขอมองหน่อยไม่ได้เหรอ” มิโน่ยิ้มหวานมาให้
“บ้าน่า ขึ้นรถได้แล้ว” ตอนนี้แก้มฉันคงแดงแล้วมั่ง พอเข้ามานั่งในรถเรียบร้อย มิโน่ก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังทันที
“เมื่อไหร่ ไลลาจะบอกเรื่องของเรากับพ่อไลลาสักที”
“ทำไมเหรอ”
“โน่อยากดูแลไลลาให้มากกว่านี้ อยากอยู่ใกล้ๆ เวลาไลลาไม่สบาย” มิโน่ส่งยิ้มอบอุ่นมาให้ ฉันจึงเอื้อมมือไปจับมือของมิโน่เขาหงายมือขึ้นเพื่อประสานเข้ากับมือของฉัน
“อีกไม่กี่เดือนเราก็เรียนจบกันแล้ว พอไลลามีงานทำและทำให้พ่อเห็นว่าสามารถดูแลตัวเองได้ พ่อก็จะได้หายห่วง ถึงตอนนั้นถ้าไลลาจะมีแฟนพ่อก็คงไม่ว่าอะไรแล้วล่ะ”
“งั้นโน่จะรอนะครับ” มิโน่เอื้อมมืออีกข้างมาลูบผมฉันอย่างอ่อนโยนพร้อมกับดึงฉันเข้าหาตัวเพื่อจูบที่หน้าฝากอย่างแผ่วเบา
ฉันรักมิโน่นี้คือเหตุผลเดียวที่น่าจะเพียงพอให้ฉันอภัยแก่เขาและมองข้ามสิ่งที่เจอก่อนหน้านั้นได้
เมื่อมาถึงมหาลัยมิโน่ก็รีบลงจากรถเพื่อมาเปิดประตูให้ฉันพร้อมกับจับมือเดินเข้ามหาลัยไปพร้อมกัน ฉันไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใดแถมเต็มใจด้วยซ้ำ
อบอุ่นจัง
“เฮ้ ทางนี้” เณอรีนโบกมือให้เราสองคน
จังหวะที่เราเดินไปหา เฌอรีนจ้องมองลงต่ำที่มือของฉันกับมิโน่ซึ่งเราจับมือกันอยู่ ฉันเห็นแววตาไม่พอใจจากเฌอรีนแต่ก็แค่แป๊บเดี๋ยวเท่านั้น เธอเปลี่ยนเป็นยิ้มหวานให้ฉันทันที
“แกหายดีแล้วเหรอไลลา” เฌอรีนถามพร้อมกับดึงฉันเข้าไปกอดทำให้ฉันต้องปล่อยมือจากมิโน่
“อื้อ ไม่เป็นไรแล้วล่ะ” ฉันตอบพร้อมกับยิ้มให้เฌอรีน
“เข้าเรียนกันเถอะ” มิโน่บอก
ฉันหันไปมองหน้าเขาซึ่งเขาก็ยิ้มอบอุ่นส่งมาให้ และนั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกว่าไม่ควรคิดอะไรมากมายอีกต่อไปเพราะในสายตาของมิโน่มีแค่ฉัน
สามเดือนต่อมา
ฉันกับมิโน่ยังคบกันอยู่แต่ก็ยังไม่มีใครรู้เหมือนเดิม ฉันอยากจะเรียนให้จบก่อนแล้วค่อยบอกพ่อว่าฉันคบกับมิโน่ อีกไม่กี่วันก็ถึงวันรับปริญญาแล้ว อยากให้ถึงเร็วๆ จัง พอคิดได้ดังนั้นก็ทำให้ฉันนั่งอมยิ้มกับตัวเองอยู่หน้ากระจกในห้องนอน
ติ่ง
เสียงแอพพลิแคชั่นไลน์ดังขึ้น ฉันจึงหันไปมองที่หน้าจอโทรศัพท์ ‘มิโน่’ ฉันรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู
มิโน่ : นอนยัง
ไลลา : กำลังจะนอน โน่มีอะไรหรือเปล่า
มิโน่ : ปวดหัวอะ ยาแก้ปวดก็หมดด้วย
อ้าวเขาไม่สบายเหรอเนี่ย
ไลลา : ปวดมากไหม
ฉันรีบพิมพ์กลับไปถามด้วยความเป็นห่วง
มิโน่ : ถ้าได้กินยาก็คงดีขึ้นแล้วแหละ แต่ว่าตอนนี้ไม่มีใครอยู่บ้านเลย จะไปซื้อยาเองก็ไปไม่ไหว
ไลลา : งั้นเดี๋ยวไลลาเอายาไปให้นะ รอแป๊บ
ฉันค่อยๆ ย่องออกจากบ้านกลัวพ่อกับน้าภาตื่น ดีนะที่พ่อเข้านอนแล้ว ฉันเข้าไปในครัวเพื่อหายาแก้ปวดและเดินออกมาจากบ้านพยายามไม่ให้เกิดเสียงใดๆ
ห้านาทีต่อมาฉันก็มายืนอยู่หน้าบ้านของมิโน่
ไลลา : ไลลาอยู่หน้าบ้านแล้ว
ฉันพิมพ์ข้อความส่งไปบอกมิโน่
มิโน่ : ....(อ่านแล้ว)....
มิโน่ไม่ตอบข้อความกลับยิ่งทำให้ฉันร้อนใจ กลัวว่าเขาจะเป็นอะไรไป ฉันลองเอื้อมมือไปเปิดประตูเหล็กหน้าบ้านดู ไม่ได้ล็อก ทันทีที่ประตูเหล็กเปิดออกฉันก็รีบเดินเข้าไปในบ้านของมิโน่ ฉันกวาดสายตามองไปทั่วบ้านชั้นล่างก็ไม่เห็นมิโน่
ตุบ!
เสียงมาจากชั้นสองของบ้าน ฉันรีบเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสองแล้วก็ต้องหยุดมองเพราะข้างบนนี้มีสามห้อง มิโน่อยู่ห้องไหนเนี่ย ฉันหันไปทางซ้ายก็เจอห้องสุดทางเดินติดระเบียง ประตูห้องปิดไม่สนิท
น่าจะใช่ห้องนี้แหละ
ฉันเดินไปที่ประตูเอื้อมมือผลักเข้าไป แต่แล้วสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าก็ทำให้ฉันถึงกับพูดไม่ออก ฉันยืนนิ่งอยู่กับที่เหมือนมีใครมาสตั้นเอาไว้
อะไรกัน มิโน่กับเฌอรีน แล้วเฌอรีนมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง
พวกเขานอนกอดกันอยู่บนเตียง เสื้อนักศึกษากับกระโปรงทรงเอของเฌอรีนวางกองอยู่ปลายเตียง ฉันยกมือขึ้นปิดปากเมื่อมีก้อนสระอึกขึ้นมาจุกที่คอ
“อะ อึก...” ฉันหลุดเสียงร้องจนได้ ฉันรีบหันหลังแล้ววิ่งลงมายังชั้นล่าง
ทำไม พวกเขาถึงมาอยู่ด้วยกันอีก ฉันเริ่มไม่ไหวแล้วนะ ทำไมมิโน่ถึงทำกับฉันแบบนี้ ทำไมฉันต้องมาเห็นอะไรที่มันซ้ำซากแบบนี้ด้วย!
ฉันกำลังจะขาก้าวพ้นประตูเหล็กหน้าบ้านก็มีเสียงเรียกฉันไว้
“ไลลา นั่นแกใช่ไหม”
เฌอรีนเดินมาหา ฉันรีบเช็ดน้ำตาแบบลวกๆ แล้วหันกลับไปมองเฌอรีนตอนนี้เธอใส่เสื้อยืดสีขาวตัวใหญ่น่าจะเป็นเสื้อของมิโน่ ฉันเบือนหน้าหนีเมื่อน้ำตาเจ้ากรรมทำท่าจะไหลออกมาอีก
“อื้อ แกมาอยู่นี่ได้ไง” ฉันพยายามแสดงสีหน้าให้ดูปกติที่สุด
“คือ...เมื่อกี้ แกเห็นแล้วใช่ไหม” เฌอรีนพูดพร้อมกับยืนบิดไปมาอย่างเขินอาย
“ฉันก็ไม่อยากโกหกแกหรอกนะ แต่ว่ามิโน่นะสิ ขอไว้ว่าอย่าพึ่งบอกแก กลัวว่าถ้าแกรู้แล้วจะแซวเราสองคนอะ” เฌอรีนยิ้มอย่างเขินอาย
ฉันควรตอบว่าไงดี ควรยินดีใช่ไหม...
“อ๋อ” ฉันเหมือนคนที่ไร้วิญญาณ สมองไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว หูตาพล่ามัวไปหมด
“ฉันไม่รบกวนพวกแกล่ะ ฉันไปนอนก่อนนะ” ฉันพยายามกั้นน้ำตาเอาไว้พร้อมกับฝืนยิ้มไปให้เฌอรีน แทนที่เณอรีนจะปล่อยฉันไปเธอกลับดึงฉันเข้าไปกอด
“ฉันดีใจมากเลยนะไลลา ที่มีแกเป็นเพื่อน ไลลาเพื่อนรักของฉันแล้วก็มิโน่ด้วย” ฉันได้แต่ยืนนิ่งและพยักหน้าให้เฌอรีน
ทันทีที่เฌอรีนเดินกลับเขาไปในบ้านมิโน่ ฉันก็กั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป รีบเดินขึ้นห้องนอนให้เร็วที่สุดและพอได้เข้ามาอยู่ในพื้นที่ของตัวเองฉันก็ปล่อยโฮออกมาอย่างกั้นไม่อยู่ แขนขาไร้เรียวแรงทรุดตัวนั่งลงกับพื้นอย่างหมดอาลัย ฉันนั่งกอดขาตัวเองร้องไห้ออกมาไม่หยุด ความรู้สึกตอนนี้เหมือนมีใครเอามีดมากรีดใจฉันเล่น ความรู้สึกเหมือนคนโง่ที่เชื่อคำพูดเขาง่ายๆ ถ้าเขารักเฌอรีนแล้วเขามาขอคบกับฉันทำไม เพื่ออะไรกัน
.
.
.