อืม ครั้งหนึ่งผมเคยบ่นกับมันว่าอยากย้ายไปอยู่คนเดียว ที่บ่นไม่ใช่ว่าเบื่อจะอยู่ที่นี่ และไม่ใช่เพราะติดสาวที่ไหน แต่บ่นเพราะสงสารหัวใจตัวเองต่างหาก
ผมบ่น...แต่ก็ไม่อยากออกไปอยู่ข้างนอกคนเดียวแบบถาวร ผมยังอยากเห็นหน้าพี่ซอว์ ยังอยากหาเรื่องให้เธอดุด่าเหมือนเดิม
“ได้นะ” พี่ซอว์หันกลับมามองผมในที่สุด คราวนี้ยิ้มให้กันด้วย “อยากออกไปอยู่คนเดียวก็ได้ ฉันอนุญาต”
ไม่ได้คิดไปเองใช่ไหมว่าพี่ซอว์กำลังไล่ผมออกไปจากที่นี่กลาย ๆ
ผมเงียบไป ต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อจัดการความรู้สึกตัวเอง กระทั่งเสียงคุ้นหูดังแทรกเข้ามาในโสตประสาท ผมจึงเคลื่อนสายตากลับไปทั้งที่ปากยังปิดสนิท
“พวกเราไม่ได้บังคับมึงนะไอ้เกรย์ อยากอยู่ที่นี่หรืออยากออกไปอยู่คนเดียวก็ได้ อันนี้ขึ้นอยู่ที่ตัวมึงเอง” คำบอกกล่าวของพี่โฮปดังขึ้น ก่อนที่สองเท้าจะก้าวเข้ามายืนอยู่ตรงหน้า ไม่นานบางสิ่งก็ถูกยื่นมาให้ เมื่อหลุบตามองจึงได้คำตอบว่าสิ่งนั้นคือโทรศัพท์มือถือของผมเอง “ตอนมึงลงไปซื้อของกับซอว์ ไอ้เวย์เพื่อนมึงโทรมาบอกว่ามึงลืมของไว้ที่คอนโด ฯ มัน”
“...ลืมอะไรครับ” ผมรับโทรศัพท์มาแล้วใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง
ผมคงรีบจนไม่ทันสังเกต ไม่รู้ตัวเลยว่าทำมันหล่นไว้ในห้องตั้งแต่เมื่อไหร่ ในตอนนั้นโฟกัสแค่ว่าพี่ซอว์จะยอมให้ผมออกไปซื้อของด้วยไหมก็เท่านั้น
“ถุงน่องผู้หญิง”
“...” สิ้นคำตอบของพี่โฮป สมองก็ออกคำสั่งให้ผมเคลื่อนสายตาไปยังร่างบางที่เพิ่งปิดตู้เย็น แม้ไม่ใช่การพาดพิงอย่างจงใจ แต่พี่ซอว์ย่อมรู้ดีว่าถุงน่องนั่น...เป็นของเธอเอง
ผมบอกไปแล้วใช่ไหมว่าเรื่องคืนก่อนเกิดขึ้นในคอนโด ฯ เพื่อนผมเอง และใช่ ชื่อของมันคือไอ้เวย์
ไอ้เวย์ไม่ค่อยอยู่คอนโด ฯ เท่าไหร่ ไม่รู้มาก่อนด้วยว่าผมชอบใครหรือหิ้วใครมานอนด้วย สิ่งเดียวที่มันค่อนข้างเคร่งครัดคือต้องทำความสะอาดห้องให้เรียบร้อยก่อนออกไป
เช้าหลังวันเกิดเหตุ ด้วยความที่พี่ซอว์หงุดหงิดและรีบร้อนเป็นพิเศษ เธอจึงรีบแต่งตัว หยิบกระเป๋าได้ก็จ้ำอ้าวออกไปเลย ส่วนผม...ก่อนออกมาก็มั่นใจแล้วว่าไม่ได้ทิ้งอะไรไว้ในห้อง แต่ทำไมไอ้ถุงน่องบ้า ๆ นั่นถึงเล็ดลอดสายตาไปได้วะ
แล้วแม่งรู้ไงว่าผมเลิกงานตอนตีสองตีสาม ถึงได้โทรมาบอกช่วงนี้พอดี
“อ่อ” ผมไม่แสดงพิรุธอะไรนัก ทำเพียงครางรับอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว
“อ่อเหี้ยไรมึง เดี๋ยวนี้หิ้วผู้หญิงไปนอนด้วยแล้วเหรอ ลูกเต้าเหล่าใคร ผู้หญิงคนนั้นเต็มใจหรือเปล่า ไม่ได้ไปกระทำชำเราลูกสาวเขาใช่ไหม?”
ไอ้พี่โฮปยิงคำถามมาเป็นชุด น้ำเสียงที่ส่งมามีทั้งความสงสัย เป็นห่วง และกังวลไปพร้อม ๆ กัน
ผู้หญิงคนนั้นเป็นแฟนพี่ เธอไม่เต็มใจ ส่วนกระทำชำเราไหม...ก็ไม่ถึงขนาดนั้น แต่เลวร้ายพอกันคงเป็นการมอมเธอมากกว่า
“นายไปอาบน้ำได้แล้วเกรย์ พรุ่งนี้มีเรียน” ไม่รอให้ผมได้ตอบโต้อะไร พี่ซอว์ที่ดูเหมือนจะทนฟังต่อไปไม่ไหวก็พูดแทรกขึ้นมา
“เออ ๆ ไปอาบน้ำก่อนก็ได้ เรื่องผู้หญิงคนนั้นอย่าลืมมาเล่าให้กูฟังนะ” พี่โฮปไม่ได้เซ้าซี้อะไรต่อ มันทำแค่เออออตามแฟนแล้วเดินเข้าไปหอมแก้มพี่ซอว์หนึ่งฟอดแบบเน้น ๆ “ซอว์ง่วงยังอะ?”
ผละออกปุ๊บก็ถามอย่างมีนัยยะ แววตาแพรวพราวจนน่าต่อย เหอะ...
“ยังไม่ค่อยง่วงเท่าไหร่เลย” พี่ซอว์ส่ายหน้าไปมาเบา ๆ แล้วยกมือขึ้นลูบศีรษะพี่โฮปสองสามทีเหมือนมันเป็นเด็กน้อยคนหนึ่ง “ถ้านายง่วงก็ไปนอนก่อนเลย ขอจัดการอะไรอีกหน่อยนะ”
“จำได้ไหมว่าก่อนเข้างาน เธอสัญญากับฉันว่ายังไง” พี่โฮปทวงสัญญาที่เธอให้ไว้ ซึ่งผมคนนี้ก็ดันบังเอิญได้ยินตอนเข้าห้องน้ำที่ SL Club พอดี
เมื่อคิดย้อนกลับไป ผมก็แอบแค่นหัวเราะในใจอย่างอดไม่ได้
“อืม จำได้”
“งั้น...โฮปรออยู่ในห้องนะ”
พี่โฮปหลุบตามองริมฝีปากพี่ซอว์พักหนึ่งจึงยอมเดินกลับเข้าไปในห้อง ทิ้งความอิจฉาปริมาณมากไว้ในอกจนผมต้องแอบกำหมัดใต้กระเป๋ากางเกง ซุกซ่อนมันไว้ไม่ให้ใครรู้หรือมองเห็น
“ส่วนนายก็เลิกยืนบื้อแล้วไปอาบน้ำซะ” คล้อยหลังพี่โฮปไม่ถึงนาทีพี่ซอว์ก็หันมาบอกผม ก่อนจะหมุนตัวเตรียมเดินเข้าไปในห้องครัว
ทว่า...
หมับ!
ผมตามไปคว้ามือบางไว้ เป็นผลให้เจ้าตัวหันกลับมามองด้วยแววตาเขียวขึง “อะไรอีก?”
“พี่อยากให้ผมออกไปอยู่ข้างนอกจริง ๆ เหรอ” ผมอยากรู้...เมื่อกี้มันคาใจ
“นายบ่นกับโฮปเองนี่ มันก็เท่ากับว่านายอยากออกไปอยู่คนเดียวไม่ใช่หรือไง?”
“ครับ ผมบ่นเอง” ผมยอมรับ “แต่ไม่ได้อยากออกไปนะ ยังอยากอยู่ที่นี่”
“แล้วใครบังคับนาย”
โทนเสียงพี่ซอว์เย็นชามาก สายตาที่มองมาเองก็แทบจะไร้ความรู้สึกไปแล้ว แถมยังเจ็บมากกว่าเดิมตรงที่เธอบิดข้อมือออกจากฝ่ามือผม
ไม่สิ...ใช้คำว่าสะบัดออกน่าจะเหมาะกว่า จากนั้นก็ก้าวถอยหลังเพื่อรักษาระยะห่าง
ปฏิกิริยาแบบนั้นน่ะ เจ็บและทรมานกว่าตอนถูกเธอตบจนหน้าหันอีก
“ผมไม่ได้บอกว่าใครบังคับ แค่มาถามให้แน่ใจเฉย ๆ” ผมค่อย ๆ ดึงมือกลับมาไว้ข้างตัวพลางควบคุมสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด
“อยากได้คำตอบจริง ๆ ใช่ไหม?” พี่ซอว์เงียบไปพักหนึ่งก็ถามกลับมา “ใช่...นายเข้าใจถูกแล้วเกรย์ ฉันอยากให้นายออกไปจากที่นี่”
“...” อ้อ...
“ไปไกล ๆ ไม่ต้องกลับมาเลยยิ่งดี”
End Describe.