“พูดมาก ออกไปได้แล้ว รีบ ๆ อาบน้ำจะได้พักผ่อน” ที่พี่ซอว์พูดแบบนั้นเป็นเพราะประตูลิฟต์เปิดออกพอดี เธอก้าวเท้าออกไปคนแรก ตามด้วยพี่โฮป ส่วนผมเดินรั้งท้าย
ไม่ว่าจะตอนไหน ผมมักเป็นคนเดียวที่ต้องเดินตามแผ่นหลังของสองคนนั้นเสมอ
ได้แต่มองและเก็บซ่อนความเจ็บปวดเอาไว้
แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ใครคนใดคนหนึ่งหันกลับมา สิ่งเดียวที่ผมพอจะทำได้คือ...ยิ้มให้ ในสายตาของพี่ซอว์กับพี่โฮป ผมคือไอ้เกรย์ที่มีรอยยิ้มสดใส เป็นไอ้เกรย์ที่มักจะถอยหลังให้หนึ่งก้าวเสมอ
“ไอ้เกรย์ มึงอาบน้ำก่อนเลย” เมื่อเข้ามาในห้องแล้ว พี่โฮปที่เพิ่งถอดเสื้อตัวนอกออกก็พยักพเยิดหน้าไปยังห้องน้ำฝั่งซ้ายมือ
“ไม่เป็นไรครับ พี่อาบก่อนเลย” ผมตอบไปแบบนั้น ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็นแล้วกวาดสายตามองหาสิ่งที่ต้องการ แต่กลับพบเจอเพียงความว่างเปล่า
นมรสกล้วยของโปรดผมหมดตั้งแต่เมื่อไหร่วะ?
ผมขมวดคิ้ว เก็บคำถามนั้นไว้ในใจแล้วเดินไปนอนแผ่บนโซฟา ตามด้วยการล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นเกมแก้เซ็ง
“งั้นซอว์...”
“ฉันรู้นะว่านายคิดอะไรอยู่” พี่ซอว์เบรกอย่างรู้ทัน ผมจึงเอาโทรศัพท์ขึ้นมาอยู่ในระดับสายตาและแอบชำเลืองมองสองคนนั้นเงียบ ๆ “นายน่ะรีบ ๆ อาบเถอะ เหม็นเหงื่อจะตายแล้วโฮป”
“อาบด้วยกันดิ จะได้ประหยัดเวลาไง ไอ้เกรย์มันมีเรียนเช้าด้วยนี่ จะได้รีบอาบน้ำแล้วรีบนอน” พี่โฮปเอาผมไปอ้างอีกแล้ว “ใช่ไหมไอ้เกรย์”
“ไม่ต้องมาถามผมเลย พี่รีบ ๆ อาบเหอะน่า” ผมไม่เออออห่อหมกด้วย
“ไอ้เด็กเวร ไม่ช่วยกูเลย” มันเลยส่งสายตาชวนตีมาให้ แต่ไม่ได้จริงจังอะไรหรอก ผมกับมันกวนตีนกันเป็นประจำอยู่แล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่
เมื่อผมไม่เข้าข้าง ส่วนพี่ซอว์ก็ยืนกรานจะไม่อาบด้วย พี่โฮปเลยเดินคอตกเข้าห้องน้ำไปโดยไม่มีปากเสียงอะไรอีก
แกร็ก!
สิ้นเสียงล็อกประตูห้องน้ำ บรรยากาศภายในห้องพลันกลับมาเงียบสงัด ผมไม่พูดอะไร พี่ซอว์ก็ไม่พูดอะไร ต่างคนต่างอมพะนำ
สวบ...
“พี่จะไปไหนครับ” กระทั่งสองนาทีถัดมา เพราะพี่ซอว์ทำเหมือนกำลังจะออกไปข้างนอก ผมจึงกระเด้งตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว
“เซเว่น” เธอให้คำตอบสั้นกระชับ “ของในตู้เย็นหมด”
แสดงว่าเมื่อกี้...เธอเห็นว่าของโปรดผมหมดตอนผมเปิดตู้เย็นสินะ
เพราะเธอเอาใจใส่คนอื่นแบบนี้ไง ก็เพราะพี่ซอว์ของผมเป็นคนแบบนี้ไง...
“ผมไปด้วย” ไม่รอให้เธออนุญาตผมก็ลุกขึ้นยืน ทำท่าจะเดินไปใส่รองเท้า
หากทว่า...
“ไม่ต้อง ฉันจะไปเอง”
“แต่ผมอยากไปด้วย เผื่อของเยอะแล้วพี่ถือไม่ไหวไง”
“ฉันไม่ได้ซื้อรถถัง ทำไมจะถือไม่ไหว?”
“งั้นผมขอไปด้วยอย่างเดียวก็ได้”
“...”
“จะไม่พูดหรือกวนประสาทพี่ซอว์ สัญญาเลยครับผม”
“...”
พี่ซอว์จ้องหน้าผมอยู่ครู่หนึ่งเหมือนมีเรื่องให้ชั่งใจ ไม่นานก็ถอนหายใจทิ้งแล้วเดินออกจากห้องโดยไม่มีเสียงใด ๆ เล็ดลอดให้ได้ยินอีก ปฏิกิริยาตอบรับแบบนั้น...ผมจะถือว่าเป็นการอนุญาตแล้วกัน
ไม่รอให้เสียเวลาผมก็ก้าวเท้าเดินตามเธอไป พยายามรูดซิปปากให้สนิทที่สุด ถึงอย่างนั้น...สองตาก็แทบไม่ได้มองอย่างอื่นเลยนอกจากเธอ
ไม่กี่นาทีให้หลังเราสองคนก็มาถึงร้านสะดวกซื้อด้านล่างคอนโด ฯ ผมเป็นคนไปหยิบตะกร้าแล้วเดินตามเธอต้อย ๆ ไม่ว่ามือบางจะหยิบอะไรมา ผมก็ยื่นตะกร้าออกไปรอรับสิ่งของพวกนั้นอย่างรู้งาน เป็นแบบนั้นอยู่พักหนึ่ง จนพี่ซอว์ปริปากถาม “ขาดเหลืออะไรไหม”
คำถามดังกล่าวส่งผลให้ผมก้มมองของในตะกร้า สำรวจอยู่ครึ่งนาทีจึงพบว่าอาหารที่ผมและพี่โฮปกินเป็นประจำได้มาครบแล้ว
แต่ว่านะ...วันนี้วันที่ 14 ไม่ใช่เหรอ ผมหมายถึง...
“ผ้าอนามัยพี่หมดไม่ใช่เหรอ” ผมเงยหน้าขึ้นมองเธอ “อีกวันสองวันเมนส์ก็มา ทำไมไม่ซื้อไปทีเดียวเลยละครับ”
ผมไม่รู้สึกกระดากปากกับคำพูดนั้น และมองว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติของผู้หญิงทุกคน แต่สำหรับพี่ซอว์แล้ว การที่ไอ้เกรย์คนนี้จำได้ขึ้นใจว่าประจำเดือนของเธอมาวันที่เท่าไหร่ มันไม่ใช่เพราะความเอาใจใส่ แต่เป็นการสาระแนไม่เข้าเรื่องมากกว่า
“เรื่องแบบนี้ลืม ๆ ไปบ้างก็ดีนะ” พี่ซอว์ทำหน้าเอือมระอาแล้วเดินไปยังโซนขายผ้าอนามัย ก่อนจะหยิบผ้าอนามัยยี่ห้อที่เธอใช้เป็นประจำมาสี่ห่อ “แล้วคราวหน้าคราวหลังหยุดสำรวจของใช้ของฉันด้วย เสียมารยาท”
หลังจากโยนผ้าอนามัยใส่ตะกร้าแล้ว เธอก็เดินลิ่วไปยังเคาน์เตอร์เพื่อจ่ายเงิน
แม้ไม่มีสีหน้าชนิดไหนปรากฏให้เห็น แต่วูบหนึ่งผมมีความคิดอยากพูดบางอย่างให้เธอสะอึกเหมือนกันนะ อย่างเช่น...พี่โฮปของเธอเคยจำเรื่องพวกนี้ได้บ้างไหม มันเคยถามเธอเกี่ยวกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้บ้างหรือเปล่า
แต่เอาเหอะ พูดไปก็เหมือนหาเรื่องเกทับพี่โฮปเปล่า ๆ
ผมควรจำให้ขึ้นใจ...ไม่ว่ายังไงผมก็แพ้แฟนสุดที่รักของเธออยู่ดี
สิบนาทีต่อมา
เราสองคนกลับมาถึงห้องพร้อมข้าวของเต็มไม้เต็มมือ ก่อนจะพบว่าพี่โฮปอาบน้ำเสร็จแล้ว มันนั่งเช็ดผมอยู่บนโซฟาตัวเดียวกันและตรงจุดเดียวกันกับที่ผมนั่งก่อนหน้านี้
“ออกไปซื้อของเหรอ น่าจะรอกันบ้าง” พี่โฮปหลุบมองของในมือเราสองคนด้วยแววตาน้อยอกน้อยใจ
ต่อหน้าแฟนเรียกร้องความสนใจเก่งฉิบหาย
“พวกนายนี่ยังไงกันนะ” พี่ซอว์วางของไว้บนโต๊ะ ผมจึงวางตาม “คนหนึ่งก็งอแงอยากไปด้วย อีกคนก็งอแงให้รอกันบ้าง ฉันแค่ออกไปซื้อของไหม”
เธอบ่นประหนึ่งว่าผมกับพี่โฮปเป็นเด็กเล็กที่ชอบสร้างเรื่องปวดหัวให้ไม่เว้นแต่ละวัน
“ผมแค่ไปเพราะอยากช่วยถือเฉย ๆ นะ” ผมแก้ตัวด้วยเหตุผลที่พอจะฟังขึ้นอยู่บ้าง แต่ความเป็นจริงคือแค่อยากไปกับเธอเท่านั้น
“กระตือรือร้นทำดีขนาดนี้ หวังผลไรเปล่า” พี่โฮปทำจมูกฟุดฟิด “ซอว์อย่าให้ค่าขนมมันเพิ่มนะ แม่งเอาไปละลายแต่กับของไร้สาระ” แล้วทิ้งท้ายด้วยสายตาดุ ๆ เหมือนรู้ทันพฤติกรรมบางอย่างของผม
ว่ากันตามจริง ถึงจะหาเงินจากการเป็น Demon ได้เยอะมากในเดือน ๆ หนึ่ง แต่พี่ซอว์มักจะให้ค่าขนมเล็ก ๆ น้อย ๆ กับผมอยู่เสมอ
แล้วไอ้เรื่องใช้เงินแบบสุรุ่ยสุร่ายน่ะ ผมใช้แต่เงินที่ตัวเองหามาทั้งนั้น
ส่วนเงินที่พี่ซอว์ให้ บอกตามตรงว่าผมแทบไม่ได้ใช้
แม้จะปฏิเสธเป็นร้อยเป็นพันครั้ง แต่ด้วยความที่เธอเห็นผมมาตั้งแต่เด็ก ๆ รับรู้ปัญหาในช่วงมอต้นว่าผมไม่ค่อยมีเงินซื้อของดี ๆ กิน เธอจึงเคยชินกับการหยิบยื่นให้ไปโดยปริยาย
ผมโตแล้ว หาเงินเองได้แล้ว บอกกี่ครั้งเธอก็ไม่เชื่อ ยังแอบเอาค่าขนมมาให้กันอยู่เลย
แต่ก็นะ หลังจากทำเฮงซวยกับพี่ซอว์ไว้เมื่อคืนก่อน ผมคงไม่ได้อะไรจากเธอแล้วแหละ...ไม่ใช่แค่สิ่งของ
แต่รวมถึงความไว้ใจที่เคยมีให้ด้วย
“ผมไม่ได้หวังผลนะ” พูดพลางส่ายหน้า “ผมมีเงินเก็บจากการทำงานตั้งหลายบาท จะรบกวนทำไม”
“มึงไม่ได้ขอแต่ซอว์ให้ไง”
“งั้นตั้งแต่วันนี้ไปฉันไม่ให้ค่าขนมแล้วนะ” พี่ซอว์ทำให้ผมที่กำลังภาคภูมิใจกับการหาเงินด้วยตัวเองหยุดชะงักกลางคัน พอหันไปมองก็พบว่าเธอกำลังจัดแจงของเข้าตู้เย็นอยู่ ปากพูด แต่สองตาไม่มอง “ฉันเห็นด้วยว่าเกรย์โตพอจะรับผิดชอบชีวิตตัวเองได้แล้ว”
“อ้อ แบบนี้ใช่ไหม เมื่อเดือนก่อนมึงถึงบ่นว่าอยากออกไปอยู่คนเดียว โตเป็นหนุ่มละนี่ ติดสาวละสิท่า”