ตอนที่ 8 แลกเปลี่ยน

1665 Words
“ลอยไปทางใดก็ไม่ไป กลับลอยมาทางเกาะของเราเสียได้นี่” หญิงชราผู้หนึ่งเอ่ยด้วยความหวาดหวั่น ชาวบ้านบนเกาะจิงเหมินเห็นแล้วว่าเกาะลอยค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้ามาทีละนิด พวกเขายังคิดว่าอีกไม่นานเกาะประหลาดแห่งนี้ก็จะเคลื่อนตัวห่างออกไปเอง ไม่คิดว่ามันจะลอยค้างอยู่ที่เดิมนานนับเดือน เป็นเหตุให้สองพี่น้องสร้างแพออกมาจากเกาะจนสำเร็จ “ความลับบนเกาะหลายร้อยปีที่ผ่านมา เราอาจได้รู้จากปากเด็กสองคนนั้นก็เป็นได้ อย่างไรก็แสดงความเป็นมิตรกับพวกเขาสักหน่อย เด็กสองคนอาศัยอยู่บนเกาะแห่งนั้นได้ เราจะรอดูกันว่าพวกเขาจะกลับไปอีกครั้งได้หรือไม่” กลุ่มบุรุษที่ถืออาวุธเอาไว้พากันวางอาวุธลงบนพื้น มีชายหนุ่มสี่คนเดินแย้มยิ้มไปช่วยกันลากแพของสองพี่น้องกลับมาขึ้นฝั่งส่งเสียงพูดคุยถามคำถามออกมาด้วยความเป็นมิตรมากกว่าเดิม “พวกเจ้าอย่าหาว่าเราเสียมารยาทเลย เราไม่เคยพบคนที่อาศัยอยู่บนเกาะนั้นเลยสักครั้ง มาพวกเราจะเล่าให้เจ้าฟังว่าเหตุใดมันจึงได้ชื่อว่าเกาะลอย และข้าก็มีคำถามอยากรู้จากพวกเจ้ามากมายนัก” เกาโหลวเชิญชวนให้สองพี่น้องเข้าไปในหมู่บ้านอย่างใจกว้าง “ท่านอาโปรดอภัยเราสองพี่น้องเช่นกันขอรับ เรามีกันเพียงสองพี่น้องสถานที่ที่เราสองคนมั่นใจก็มีเพียงเกาะลอยแห่งนั้น ข้าเพียงต้องการติดต่อกับผู้อื่นบ้างก็เท่านั้นดูว่าเราจะสามารถขอความช่วยเหลือทางใดได้บ้าง” สี่เสินแสดงความรู้สึกออกมาจากใจจริง เขาไม่กล้าออกห่างจากแพลำเล็กไปไกล ไม่อาจวางใจกลุ่มคนที่ดูเหมือนจะเป็นคนดีได้เพียงแค่คำเชื้อเชิญไม่กี่ประโยค เหยาจีเสียอีกที่ลดการป้องกันตัวลงได้อย่างสนิทใจโดยสมบูรณ์ สายตาซุกซนของนางมองสำรวจไปทั่วไม่ว่าจะเป็นกลุ่มมนุษย์วัยแตกต่างกัน มีทั้งบุรุษสตรีเฉกเช่นเดียวกับทวยเทพบนแดนสวรรค์ เพียงแต่เครื่องแต่งกายของพวกเขาไม่ได้งดงามและยังมีสีสันและรูปแบบเดียวกันเกือบจะทั้งหมด เกาะขนาดใหญ่แห่งนี้ดูเหมือนว่าจะใหญ่กว่าเกาะลอยที่ตนอาศัยอยู่ถึงสามเท่า แต่มันไม่ได้มีภูเขาสูงอยู่บนเกาะ มีเพียงแนวต้นไม้และกลุ่มบ้านเรือนผู้คนมากมายกับเรือจำนวนมากที่จอดอยู่บนชายฝั่งและด้านบนตามแนวต้นไม้ “พับผ่าเถอะ!! เจ้าวางใจเกาะประหลาดนั่นมากกว่าหมู่บ้านของเราอีกหรือ? สมควรแล้วที่เจ้าสองพี่น้องอาศัยอยู่บนเกาะแห่งนั้นได้ พวกเจ้าก็ประหลาดเช่นกัน” ชายฉกรรจ์อีกคนสบถออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อหู “อย่าทำให้พวกเขาตกใจเลย เขาสองคนประสบภัยเรือแตกมาก็ขวัญเสียมากพออยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องรีบเร่งคาดคั้นเอาความอะไรกันมากมายหรอก แล้วพวกเจ้าคิดจะให้พวกเราช่วยเหลืออะไรได้บ้างเล่า?” สี่เสินเงียบไปอึดใจ อันที่จริงตนก็ไม่รู้จะขอความช่วยเหลืออะไรจากคนกลุ่มนี้เช่นกัน พวกเขาสามารถนอนในถ้ำได้อย่างปลอดภัย มีผลไม้และสัตว์ให้จับกิน น้ำดื่มสะอาดก็มีเพียงพออยู่แล้ว “ข้าอยากได้เสื้อผ้าให้น้องสาวได้ผลัดเปลี่ยนสักชุดหนึ่งขอรับ บนเกาะมีน้ำตก มีธารน้ำให้เราใช้อาบและดื่มกินได้ แต่เราใส่เสื้อผ้าชุดเดียวมานานนับเดือนแล้ว ข้าสงสารนาง” เด็กหนุ่มชี้มือไปที่น้องสาวหน้าตาน่าเอ็นดูด้วยแววตาอบอุ่นอ่อนโยน เกาโหลวมองดูเสื้อผ้าบนร่างของสองพี่น้องที่สกปรกมอมแมมจนแทบมองไม่เห็นสีเดิมของมัน แต่เห็นได้ชัดว่าเสื้อผ้าของเด็กทั้งสองล้วนถูกตัดเย็บมาจากผ้าชั้นดีรูปแบบงดงามไม่เหมือนชาวประมงอย่างพวกตน “เดาว่าพวกเจ้าทั้งสองคงมาจากครอบครัวที่มีฐานะไม่ธรรมดา อาศัยอยู่บนนั้นลำบากเกินไปหรือไม่ กินอยู่หลับนอนกันอย่างไร” “เราสองคนชินแล้วขอรับ บนเกาะมีผลไม้มากมาย มีปลาในลำธารที่ใสสะอาด รอบเกาะยังมีกุ้งหอยปูปลาให้จับกินได้จำนวนมาก ข้าสามารถจับพวกมันด้วยมือเปล่าเลยด้วยซ้ำ” ชาวบ้านพากันตาโตด้วยความสนอกสนใจ พวกเขาเห็นอยู่แล้วว่าบนเกาะมีต้นไม้เขียวขจี แต่ไม่เคยคิดว่าจะมีแม้กระทั่งน้ำตกและลำธาร ส่วนสัตว์ทะเลที่มีมากจนจับได้ง่ายถึงเพียงนั้นก็แน่ล่ะ พวกมันไม่เคยถูกรุกรานจากใครมาก่อนนี่ เผลอๆ พวกมันอาจจะคิดว่าเด็กทั้งสองเป็นเพื่อนเล่น เสนอตัวมาให้พวกเขาจับกินได้ง่ายๆ เองเสียอีก “เสื้อผ้าของหลานชายหลานสาวข้าก็พอแบ่งปันให้ได้อยู่ แต่พวกมันก็ไม่ได้ใหม่นะ เจ้าจะรังเกียจหรือไม่เล่า?” หญิงชราคนหนึ่งเสนอความช่วยเหลือ “ไม่รังเกียจเลยเจ้าค่ะ ข้าอยากใส่เสื้อผ้าเหมือนกับพวกท่านเหลือเกินแล้ว ชุดของพวกเราสองคนน่าเกลียดจะตายไป” เหยาจีรีบเอ่ยปากรับคำโดยไว “แต่ว่า..เราสองคนไม่มีเงินนะเจ้าคะ” เด็กหญิงจำได้แม่นยำ พี่สี่เสินบอกว่ามนุษย์หาซื้ออาหาร เสื้อผ้าและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ด้วยเงิน แต่นางกับสี่เสินย่อมไม่มีอยู่แล้ว “ไม่เป็นไร หลานข้าโตกันแล้วเสื้อผ้าพวกนั้นเก็บเอาไว้ก็ไม่ได้ใช้ ข้าจะรีบกลับไปเอามาให้ เจ้าสองคนรออยู่ก่อนก็แล้วกัน” หญิงชรามองใบหน้าแดงก่ำจากการตากแดดมานานของเด็กหญิงตัวน้อยแล้วก็สงสาร ดูแล้วสองพี่น้องเป็นเด็กหน้าตาผิวพรรณดีไม่น้อยเลยทีเดียว เพียงแต่การอาศัยอยู่บนเกาะร้างเพียงลำพังต้องทำงานทุกอย่างโดยไร้ที่อยู่อาศัยจึงทำให้พวกเขาสกปรกมอมแมม ผมเผ้ายุ่งเหยิงไปหมด สตรีชาวบ้านหลายคนต่างก็เห็นข้อเท็จจริงนี้เช่นกัน พวกนางพากันอุ้มลูกหลานวัยเยาว์ของตนกลับไปที่หมู่บ้าน เพื่อไปดูว่ามีสิ่งใดเหลือใช้สามารถจะนำมามอบให้สองพี่น้องได้บ้าง “พวกเจ้ามาจากเมืองใด สกุลใดกัน ไม่คิดจะกลับไปบ้านเกิดเมืองนอนตนกันหรือ?” เกาโหลวแปลกใจที่สองพี่น้องคิดจะอาศัยบนเกาะลอยโดยไม่ขอความช่วยเหลือในการส่งตัวกลับไปหาญาติพี่น้อง “เราไม่มีญาติพี่น้องอีกแล้วขอรับ การเดินทางครั้งนี้พวกเราตั้งใจจะย้ายที่อยู่อาศัยกันทั้งครอบครัว” เด็กหนุ่มก้มหน้านิ่ง นึกถึงพี่น้องผีเสื้อทูตสวรรค์ของตน ใบหน้าและแววตาเศร้าหมองที่แสดงออกมานั้น ทำให้กลุ่มชาวบ้านพานคิดไปว่าเขาไม่อยากกล่าวถึงเรื่องราวร้ายแรงที่เพิ่งผ่านมาได้อย่างแนบเนียน “เราสองพี่น้องแซ่มู่ ข้ามู่สี่เสิน น้องสาวข้ามู่เหยาจีขอรับ จากนี้ไปบ้านของเราสองพี่น้องก็คือที่เกาะลอยแห่งนั้น พวกท่านคิดว่าจะมีผู้ใดตำหนิเอาผิดเราได้หรือไม่” “ไม่มีๆๆๆ ไม่มีใครหาญกล้าคิดเป็นเจ้าของเกาะลอยแห่งนั้นหรอก หากพวกเจ้าอาศัยอยู่ได้กันจริงๆ ที่นั่นย่อมเป็นของเจ้าไม่มีผู้ใดไปทวงถามหรอกอยู่ไปเถิด” สี่เสินหันมาจับมือน้องสาวเอาไว้แน่น การใช้ชีวิตในฐานะมนุษย์ของพวกตนดูเหมือนจะเริ่มต้นได้ดีไม่น้อย มีผืนแผ่นดินที่ปลอดภัย มีอาหารและเพื่อนมนุษย์ให้ไปมาหาสู่ “ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน เราจะไม่ขอเสื้อผ้าจากท่านไปเปล่าๆ ขอรับ ข้ามีผลไม้กับปลาที่จับได้ติดตัวมาด้วย หากใช้ของเหล่านี้แลกเปลี่ยนกับเสื้อผ้าจะเป็นการเสียมารยาทหรือไม่ขอรับ” เหยาจีได้ยินพี่ชายกล่าวเช่นนั้นก็รู้สึกดีใจ การรับเอาของจากผู้อื่นไปเปล่าๆ โดยไม่ได้ตอบแทนเป็นสิ่งไม่ดี พี่ชายสอนเอาไว้นางจำได้ นางเปิดห่อผ้าที่คล้องไว้กับบ่า ด้านในมีทั้งกล้วย มะกอก ทับทิม องุ่น ส้มและมะม่วง อย่างละนิดละหน่อย แต่ก็น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับหมู่บ้านชาวประมงที่เพาะปลูกต้นไม้ได้ไม่ดีนักบนเกาะจิงเหมิน “มีอะไรไม่เหมาะสมกันเล่า? พวกนางก็บอกอยู่เมื่อครู่ ว่าเสื้อผ้าที่จะนำมาให้เจ้านางไม่ได้ใช้ ว่าแต่บนเกาะลอยมีผลไม้มากมายถึงเพียงนี้เลยเชียวหรือ? ข้าว่าพวกมันดูดีเกินกว่าสิ่งของที่พวกเจ้ารับไปด้วยซ้ำนะ” กลุ่มชาวบ้านล้อมวงกันมาดูผลไม้ในห่อผ้า ปลาที่สี่เสิ่นจับมาก็ตัวใหญ่กว่าที่พวกเขาหาได้ด้วยซ้ำ เมื่อครู่มู่สี่เสินว่าอะไรนะ? เขาจับมันมาด้วยมือเปล่าใช่หรือไม่? เด็กชายคนหนึ่งคนเอื้อมมือมาคว้าเอาผลไม้จากห่อผ้าไปถือไว้ แต่เป็นมารดาของเขาที่หน้าซีดเป็นไก่ต้ม รีบแย่งผลไม้จากมือบุตรชายส่งกลับคืนไปในห่อผ้าดังเดิม “พวกมันกินได้จริงๆ เจ้าค่ะ ข้ากับพี่ชายก็อาศัยผลไม้เหล่านี้กินอยู่ทุกวัน บนเกาะมีมากมายเลย หากเอามากองรวมกันก็คงจะได้สักเท่านี้กระมัง” เหยาจีวาดมือออกไปวงกว้าง แสดงขนาดจำนวนของผลไม้กองเท่าภูเขาลูกย่อมๆ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD