บทนำ
ท้ายซอยของชุมชนเล็กๆ แถวชานเมืองมีบ้านไม้สองชั้นหลังกะทัดรัดปลูกไว้ ตัวบ้านถ้าดูจากภายนอกแล้วอาจจะดูเก่านิดๆ เนื่องจากสร้างมานาน และรอบๆ ตัวบ้านนั้นมีต้นไม้น้อยใหญ่ให้ร่มเงาเย็นสบาย เจ้าของบ้านเปิดประตูรั้วสีขาวราวระดับเอวแล้วเดินเข้าไป
แพรพิชา อดิศักดิ์สกุล หรือหนูแพร พนักงานออฟฟิศวัยยี่สิบสามปี ต้องขยันทำงานเลี้ยงชีพ พร้อมยังส่งน้องชายเพียงคนเดียวเรียนหนังสือซึ่งก็คือ พัชฏะ อดิศักดิ์สกุล เด็กหนุ่มวัยยี่สิบปี ในขณะนี้กำลังจะสำเร็จการศึกษา ด้านการช่างที่วิทยาลัยใกล้บ้าน
ในจังหวะที่หญิงสาวจะไขประตูบ้านนั้น มือเรียวบางชะงักนิดๆ เมื่อหน้าประตูมีจดหมายสอดแนบเอาไว้ และที่สำคัญยังจ่าหน้าซองถึงเธอด้วย ครั้นจะเป็นจดหมายเรียกเข้าทำงานก็คงไม่ใช่ เพราะกวาดสายตาดูแล้ว ผู้ส่งคือสถาบันที่น้องชายเธอกำลังศึกษาอยู่นั้นเอง แพรพิชาเปิดผนึกจดหมายออกอ่าน
ผ่านไปไม่ถึงอึดใจมือเรียวบางสั่นระริก เมื่อเนื้อความในจดหมายนั้นรายงานพฤติกรรมน้องชายเธอละเอียดยิบ ทั้งผลการเรียนที่คาดว่าจะไม่สำเร็จการศึกษาพร้อมเพื่อนในแผนก เพราะเด็กหนุ่มไม่เข้าเรียนทั้งยังไม่ส่งการบ้าน นอกจากนี้ยังมีเนื้อความแนบมาด้วยว่า ขณะนี้พัชฏะเข้าไปพัวพันกับยาเสพติดและการพนัน
“พี่จะจัดการกับเราอย่างไรดี” บ่นออกมาเช่นนี้ มันไม่ใช่ครั้งแรก เมื่อพัชฏะมีพฤติกรรมดังกล่าวมาตั้งแต่เริ่มเรียน ปวช.2 แพรพิชาพยายามเข้าใจวัยรุ่นแต่บางครั้งก็อดไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวไม่ได้
คนตัวเล็กได้แต่ถอนหายใจยาวพรืดด้วยความเหน็ดเหนื่อยใจ ครั้นจะอบรมสั่งสอน บอกเลยว่าเด็กคนนี้หัวดื้อรั้นสุด ครั้นเธออบรม เจ้าน้องชายมันก็ยอมรับฟังนะแต่ไม่ปฏิบัติตามเท่านั้น คือพัชฏะเป็นประเภท ทำอะไรตามใจฉัน! ซึ่งเธอเองก็เพลียจิตที่จะพร่ำพูดด้วย และถ้าไปพบครู ที่ปรึกษาก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพราะเจ้าตัวปัญหาเขาไม่ยอมแก้ไขและไม่ให้ความร่วมมือ
ลมหายใจกระแทกเข้ากระแทกออกแรงๆ ติดกันอยู่หลายครั้ง กว่าจะขยับเท้าเข้าไปข้างในบ้านได้ และในใจพลันนึกว่า
‘เอาไว้ให้เจ้าตัวเขากลับมาจะลองเจรจาอีกสักครั้ง’
และระหว่างที่ร่างเล็กเยื้องย้ายหมายจะเอากระเป๋าเข้าไปเก็บ ข้างในห้องพร้อมปรับเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดทำงานเป็นชุดอยู่บ้าน แล้วออกมาจัดหาอาหารเย็นไว้รอผู้เป็นน้อง ทว่า...
“พี่แพรครับ พี่แพร” คนที่เธอถอนหายใจให้เมื่อครู่ ร้องเรียกเสียงดังลั่นบ้าน! และไม่ทันที่แพรพิชาจะเอ่ยปากตอบ เสียงห้าวของเด็กหนุ่มก็ร้องเรียกหาพี่สาวอีกครั้ง
“พี่แพรอยู่ไหนครับ” เท้าหนาวิ่งกระแทกดังปังๆ เข้าไปข้างในครัว เพราะเขารู้ดีว่าช่วงเวลานี้ถ้าพี่สาวเลิกงาน แน่นอนว่าแม่ศรีเรือนตัวแม่อย่าง พี่แพรต้องขลุกอยู่ในครัว ทำอาหารชัวร์แท้แน่นอน และก็เป็นดังคาดเพราะขณะนี้พี่สาวเขากำลังหาวัตถุดิบในตู้เย็นเพื่อมาประกอบอาหารมื้อเย็น
“มีอะไรหรือเปล่าพีช” เอี้ยวร่างกลับมา และขยับกลีบปากเรียวบางเอ่ยถาม ทอดนัยน์ตาสีน้ำตาลมองหน้าน้องชาย ครั้นจะดุที่เขาโหวกเหวก ก็ใช่การณ์ เพราะโตๆ กันแล้ว เธอไม่อยากจะดุน้องนัก
“ไม่มีอะไรครับ แค่วันนี้พีชซื้อกับข้าวที่พี่แพรชอบมาฝาก เยอะเลย” ว่าจบก็ยกถุงอาหารให้มือโชว์ให้พี่สาวดู ด้านแพรพิชาแม้นจะโกรธน้องชายเรื่องพฤติกรรมที่โรงเรียนรายงานมา แต่เธอก็อดยิ้มเอ็นดูในความน่ารักของเขามิได้
“จ้ะ” ขณะเดียวกันแพรพิชาก็เดินไปจัดชามออกมาเพื่อใส่อาหารพร้อมขยับกลีบปากสวยเอ่ยบอกคนที่กำลังแกะถุงอาหารสำเร็จรูป
“พี่ว่าพีชไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าซะนะ เดี๋ยวของพวกนี้พี่จัดการเอง” แย่งถุงอาหารจากมือน้องชายไปจัดการ
เมื่อเห็นดังนั้นพัชฏะจึงยอมสืบเท้าไปยังห้องของตน ในใจพลันรู้สึกโหวงๆ เขารู้ว่าแพรพิชารักเขามาก และจำความได้ว่ามีเพียงพี่สาวคนเดียว เท่านั้นที่ดูแลเอาใจใส่เขามาตลอด เขารู้ตัวว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไร แล้วครั้งนี้ล่ะ?
ช่างเหอะ!
ระหว่างสองศรีพี่น้องกำลังนั่งทานข้าวมื้อเย็นอยู่ในครัว
“เออพีช วันนี้มีจดหมายจากวิทยาลัยถึงพี่ด้วย” แพรพิชาเอ่ยบอกน้องชาย
“ถึงพี่แพร” ถามทวนด้วยความไม่เข้าใจ ในขณะที่หัวคิ้วข้างขวากระตุกยิกๆ ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งว่าหายนะจะมาเยือนในไม่ช้า
แพรพิชาจ้องหน้าน้องชายแล้วขยับปากเอ่ยเล่ารายละเอียด
“ใช่! เขาว่าเราไม่เข้าเรียน แล้วยังเข้าไปพัวพันกับยาเสพติด มันจริงเหรอ เล่าให้พี่ฟังทีสิ” ขณะเล่าใบหน้างามซีดไปนิดๆ ถึงแม้นน้องชายไม่ได้นิสัยดีเลิศประเสริฐศรีเธอเองก็พอทำใจรับได้ แต่เรื่องยาเสพติดและ การพนันนี่! เธอรับไม่ได้จริงๆ เพราะมัน คือ สิ่งที่เธอเกลียดที่สุดในชีวิต!
ครั้นหวนย้อนกลับไปอดีตตอนเป็นเด็กเล็ก จำได้ว่าบิดาบังเกิดเกล้า เอาตัวเองเข้าไปพัวพันกับยาเสพติดจนติดงอมแงม มารดาหาเงินมาได้ก็โดนขู่เข็ญเอาเงินอยู่ร่ำไป ถ้าไม่ให้ก็โดนทุบตี ภาพเหล่านั้นมันยังฉายชัดในมโนนึก เธอไม่อยากให้น้องชายแต่เพียงผู้เดียวต้องตกเป็นทาสของยาเสพติดไม่อยากให้น้องต้องเป็นเหมือนบิดา
“ไม่นะพี่แพร พีชไม่เคยเข้าไปยุ่ง”เด็กหนุ่มปฏิเสธคล่องปาก เมื่อลอบสังเกตเห็นว่าพี่สาวมีอาการไม่สบายใจ เขาจึงเลือกโกหกยังดีเสียกว่าบอกความจริง
“เราน่ะเป็นน้องพี่ พี่ดูออก อย่าโกหก”
“แต่ผมไม่ได้เข้าไปยุ่งจริงนะครับ”
“เราก็น่าจะรู้ว่าพี่เกลียดการโกหกเป็นที่สุด” แพรพิชาเอ่ยเสียงเรียบ พร้อมกับใบหน้าตึงเครียดและดูเอาจริง พัชฏะเห็นแล้วอดขยาดกลัวมิได้ บอกตรงๆ เลยว่าพี่สาวเขาบทจะโหดและเอาจริงขึ้นมา บรมโคตรน่ากลัว และพอโดนเค้นเอาความจริงมากๆ เด็กหนุ่มก็จำยอมคลายความจริง
“ลองแค่ครั้งสองครั้ง แต่จากนั้นผมไม่ได้เข้าไปยุ่งกับมันอีกเลยครับ” ด้วยความที่วัยรุ่นและคึกคะนอง ทำให้เด็กหนุ่มลิ้มลองแต่ไม่ได้ติดงอมแงม และสิ่งเสพติดประเภทเดียวที่เขาเลิกไม่ได้ตอนนี้ คือ บุหรี่!
ทางด้านผู้เป็นพี่อย่างแพรพิชาน่ะหรือ หญิงสาวเบิกตากว้างด้วยความตกใจ พร้อมทั้งต่อว่าด้วยความโมโหสุดๆ
“มันคงเลิกง่ายมั้ง ยาเสพติดลองครั้งเดียวมันก็ติดแล้ว” มองน้องชายด้วยความผิดหวังในตัว
“แต่ผมไม่ติดเพราะผมไม่ชอบ ลองแล้วมันน่าเบื่อ”
ในเมื่อถามต่อไปรั้งแต่จะเสียใจไปกว่านี้ แพรพิชาจึงเลี่ยงมาคุย อีกเรื่องซึ่งก็สาหัสไม่ต่างกัน
“แล้วทำไมเราถึงไม่เข้าเรียนล่ะ”
“ผมเข้าทุกคาบเลยนะพี่แพร”
“อย่าโกหก” ขู่ฟ่อด้วยความไม่ชอบ แต่กระนั้นเด็กหนุ่มมิวายโป้ปดต่อไป
“จริงๆ”
“แล้วทำไมจดหมายถึงบอกว่าเราไม่เข้าเรียน ตั้งแต่เปิดเรียนจวน จะปิดภาคเรียนเข้าเรียนไม่ถึงสามครั้ง แล้วเราจะจบพร้อมเพื่อนไหมล่ะ”
“จบครับ” รับคำเป็นมั่นเป็นเหมาะ ทว่าแท้จริงแล้วเขาต้องเจียดเวลามาตามเก็บอีกหลายวิชาซึ่งต้องใช้เวลาจัดการเป็นเทอม แต่ก็ไม่เป็นไร จบช้าไม่ได้แปลว่าโง่สักหน่อยนี่!
ปัญหานี้เขาแก้เองได้! แต่อีกปัญหานี่สิ! คิดแล้วเด็กหนุ่มถึงกับเหนื่อยใจทีเดียว กระนั้นเองพัชฏะก็เลือกไม่แสดงอาการให้พี่สาวรับรู้หรือน่าสังเกต เด็กหนุ่มจึงเลี่ยงมาเอื้อนเอ่ยเอาใจแทน
“พี่แพรชิมไอ้นี่ดูสิ ของโปรดพี่เลยไม่ใช่เหรอครับ” พูดจบก็ตักแกง ข่าไก่ใส่จานให้พี่สาว แต่คนกำลังเครียดไม่ยอมตักอาหารเข้าปาก หากกลับเอ่ยถามอีกเรื่องที่ยังค้างคาใจตงิดๆ
“พี่ถามจริง เราไปเอาเงินมาจากไหน”
“เงิน?” คิ้วเข้มย่นเข้าหากัน คล้ายกับถามว่าเงินอะไร
“เงินที่เราเอาไปซื้อกับข้าวมามากมาย พี่จำได้ว่าพี่ให้เงินไปวิทยาลัยวันละหนึ่งร้อยบาทไม่ใช่เหรอ” และมันก็แปลกที่พัชฏะหอบหิ้วอาหารมามากมายเต็มไม้เต็มมือ ทั้งๆ น้องชายเธอก็ไม่เคยมีนิสัยจะสนใจเรื่องแบบนี้ แต่ไหนแต่ไร ทว่าทำไมวันนี้จึงมาแบบแปลกๆ
“อ๋อ…ผมทำงานพิเศษน่ะครับ”
“พิเศษอะไร” จี้ถามน้องชายด้วยความไม่ไว้ใจ เมื่อเห็นเจ้าตัวเขาหลุบเปลือกตาต่ำเหมือนคนมีเรื่องปิดบังอยู่
“งานใหม่” ตอบไม่เต็มเสียงนัก
“งานอะไร” เสียงห้วนหวานแกมตะคอก ทำเอาพัชฏะต้องรีบตอบปัด
“งานกับพี่ๆ ในสาขานั้นแหละครับ” ด้วยความที่ไม่อยากให้พี่สาว ต้องคิดมาก เขาจึงยอมโกหกอีกครั้ง ทั้งๆ ที่ความจริงแล้ว งานที่เขาทำ มันคือ งานติดจะสีเทาเสียด้วยซ้ำไป
“พี่ไม่เชื่อ!”
“โธ่...พี่แพร...ผมจะโกหกพี่ไปทำไมครับ”
เห็นสีหน้าไม่พอใจแล้ว พัชฏะจึงชวนพี่สาวคุยเรื่องใหม่
“พี่แพรว่าอาหารอร่อยหรือเปล่าครับ” ด้วยความที่อยากจะเอาใจ ทว่าแพรพิชากลับไม่ไยดี
“พี่อิ่มแล้วล่ะ ขอตัวนะ” พูดจบรวบช้อนแล้วลุกจากเก้าอี้ นำวิถีเท้ามุ่งไปยังห้องของตน ทางด้านพัชฏะมิทันลุกตาม เสียงริงโทนโทรศัพท์มือถือ ก็แผดเสียงดังขึ้นเสียก่อน ทำให้ต้องปลีกตัวออกไปคุยนอกบ้าน เพราะถ้า ขืนยืนคุยอยู่ข้างในนี้แล้วพี่สาวเกิดได้ยินล่ะก็ มีหวังแผนล่มจมเป็นแน่แท้! นอกตัวบ้าน...ร่างสูงของเด็กหนุ่มวัยยี่สิบกำลังคุยโทรศัพท์กับเจ้าหนี้คนใหม่ ที่เขาไปกู้มาเมื่อสามวันก่อน เพราะพัชฏะต้องการแก้มือหลังจากที่เล่นการพนันในบ่อนแล้วเสียไป ทำให้เด็กหนุ่มต้องกู้เงินเป็นจำนวนหนึ่ง ซึ่งให้เหตุผลว่า ตนมีพี่สาวสวย ถ้าหาเงินใช้หนี้ไม่ได้ บุกมาบ้านได้เลย นั่นแสดงว่าเขาต้องยกพี่สาวของตนแลกกับหนี้จำนวนนั้น และเหตุผลนี้พัชฏะยังยื่นเสนอกับเจ้าหนี้อีกหลายๆ คนที่ผ่านมา…
“เข้ามาได้เลยพี่ ทุกอย่างเรียบร้อยครับ”
“โอเค”
สิ้นเสียงสนทนาจากปลายสาย คนรู้ตัวว่าผิดได้พึมพำกับตนเอง
“ผมขอโทษนะพี่แพร ถ้าผมไม่ทำอย่างนี้ผมก็คงไม่รอด ยกโทษให้ผมด้วยนะครับ”
จากนั้นเด็กหนุ่มวัยยี่สิบก็รีบสืบเท้าไปยังรถมอเตอร์ไซต์คันเก่ง ที่ตนได้จากเจ้านายคนใหม่ เสียงกระหึ่มของยานพาหนะดังทั่วบริเวณ ก่อนที่เสียงจะค่อยๆ เบาลง เมื่อมันเคลื่อนตัวออกไปในระยะที่ไกลขึ้น
โรงแรมหรูใจกลางกรุงเทพฯ ภายในห้องพักวีไอพี เจ้าพ่อหนุ่มถึงกับสบถเสียงดังลั่น! ครั้นได้รับรายงานจากลูกน้องมาว่า เด็กแสบที่เคยเข้ามาเล่นพนันในบ่อนของเขาพร้อมกับกู้เงินไปจำนวนหนึ่ง เข้ามาต่อรองว่าจะเอาพี่สาวมาใช้หนี้แทน พร้อมยังเอารูปของพี่สาวตนมาให้ประจักษ์ด้วย ทำให้เจ้าพ่อหนุ่มตกปากรับคำ แต่ใครจะใคร่รู้ว่าเด็กคนนี้มันเจ้าเล่ห์ นอกจากจะไม่ทำตามข้อเสนอแล้ว มันยังหันไปรวมกลุ่มกับไอ้พวกที่เป็นศัตรูกับกิจการของเขาอีก ด้วย แต่ถ้าย้อนกลับไปเมื่อวันที่เจ้าเด็กแสบนั่นมาหา พร้อมเอารูปพี่สาว ของตนมาให้ดูบอกเลยว่าครั้งแรกที่ได้เห็นผู้หญิงในรูป หัวใจอันแข็งแกร่ง ดุจหินผาของเจ้าพ่อหนุ่มกระตุกวูบ อาจจะเพราะหน้าตาหรือสรีระสัณฐานหรือแต่ประการใดตัวเขาเองก็ไม่อาจรู้ได้ เพียงแต่ข้างในมันเรียกร้องว่า ต้องการผู้หญิงคนนี้มาครอบครอง และ การ์โลเน่ อัลเดเกสต์ ก็ไม่ได้ ปล่อยปละละเลย เขาส่งคนตามประกบเด็กหนุ่ม พร้อมกับตามติดพี่สาวของเด็กคนนี้ตลอดเวลา จนกระทั่งรู้ล่ะว่าวันนี้เด็กแสบมันคิดจะเอาพี่สาวไปประเคนให้เจ้านายใหญ่ของมัน แต่ฝันไปเถอะ! เพราะผู้หญิงคนนี้ต้องเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น มนุษย์ผู้ตนใดก็ไม่มีสิทธิ์
ร่างสูงสง่าผุดลุกขึ้นยืนเต็มความสูง สันกรามบึนบดเป็นสันนูนชวนน่าหวั่นเกรง ขนาดลูกน้องคนสนิทอย่างโดเนสเห็นแล้วต้องขยาดกลัว แต่ทว่า รั้งปากอดเอ่ยถามมิได้
“เจ้านายจะเอาอย่างไรต่อไปครับ”
“นายตามประกบเด็กเวรนั่นไว้ ส่วนพี่สาวมันเดี๋ยวฉันจัดการเอง”
“ครับ”
รถหรูเคลื่อนออกไปราวจรวด เมื่อตอนนี้อารมณ์ของการ์โลเน่ ร้อนประดุจไฟโลกันต์ เท้าแกร่งเหยียบแป้นคันเร่งแทบมิดและโชคดีที่เส้นทางสายนี้รถแทบไม่ติด ไม่ถึงห้านาทีร่างสูงผายภายใต้ชุดดำ ปรากฏหน้าบ้าน หลังกะทัดรัดสองชั้น และก่อนลงจากรถไม่ลืมคว้าอาวุธคู่กายติดมือมาด้วย
ขณะเดียวกันภายในบ้านนั้น ข้าวของกระจัดกระจาย และภายในห้องนอน เจ้าของบ้านสาวคนสวยอย่างแพรพิชากำลังหวั่นกลัวจับหัวใจ เมื่อหลังจากน้องชายขับรถออกไปไม่นานก็มีโจรแปลกหน้าบุกเข้ามาสองคน และทำลายข้าวของ พร้อมจับเธอมัดขึงพรืดไว้กับเตียง กระชากเสื้อผ้าอาภรณ์จนขาดวิ่น ร่างบางสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว พร้อมน้ำตาเม็ดใสไหลออกมาอย่างน่าอดสู
ยิ่งโจรบ้าตนนั้นมันไซ้เสี้ยวหน้าลงมาตามเนื้อนวล หญิงสาวแสนจะขยะแขยง พยายามบ่ายเบี่ยงกาย แต่ก็หนีไม่พ้น
“ฮือๆ อย่าทำอะไรฉันเลยนะ อยากได้อะไรในบ้านเอาไปให้หมดเลย” ทางเดียวที่ทำได้คืออ้อนวอนให้โจรใจร้ายมันเห็นใจ แต่ว่า...
“เสียใจ! เพราะสิ่งที่ฉันต้องการคือเธอ...คนสวย” โจรหื่นไม่ใช่ใคร ที่ไหนหากแต่เป็นเกรียงศักดิ์เจ้านายคนใหม่ของพัชฏะนั้นเอง
จังหวะที่ปลายนิ้วแกร่งไล้สัมผัสตามเนินอวบอัด แพรพิชาเธอแทบกระอักใจตายบัดเดี๋ยวนั้น
“อย่าทำฉัน อย่า” เสียงหวานเครือสะอื้นร้องห้าม ทว่าโจรหื่นไม่สนใจซ้ำมันยังโถมร่างทาบทับลงมา
ในใจของแพรพิชา ณ เวลานี้ได้แต่เฝ้าภาวนาอ้อนวอนขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลบันดาลให้มีสุภาพบุรุษขี่ม้าขาวมาช่วย เพราะเธอเองก็ไม่รู้ว่าเธอจะหันไปพึ่งใครได้ในยามนี้ และในขณะที่ร่างเล็กพยายามบ่ายหน้าเบี่ยงหนี ทว่าโจรใจร้ายก็ฝังหน้าสัมผัสนวลเนื้อด้วยความหื่นกระหายแพรพิชา สะอื้นฮึกๆ
“ฮึกๆ อย่าทำอะไรฉันเลยนะ อย่าาา” กรีดร้องยาวสุดเสียง เมื่อมือหนากระชากชั้นในตัวบนให้หลุดพ้นเรือนร่าง แต่เหตุการณ์กลับไม่เป็นอย่าง ที่เธอคาดคิดเอาไว้ เพราะในระหว่างที่เธอหลับตาแน่นสนิทและหวีดร้องดังลั่น พร้อมรับชะตากรรมที่จะบังเกิดในไม่ช้า ทว่า…
ผลัวะ! ผลัวะ!
เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังผลัวะๆ แต่กระนั้นคนเสียขวัญยังมิกล้าลืมตาขึ้นมามอง กระทั่งผ่านไปสามนาทีทุกอย่างนิ่งสงบ เปลือกตาบางทั้งสองข้างค่อยๆ หรี่มอง แล้วต้องประจักษ์กับสายตาคมที่กำลังวาวโรจน์ เธอไม่รู้ว่าเขากำลังโกรธให้ใครกันแน่ ระหว่างเธอกับโจรบ้ากามพรรคนั้น
แต่ไม่ทันที่หญิงสาวจะขยับเรียวปากสวยเอ่ยถาม ร่างทะนงองอาจของเจ้าพ่อหนุ่มตรงดิ่งเข้ามาหาพร้อมกระชากแก้มัดให้ ตามด้วยเสียงห้วนสำนวนอเมริกันโดยแท้
“สวมเสื้อผ้าของเธอซะ เรามีเรื่องต้องคุยกัน...ยาว” เว้นระยะเวลาหายใจแล้วเน้นคำว่า ยาว ซึ่งแพรพิชาเองก็งงงวยไม่น้อย เพราะเธอเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาคือใคร? แต่อย่างไรแล้วตอนนี้เธอเป็นหนี้บุญคุณเขา เพราะเขาคือคนที่มาช่วยเธอให้พ้นจากเงื้อมมือพวกชั่วเหล่านั้น
“ฉันขอบคุณคุณมากๆ นะคะที่เข้ามาช่วยได้ทันเวลา” ขณะพูดอยู่นั้นมือบางกำลังติดรังดุมเสื้อนอนด้วยความหวาดกลัวจับขั้วหัวใจ
แล้วไหนจะคนที่ยืนค้ำหัวเธออีก เขาไม่เอ่ยปากพูด หากแต่ใช้สายตาแทน และตอนที่เธอเอ่ยขอบคุณ เจ้าของร่างสูงก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ เพียงแค่เหยียดมุมปากนิดๆ แล้วในจังหวะที่หญิงสาวจัดการร่างกายเรียบร้อย มือหนาแกร่งประดุจคีมล็อกกระชากร่างอรชรปะทะอกกว้างกระด้างอย่างรุนแรงและเอาแต่ใจ
“กรี๊ดดด!”
เสียงหวานหวีดร้องกรี๊ดด้วยความตกใจ ด้วยความที่ก่อนหน้านั้นเขายังช่วยเหลือเธออยู่ แต่ไหนตอนนี้เริ่มร้ายกาจกับเธอแล้วล่ะ ผู้ชายตรงหน้าเขาเป็นประเภทไหนกันแน่?
“เงียบเสียงแล้วไปกับฉัน” กระชากเสียงห้วนกับเจ้าของร่างอรชร ทว่า...
“ฉันไม่ไป” ปฏิเสธโดยเร็วพลัน จากนั้นก็แหงนหน้ามองเขาอย่างเต็มสองตา แต่ไม่ทันจะได้พิศนานนักต้องหัวใจไหวหวั่น เพราะเจ้านัยน์ตาสีฟ้า อมเทาของเขานั่นล่ะ ให้ตายเถอะ!
เมื่อรู้สึกว่าตนเองโดนจ้อง สาวเจ้าจึงรีบกลบเกลื่อนอาการภายในจิตใจ พร้อมยังก่นถามเขาเสียงแข็ง “แล้วคุณเป็นใคร มาจับฉันไว้ทำไม ปล่อย!” การ์โลเน่เล็งเห็นแล้วว่าแม่สาวในอ้อมกอด ท่าจะพยศน่าดู ดังนั้น บทจะปราบพยศเจ้าหล่อนได้คือ ทำให้เธอขยาดกลัว
“เงียบ!” เสียงห้วนตวัดมามาพร้อมกับใบหน้าเรียบนิ่ง
“ฉันไม่เงียบ”
เห็นอาการผยองของแม่คุณแล้ว การ์โลเน่ถึงกับกัดฟันเสียงดังกรอด ผู้หญิงบ้าอะไรพูดยากชะมัด ดื้อก็โคตรๆ ให้ตายเถอะ! เพิ่งเคยพานพบ!
“ถ้าไม่เงียบฉันจะปล้ำเธอมันซะตรงนี้” เขาไม่ได้ขู่ หากแต่จะทำจริงๆ ถ้าเธอดื้อไม่หยุด ก็ลองดู ดื้อนักพ่อปราบไม่กี่นาทีก็แพ้ราบคาบแล้ว
แพรพิชาได้ยินแล้วไม่กล้าหือ หนำซ้ำยังรู้สึกหวั่นกลัว เมื่อวงแขนแกร่งของเขาเลื่อนมาโอบเอวของเธอ บอกเลยว่าแสนจะอึดอัด แต่หารู้ไหมว่าอีกคนนั้นแสนทรมาน เมื่อนวลนางหน้าสวยเบียดเเซะเสียดกาย ผู้ชาย ความอดทนต่ำอย่างเขาบอกคำเดียวว่า ‘ต้องการ’
“บอกมาว่าคุณเป็นใคร” แพรพิชามิวายเค้นเอาคำตอบจากเขา แต่ถ้อยคำที่ตามมานี่สิ! สาวเจ้าถึงกับเงียบสงบ และยอมขึ้นรถไปกับเขา แต่โดยดี
“จะเป็นผัวเธอในไม่ช้านี้ล่ะ ถ้ายังไม่เงียบ”
“...”
ขณะรถหรูราคาหลายสิบล้านเคลื่อนตัวบนถนน เจ้าของใบหน้างอง้ำอดเอ่ยถามมิได้
“คุณจะพาฉันไปไหน”
“ไปโรงแรม”
ถ้อยคำสั้นๆและหวดห้วนที่หลุดออกมาจากปากหยัก ทำเอาแพรพิชาถึงกับหูผึ่ง! ไปโรงแรม? ไปทำอะไร? และสุดท้ายมันคือความซวยของหญิงสาวอย่างเธอที่ดันหนีเสือแต่มาปะจระเข้แทน
“จะบ้าเหรอคุณ” ตวาดแว้ด แต่เจ้าพ่อหนุ่มไม่สน เพราะเวลานี้เขาอยากให้เธอได้รับรู้เช่นกันว่าทุกอย่างมันเป็นมาอย่างไร
“ไม่บ้า! เดี๋ยวเอาไว้ถึงโรงแรม เธอจะกระจ่างชัดทุกกรณี แพรพิชา…”
เรียวปากสวยที่กำลังจะโต้ควันต้องอ้าค้าง เมื่อคนที่กำลังประคองรถในเวลานี้รู้จักแม้กระทั่งชื่อเสียงเรียงนามของเธอ ไม่ธรรมดาแล้วชีวิตนี้