หน้าเนื้อใจเสือ

1242 Words
    “พ่อคะบัวไปโรงเรียนก่อนนะจ๊ะ”     “ไปพร้อมแม่หรือเปล่าบัว” พ่อของบัวถามขึ้น     “ไม่ละจ้ะพ่อ วันนี้บัวจะรีบไปเพราะบัวนัดรุ่นน้อง ม.4 ติววิชาคณิตศาสตร์ไว้ตอนเช้าได้ค่าติวด้วยบัวอยากหาเงินไว้เยอะๆ ตอนเข้าเรียนมหาวิทยาลัยจะได้ไม่ต้องรบกวนพ่อกับแม่มากเกินไปจ๊ะ” บัวบุษบาบอกพ่อ     “แล้วบัวขับมอเตอร์ไซค์ไปเหรอลูกฝนมันตกนะ” นายวิชิตถามลูกสาวด้วยความเป็นห่วง     “ไม่เป็นไรจ้ะพ่อบัวมีเสื้อกันฝน จริงๆ บัวจะขับรถพาแม่ไปด้วยนะแต่วันนี้คนที่ทำงานแม่เขาสั่งแซนด์วิชกันเยอะแม่ยังเตรียมไม่เสร็จบัวให้พ่อไปส่งแม่ที่ทำงานแทนแล้วกันนะ” บัวบุษบาบอกพ่อของตัวเอง     “ได้จ้ะลูก ลูกไปเถอะ ขับรถมอเตอร์ไซค์บัวก็ระวังๆ ด้วยนะลูก”     “ค่ะพ่อ แล้ววันนี้พ่อไปที่บ่อปลาหรือเปล่าคะ”     “คงไปดูหน่อยแหละลูก” นายวิชิตบอกลูกสาวด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่     “ค่ะพ่อ บัวไปก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ”     พอพ้นร่างของบัวไปแล้วนายวิชิตก็ทรุดลงนั่งตรงม้านั่งหน้าบ้าน มาลีแม่ของบัวเดินออกมาจากในครัวพร้อมกับตะกร้าแซนด์วิชที่เพื่อนครูอนุบาลและผู้ปกครองสั่งทำในวันนี้ออกมาด้วย     “พี่วิชิตเป็นอะไรหรือเปล่าคะ หน้าซีดๆ เหมือนจะเป็นลม ไปส่งลีที่ศูนย์เด็กเล็กได้หรือเปล่าคะ” มาลีถามผู้เป็นสามี     “ไม่เป็นไรลีพี่ไปส่งได้ วันนี้คนสั่งขนมเยอะเลยนะ ยายบัวรีบไปโรงเรียนตั้งแต่6โมงเช้าบอกว่าวันนี้รับจ้างติววิชาคณิตศาสตร์ให้รุ่นน้องนะ พี่เป็นพ่อที่ไม่เอาไหนเลยปล่อยให้เมียทำงาน ให้ลูกต้องลำบากแบบนี้” วิชิตพูดกับภรรยาสีหน้าอมทุกข์     “พี่วิชิตอย่าพูดแบบนี้อีกนะเมื่อก่อนพี่ก็ทำงานกรีดยางส่งเสียเลี้ยงดูครอบครัวมาโดยตลอด มาช่วงหลังยางมันราคาไม่ดีเราเลยตัดสินใจโค่นทิ้งมาลงทุนปลูกกล้วยเลี้ยงปลา แต่ก็นะฝนฟ้าไม่แน่นอนปลาดันมาตายขาดทุนอีก มันไม่ใช่ความผิดของพี่เลยพี่ทำเต็มที่เต็มความสามารถแล้ว” มาลีพูดให้กำลังใจสามีและเดินมาจับมือสามีไว้อย่างต้องการให้กำลังใจ     "ไอ้ปลาตายขาดทุนไม่เท่าไหร่หรอกลี แต่พี่เอาที่ดิน10ไร่ ไปจำนองนายหัวโตมรเอาไว้ จำนองไว้1ล้าน ต้นก็ไม่มีให้เขาดอกเบี้ยก็ไม่เคยได้ให้ พี่กู้มาลงทุนทำสวนกล้วยหอมทอง ขุดบ่อเลี้ยงปลา ฝนตกหนักน้ำท่วมบ่อปลาเสียหายไปรอบหนึ่งยังไม่พอยังไปกู้เพิ่มมาลงทุนซื้อพันธุ์ปลากับรื้อบ่อปลาใหม่หลังน้ำท่วมไปอีก 5แสนนี่นายหัวก็ส่งหนังสือเตือนมาว่า ครบ 2ปีแล้ว พี่ยังไม่รู้จะหาเงิน 1.5 ล้านจากไหนไปให้นายหัวเลย ดอกเบี้ยก็ไม่ได้ให้เขาเลยสักบาท พี่ทำหนังสือสัญญาเงินขึ้นไว้ (หนังสือสัญญาเงินกู้แบบทบต้นทบดอก) พี่กลุ้มใจจนจะเป็นบ้าอยู่แล้วลี” นายวิชิตบอกเล่าความทุกข์ให้ภรรยาฟังเป็นการระบายความทุกข์ออกมาบ้าง     “มันไม่มีทางเลยเหรอพี่ แบบว่าไปกู้ธนาคารมาปิดหนี้นายหัวโตมรแบบนี้ได้หรือเปล่าพี่วิชิต” มาลีถามสามี     “ตอนนี้คงไม่ได้แล้วละลี ตอนพี่ไปขอกู้นายหัวพี่คิดว่าไม่ต้องจ่ายเงินค่าจดจำนองให้ธนาคาร นายหัวเองแกก็คิดดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปีตามกฎหมายทุกอย่างแต่เราไม่เคยไปจ่ายดอกเบี้ยรายเดือนเลย ดอกเบี้ยเลยทบมาเป็นเงินต้นตามสัญญา พี่หมดหนทางจริงๆ ลี ตอนนั้นพี่คิดว่ายังไงเลี้ยงปลาขายยังไงก็กำไร พี่ลืมนึกไปว่าตัวเองกรีดยางมาตลอดชีวิต องค์ความรู้ด้านการเลี้ยงปลาไม่มีเลย ไหนจะภัยธรรมชาติน้ำท่วมบ่อปลาอีกทุนหายหมดจนเป็นหนี้หัวโตทำลูกเมียลำบากพี่ละอายใจจริงๆ นะลี”     “อย่าโทษตัวเองเลยพี่วิชิต ลีว่าเราค่อยๆ คิด ขอประนีประนอมหนี้กับนายหัวโตมรดูก่อนดีกว่านะพี่นะ” มาลีพูดปลอบใจและช่วยสามีคิดหาทางออก     “พี่ไปคุยกับนายหัวมาแล้ว เรื่องหนี้ ยอดหนี้ทบต้นทบดอกสองล้านกว่าบาทเกือบสามล้านในเวลาเกือบ2ปีลี นายหัวกางหนังสือสัญญาให้ดู” นายวิชิตบอกภรรยา     “โธ่ พี่ชิตทำไมมันเยอะแบบนั้นละพี่”     “ก็มันทบต้นทบดอกนะลี”     “ไม่มีทางแล้วเหรอพี่ ที่ตรงนั้นมันเป็นที่มรดกของพ่อแม่พี่ ลีไม่อยากให้มันตกไปเป็นของคนอื่นเลย” มาลีพูดเสียงเศร้า     “มี มันมีทางนายหัวเขายื่นข้อเสนอมาแต่ว่าพี่....” วิชิตไม่รู้จะพูดอย่างไรดี     “พี่อะไร ไหนพี่บอกลีมา” นางมาลีถามคาดคั้น     “เรื่องนี้มันเกี่ยวกับบัวด้วย พี่ไม่รู้ว่าบัวจะว่าอย่างไร”     “ยังไงละคะ ลีไม่เข้าใจเกี่ยวกับยายบัวอย่างไรคะ”     “นายหัวโตมรเขาสนใจยายบัวลูกสาวของเรา”     “สนใจ พี่หมายถึงเขาจะ....”     “ใช่ เขายินดียกหนี้ให้พร้อมกับจะคืนโฉนดที่ดินให้เราแลกกับยายบัวต้องไปเป็นผู้หญิงของเขา” นายวิชิตบอกภรรยา     “ผู้หญิงของเขา หมายถึงเมียเก็บหรือเปล่าพี่ชิตลูกสาวเรายังเด็กอยู่นะพี่ บัวอยากเรียนต่อมากนะพี่” มาลีถามด้วยความตกใจ     “พี่รู้ พี่รู้ว่าลูกสาวเราอยากเรียนต่อ ได้ที่เรียนแล้ว เขาอยากเป็นครูพี่รู้ทำไมพี่จะไม่รู้ละลี พี่ก็รักลูกไม่ได้ต่างไปจากที่ลีรักหรอกนะ แต่ถ้าที่เราโดนยึดเราจะไปอยู่ที่ไหน จะทำมาหากินอะไร จะเอาเงินที่ไหนส่งยายบัวเรียน ลำพังเงินเดือนครูศูนย์เด็กเล็กของลีไม่พอเลี้ยงสามชีวิตหรอกนะลี” นายวิชิตพูดกับนางมาลีอย่างไม่รู้จะหาทางออกอย่างไร     “แล้วเราจะทำอย่างไรดีละพี่พิชิต พี่รับปากนายหัวไปแล้วหรือยัง”     “ยังพี่บอกนายหัวไปว่าพี่ขอเวลาตัดสินใจก่อน”     “แล้วพี่ตัดสินใจอย่างไรล่ะ”     “พี่ไม่รู้ลี พี่ไม่รู้จริงๆ”     “พี่จะคุยกับบัวหรือเปล่าพี่วิชิต”     “พี่ละอายใจที่จะคุยกับลูก พี่ไม่อยากขายลูก ไม่อยากบังคับจิตใจลูก อยากให้ลูกได้เรียนหนังสืออย่างที่ลูกตั้งใจ” นายวิชิตพูดน้ำตาซึม     “นายหัวเขาเป็นคนยังไงหรือพี่วิชิต เคยได้ยินมาว่าเขาเป็นคนเจ้าชู้ แต่ยังไม่มีเมียเป็นตัวเป็นตนใช่ไหมพี่” นางมาลีถามสามี     “นายหัวเขาพูดจาดูดี เป็นการเป็นงานฉลาดหลักแหลม ก็มีเที่ยวตามประสาหนุ่มโสดอายุอานามก็จะสามสิบแล้วนะ”     "ลีเป็นห่วงลูก เราปล่อยให้เขาเอาที่ของเราไปเถอะพี่วิชิต ยังไงลีจะปกป้องลูกของลีอย่างถึงที่สุด” มาลีบอกสามี
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD