ตอนที่ 6 บังเอิญอีกแล้ว
อันนาค่อนข้างว่างเดือนนี้ทั้งเดือนตารางงานเธอว่างมากเพราะผู้จัดการเคลียร์คิวให้แต่เนิ่นๆ ช่วงสิ้นปีแบบนี้ฉันจะไม่รับงานเพราะจะใช้เวลานี้อยู่กับครอบครัว หลังจากเสร็จสิ้นงานในวันนี้ผู้ช่วยก็เดินทางกลับบ้านต่างจังหวัด ส่วนฉันได้รับหน้าที่อันพิเศษอยากทำตัวเป็นพี่สาวแสนดีมาเยี่ยมเยียนน้องสาวสักหน่อย เผื่อนางซ้อนผู้ชายไว้จะได้ไปฟ้องแม่
‘ชั้นที่ 9 ห้อง 208 รหัส 200312’
ฉันมองข้อความที่ถูกส่งมาก็ต้องยกยิ้มใช่แล้วนี้เป็นการมาขึ้นบ้านใหม่ฉบับสองพี่น้องซุปเปอร์สตาร์ฉันเลยหอบอุปกรณ์ในการทำครัวมามากมายหลังจากให้ผู้ช่วยไปตะเวนซื้อมาให้ก่อนกลับ ฉันเงยหน้ามองคอนโดหรูซึ่งยายเอ็มม่าพึ่งจะซื้อที่นี้ไปและเข้ามาได้แค่หนึ่งเดือนเท่านั้น ส่วนตอนนี้นางยังไม่เลิกจากกองถ่ายเลยฉันเลยรับหน้าที่มาเตรียมเสบียงรอ
ติ้ง!
“สวยเหมือนกันนะว่าไป” ฉันชื่นชมคนออกแบบ คอนโดแห่งนี้แม้จะดูเรียบๆแต่มันสบายตามาก นี่แหละสไตล์น้องสาวฉันเลย “ห้องนี้สินะ” ฉันทำการกรอกรหัสก่อนจะเปิดเข้าไปในห้องที่กว้างมากในสายตา
แม้สายตาจะมองไปรอบๆห้องแต่ทิศทางการเดินตรงไปที่ห้องครัวเพื่อวางเครื่องเคียงที่ซื้อมาต่างๆไว้
ห้องนี้ใหญ่มากแต่ไม่เท่าห้องฉันแต่ก็พอเข้าใจเอ็มม่ามันงกจะตายแถมมีนิสัยชอบอะไรเรียบง่ายไม่เหมือนฉันแค่หมอนก็มีครบตามเฉดสีของสายรุ้งแล้ว
“ปวดฉี่จัง” ฉันบ่นๆสายตาก็มองหาห้องที่คิดว่าเป็นห้องนอนก่อนจะรีบสับขาเดินไป
อันนาเดินเข้ามาในห้องนอนอย่างที่คิดไว้แต่กลิ่นในห้องมันแปลกๆนะหรือยายเอ็มม่ามีรสนิยมพิลึก ไม่อยากสนใจแล้วฉันรีบเดินตัวปลิวไปเข้าห้องน้ำทันที ด้วยความที่ห้องมืดมากตอนเดินเข้ามาเหมือนมีตาทิพย์มองเห็นทุกอย่างแต่พอทำธุระเสร็จเดินออกมาภายในห้องนอนฉันกลับรู้สึกว่ามันมืดจนมองไม่เห็นราวกับมีคนดึงผ้าม่านที่มีช่องว่างน้อยนิดปิดแสงตอนที่ฉันเข้ามาซึ่งเห็นว่ามันเปิดอยู่
พรึ่บ!
ฉันทำการเดินไปเปิดไฟเพราะเจ้าน้องสาวบอกว่าเครื่องปรุงหม่าล่าอยู่ในกล่องวางในห้องนอนยังไม่ได้แกะ จะให้หามืดๆแถมยังเคยมาครั้งแรกเธอคงจะหาเจอเลยทำการคาดเดา สวิชท์ไฟแล้วเดินไปเปิด
!!!
“นี่มันอะไรกัน” มือเรียวสวยยกขึ้นมาปิดปากตัวเองกับภาพที่เห็นตรงหน้า
“เฮ้ย!!”
“คุณ คุณ คุณ” มือก็ชี้ชื่อก็ติดอยู่ปลายลิ้น เธอมาติดอ่างอะไรตอนนี้ยายอันนา
“คุณเข้ามาในห้องผมได้ยังไง!!”
“ห้องคุณ?” บ้าเหรอจะเป็นห้องพี่หมอภูของเธอได้ยังไง
มือบางค่อยๆลดลงมาอยู่ที่ระดับต่ำกว่าปากกระพริบตาขึ้นลงมองคนนอนอยู่บนเตียงขนาดคิงไซส์ผมเผ้าไม่ได้ทรงแถมยังดูงัวเงียเหมือนถูกคนปลุกให้ตื่น สภาพเปลือยท่อนบนอีกหรือท่อนล่างด้วยแต่ผ้าห่มคลุมไว้อยู่
“เธอเป็นโจรหรือไง?” เขาลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงมองคนที่พรวดพราดเข้ามาในห้องส่วนตัวของเขา “หรือแม่ผมให้รหัสห้องผมกับคุณ”
“คุณเป็นอะไรกับเอ็มม่า?” คงไม่หรอกใช่ไหม ฉันยิงคำถามหัวใจก็เต้นตุ้บตับเหมือนจะหลุดออกมา
“เอ็มม่าอะไรของคุณ!”
“เอ็มม่าเจ้าของห้องนี้ไง!!” ฉันแว้ดใส่คนบ่นเตียงรู้สึกโกรธจนตัวสั่น
“คุณตั้งสติหน่อย นี่มันห้องผม” หมอภูธารายกมือเสยผมลวกๆราวกับขัดใจกับอะไรนักหนา จะอะไรล่ะถ้าไม่ใช่แม่นางแบบคนนี้
อันนาหมุนตัวเร็วๆเดินออกมาจากห้องนอนขนาดใหญ่เป้าหมายคือโทรศัพท์ที่ตัวเองวางไว้บนโต๊ะในห้องครัวเธอต้องรู้เดี๋ยวนี้ว่าเรื่องนี้มันเป็นมายังไงกันแน่ รีบเปิดโทรศัพท์ในหัวคือต้องต่อสายหาน้องสาวเพื่อถามเรื่องนี้ให้ชัดเจน เธอเซ้าซี้หรือจีบผู้ชายทุกคนได้ยกเว้นผู้ชายของน้องสาวตัวเอง เพราะฉะนั้นตอนนี้หัวใจฉันมันเต้นแรงราวกับจะระเบิดออกมาให้ได้
‘โทษที ห้อง 209 นะอัน’
มือที่ถือโทรศัพท์ไว้ถึงกับอ่อนแรงนี่มันความบังเอิญในรูปแบบไหนกัน แต่อย่างน้อยก็โล่งใจไปเปราะหนึ่งเอ็มม่าและหมอภูไม่ได้เป็นอย่างที่ฉันคิด
“สรุปจะบอกผมได้ยัง ว่าเอารหัสห้องมาแต่ไหน”
เธอแค่ใส่ตามวันเกิด เขาน่ะสิมาเลขตรงกันได้ยังไง
พรึ่บ
“อุ้ย!” ฉันหันมาตามเสียงก่อนที่สายตาจะปะทะเข้ากับอะไรขาวๆ หิมะที่เคยเล่นทุกปียังไม่ขาวเท่านี้เลย แล้วจะนุ่มเหมือนหิมะหรือเปล่า ไวเท่าความคิด
หมับ! มือข้างซ้ายตะปมเข้าที่น้องซิคแพคแน่นๆ
“ยัยบ้า!” ภูธาราขยับถอยไปหลายก้าวเมื่อถูกลวนลามซึ้งๆหน้า
“คุณหมออ่อยฉันเองนะคะ” มองตามมือตาละห้อย
“ออกไปจากห้องผมเดี๋ยวนี้” คุณหมอหน้าใสชี้มือไปที่ประตู ใบหน้าเรียบนิ่งยากจะคาดเดา “หูตึงหรือไง”
“โอ๊ย!” อันนายกมือขึ้นมากุมท้องใบหน้าเหยเก
“เป็นอะไร!” แม้จะเอ่ยถามแต่ยังขยับตัวหนีราวกับไม่ไว้ใจ จนดูให้แน่ใจว่าคนตรงหน้าไม่ได้แสดงละครกับเขาจึงเดินไปคว้าเสื้อมาสวมอย่างรวดเร็วติดกระดุมรีบๆ แล้วเดินเข้าไปหาคนที่นั่งยองๆมือกุมท้องอยู่
“ปวดท้องมากเลยคะหมอ” อันนาเงยหน้ามองคนที่เดินมานั่งข้างๆตัวเองเพื่อถามไถ่อาการของเธอ “อะ...โอ๊ยย ปวดมาก”
“มาผมอุ้มคุณไปนั่งที่โซฟา”
ภูธาราขยับตัวสอดแขนใต้ขาเรียวใช้แรงอุ้มคนที่ตัวเล็กกว่าเขาไม่มากเพราะอันนาจัดเป็นผู้หญิงที่รูปร่างดีตามมาตรฐานหญิงไทยส่วนสูง 170 เซนติเมตร ยิ่งเธอใส่ส้นสูงก็เตี้ยกว่าเขาไม่มากนักเรียกได้ว่าคุยกับเธอไม่ต้องก้มหน้าให้เมื่อยคอ นี่อาจจะเป็นข้อดีอย่างเดียวที่เขาค้นพบในตัวอันนา
“นี่ยาเคลือบกระเพาะ คุณน่าจะไม่ได้กินข้าวล่ะสิ” เขายื่นยามาให้พร้อมน้ำ
อันนามองมันหยีๆแต่เพื่อแผนการต่อให้มียาที่ไม่ชอบสิบเม็ดมาอยู่ตรงหน้าเธอก็จะกินมันเดี๋ยวนั้น
“ขะ...ขอบคุณค่ะ” ถ้าไม่ติดว่าจะเวอร์เกินไปหน่อยเธอจะแสร้งบีบน้ำตาให้ แต่แค่นี้ก็พอแล้วล่ะ “คุณหมอใจดีกับฉันกว่าปกตินะคะ”
“ผมแค่ไม่อยากให้คนมาตายในห้องผม” เขาพูดจบก็ถอยห่างไปนั่งที่โซฟาตัวถัดไป ราวกับไม่อยากเข้าใกล้เธอนักหนา
“ปากร้าย” ดวงตากลมโตวูบไหวยามสบประสานกับสายตาเรียบนิ่งที่มองมา “แต่ใจดี” เธอยิ้มให้เขาเต็มหน้า เป็นรอยยิ้มที่ไม่ได้ปั้นสร้าง
ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าทำไมเป็นหมอภู หนึ่งในสิบของผู้ชายที่ฉันเตาะเล่นๆ นี่ใช่ไหมที่เขาบอกว่าการที่เราแกล้งรักใครสักคนเราจะเป็นฝ่ายตกหลุมรักเขาเอง
“ดีขึ้นแล้วก็ออกไป” ร่างสูงเดินมาด้านหน้าสายตาจับจ้องมาที่อันนา
หมับ! พรึ่บ!
มือเล็กคว้าเข้าที่ข้อมือหนาทำให้คนที่ไม่ทันได้ตั้งตัวเสียหลักเซล้มลงมาทับร่างอีกคนบนโซฟาตัวยาว อันนานอนราบไปกับโซฟาซึ่งมีคุณหมอล้มทับลงมา
สองคนจ้องตากันในระยะประชิด เธอได้ยินเสียงหัวใจกระหน่ำเต้นอย่างบ้าคลั่งแต่มันไม่ได้มาจากเธอคนเดียว
“ผม...”
อุ๊บ...
ในจังหวะที่อีกคนจะผละตัวออกไปอันนาใช้ความเร็วในการล็อกลำคอหนาเข้าหาตัวเอง ทำให้เขาทิ้งตัวลงมาอย่างรวดเร็วตามแรงของเธอจนปากเราสองคนติดกัน อันนาไม่ปล่อยมือบดริมฝีปากเข้ากับความนุ่มหยุ่นในตอนที่หมอภูไม่ทันได้ตั้งตัว
ถึงเขาจะไม่ได้จูบตอบแต่ไม่ได้ปิดปาก เผยอค้างอยู่อย่างนั้นให้เธอไล้ขบเม้มหยอกล้ออันนาเลียรอบปากเบาๆก่อนจะผลักคนที่อยู่ในอาหารตะลึงค้างให้ลุกขึ้นนั่ง
เขาจ้องเธอตาจะถลนออกมาแล้ว
“นี่ถือว่าเป็นการทักทายการกลับมาของฉัน อดีตลืมมันไปเลยค่ะสาวสวยคนนั้นตายไปแล้ว เตรียมตัวให้ดีฉันจะยั่วคุณให้ตบะแตกไปเลยทุกครั้งที่มีโอกาส”
เอาสิ เอาให้มันรู้กันไปเลยว่าการแสดงที่ร่ำเรียนมามันจะเสียเงินไปเปล่าๆหรือได้ผลงานชิ้นเอกกลับมา