ไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ

1756 Words
ในระหว่างการเดินทางจากที่บ้านของตระกูลโอเว่อวินมายังบ้านของหนูบัว หญิงสาวพยายามชวนพอลคุยนั่นคุยนี่ พอเกือบจะถึงบ้านของตนเอง เธอก็ตัดสินใจบอกเรื่องความรู้สึกให้พอลได้รับรู้ ถึงแม้ว่าคำตอบที่ได้อาจจะทำให้เธอเสียใจก็ตาม แต่ก็ดีกว่าไม่พูดมันออกมาเลย “พี่พอลคะ” “ครับ” “หนูบัวมีเรื่องจะบอกค่ะ” “ครับว่ามาเลย” “คือหนูบัวรักพี่พอล รักมานานมากแล้วด้วย รักมาตั้งแต่เด็ก ๆ” หนูบัวตัดสินพูดออกไปในที่สุด ถึงแม้มันจะดูหน้าด้านไปหน่อยที่บอกรักผู้ชายก่อนแต่ก็ดีกว่าไม่ทำอะไร เธออยากให้เขารู้ว่าตนเองนั้นรักเขามาตั้งแต่เด็กและไม่เคยรักใครอีกเลยนอกจากเขาคนเดียว “พี่พูดตรง ๆ นะหนูบัว พี่ไม่ได้รักหนูบัวแบบชู้สาว แต่พี่รัก หนูบัวแบบน้องสาวเท่านั้น และพี่ก็มีคนที่ชอบอยู่ในใจแล้วด้วย” พอลอยากให้หนูบัวตัดใจจากตนเอง จึงพูดออกมาตรง ๆ แบบไม่ถนอมน้ำใจ “หนูบัวรู้อยู่แล้วค่ะว่าคำตอบต้องเป็นแบบนี้ แต่หนูบัวอยากบอกให้พี่พอลรู้เท่านั้นเอง อีกอย่างพี่พอลเคยสัญญากับหนูบัว ว่าโตขึ้นเราจะแต่งงานกัน หนูบัวไม่เคยลืมและหวังว่าพี่พอลจะทำตามสัญญา” หนูบัวพูดออกมาอย่างเอาแต่ใจ เธอไม่ยอมให้เขารักคนอื่นง่าย ๆ หรอก เตรียมตัวไว้เถอะพี่พอลหนูบัวจะรุกให้มากกว่านี้อีก หญิงสาวคิดอยู่ในใจอย่างร้ายกาจไม่ได้พูดออกมาให้ชายหนุ่มได้ยิน “หนูบัวแต่พี่” / “ถึงบ้านพอดีเลยค่ะ ขอบคุณนะคะที่มาส่ง” หนูบัวรีบลงจากรถทันทีแล้วยืนโบกมือให้ชายหนุ่มอย่างอารมณ์ดีกับความคิดของตนเอง เมื่อรถขับออกไปหญิงสาวก็วิ่งเข้าไปหามารดาในบ้านเพื่อปรึกษาเรื่องหัวใจ ภายในห้องนั่งเล่นสองสามีภรรยากำลังทำบางอย่างโดยไม่ได้สังเกตว่าลูกสาวนั้นกลับมาแล้ว หนูบัวไม่ได้ตกใจเท่าไรที่เห็นบิดามารดากำลังจูบกัน แต่เธอแค่รู้สึกเขินกับการแสดงความรักของพวกท่านเท่านั้นเอง หนูบัวอยากได้สามีเหมือนแด๊ดดี้มากเพราะว่ามาคัสรักลูกรักเมียยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้น “หนูบัวมายืนตรงนี้นานหรือยังลูก” สามีจูบภรรยาเสร็จก็หันมาเห็นลูกสาวกำลังยืนยิ้มให้ตนเองกับภรรยาตรงหน้าประตูทางเข้า เขาทำหน้าปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นต่างจากภรรยาที่ไม่รู้จะทำหน้าอย่างไรดี “นานแล้วค่ะ” หนูบัวเดินไปนั่งข้าง ๆ มารดา “แสดงว่าหนูบัวก็เห็นที่พ่อกับแม่ เอ่อ” มารดาไม่รู้จะพูดอย่างไร ถึงตนเองกับสามีจะแสดงความรักกันบ่อยแต่ก็ไม่ชินอยู่ดี พวกเขาอายุจะมากแล้วก็จริงแต่ความรักและการแสดงออกนั้นยังเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน “เห็นค่ะ เห็นตั้งแต่ต้นจนจบ” ลูกสาวพูดออกมาอย่างล้อเลียนกับการแสดงความรักของพ่อแม่ เธอรู้สึกอิจฉามารดาจริง ๆ ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเห็นแด๊ดดี้ทำให้คุณแม่เสียใจเลยสักครั้ง แถมยังหวานได้ตลอดเวลา “ฮ่า ๆ อย่าพูดแบบนั้นสิลูก เห็นไหมคุณแม่เขินใหญ่เลย” มาคัสหัวเราะเสียงดังลั่นห้องชอบใจกับคำพูดของลูกสาว “พี่มาร์คหยุดพูดเลยนะ” ภรรยาหันมาดุสามีที่ไม่สะทกสะท้านกับการกระทำของตนเองแถมยังหัวเราะชอบใจอีกต่างหาก “ฮ่า ๆ แด๊ดดี้กับคุณแม่เป็นคู่ที่น่ารักมากเลยนะคะ หนูบัวอยากเป็นเหมือนแด๊ดดี้กับคุณแม่จังเลยค่ะ” “เรื่องนั้นอีกนานครับลูกสาวแด๊ดดี้ หนูเพิ่งเรียนจบยังมีเวลาเจอคนดี ๆ อีกเยอะไม่ต้องรีบแด๊ดดี้รอได้ หรือหนูจะไม่แต่งงานเลยก็ได้นะแด๊ดดี้โอเค” “เฮ้อ” / “เฮ้อ” สองแม่ลูกพร้อมใจกันถอนหายใจออกมาในความหวงของมาคัส แล้วแบบนี้หนูบัวจะได้แต่งงานมีครอบครัวไหมนะ ถ้ามาคัสยังห่วงลูกสาวไม่เลิก ภรรยาได้แต่คิดอยู่ในใจแต่ไม่พูดมันออกมากลัวสามีจะงอน “แล้วนี่ลูกกลับมายังไงไม่เห็นได้ยินเสียงรถเลย” สิตาภาหันมาถามลูกสาวบ้าง เธอไม่ได้ยินเสียงรถของลูกสาวเข้ามาในบ้านจึงสงสัยว่าหนูบัวกลับมาอย่างไร “พี่พอลมาส่งนะคะ ลุงคริสกับน้าแพทเห็นว่ามันจะมืดแล้วก็เลยไม่อยากให้ขับรถกลับมาเอง” “ก็ดีแล้วจ้า งั้นคุณแม่ไปดูอาหารก่อนนะป่านนี้แม่บ้านคงทำใกล้เสร็จแล้ว” “หนูบัวไปด้วยค่ะ” “อ้าว สองสาวจะทิ้งให้แด๊ดดี้สุดหล่ออยู่คนเดียวเหรอ” “ค่ะ”/ “ค่ะ” สองแม่ลูกหันมาตอบพร้อมกันแล้วเดินออกจากห้องไปทันทีโดยไม่สนใจอาการของมาคัสที่กำลังโอดครวญให้กับเมียและลูก ก่อนนอนหนูบัวเดินมาหามารดาที่ห้องของท่าน เพื่อปรึกษาเรื่องงานที่ลุงคริสเสนอมา เธอคิดว่ามารดาน่าจะช่วยพูดกับบิดาได้เพราะข้อเสนอของคริสตินก็ไม่เลว ถ้าเธอได้ไปฝึกงานที่บริษัทของคริสตินตนเองจะได้อยู่ใกล้พี่พอลอีกด้วย ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูห้องของสองสามีภรรยาดังขึ้นมา “อ้าว หนูบัวมีอะไรเหรอลูก” คนเป็นแม่เดินมาเปิดประตูเจอกับลูกสาวที่ยืนยิ้มอยู่หน้าห้อง “หนูบัวมีเรื่องจะปรึกษากับคุณแม่นะคะ” “เข้ามาเลยลูก” “ค่ะ” หนูบัวเดินเข้ามานั่งบนโซฟาที่มีมาคัสกำลังอ่านเอกสารอยู่ตรงนี้ เธอรู้สึกมือเย็นไปหมดไม่รู้จะพูดขออนุญาตแด๊ดดี้อย่างไรดี “หนูบัวมีอะไรก็พูดมาเถอะลูก” มารดาเห็นลูกสาวอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ เหมือนมีอะไรจะคุยด้วยแต่ไม่กล้าพูด “คือหนูบัวอยากไปทำงานที่บริษัทของลุงคริสค่ะ ลุงคริสบอกว่าหนูบัวยังไม่มีประสบการณ์ทำงาน ถ้าได้ไปลองทำงานที่นั่นก่อนน่าจะดีกว่า” “ก็ดีนะลูก คุณแม่ว่าเป็นความคิดที่ดีเลย” “แต่แด๊ดดี้ว่าหนูเก่งอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปฝึกงานที่บริษัทของลุงคริสก็ได้” “พี่มาร์คปล่อยให้ลูกไปทำตามในสิ่งที่ตัวเองต้องการเถอะ อย่าไปบังคับลูกเลย” “นะคะแด๊ดดี้ หนูบัวอยากไปเรียนรู้งานจากพี่พอล” “เอาแบบนี้ได้ไหมครับ แด๊ดดี้ขอปรึกษากับคุณแม่ก่อนแล้วจะให้คำตอบพรุ่งนี้เช้า” “ก็ได้ค่ะ ฝันดีนะคะแด๊ดดี้ ฝันดีนะคะคุณแม่” หนูบัวหวังว่าพรุ่งนี้เช้าเธอจะได้รับคำตอบที่ตรงใจ เมื่อลูกสาวเดินออกจากห้องไปแล้ว สิตาภาก็หันมาพูดกับสามีแบบจริงจัง เห็นทีต้องคุยกับเขาตรง ๆ เธออยากให้ลูกสาวได้ทำตามที่หัวใจต้องการ ไม่อยากให้ทำอะไรเพื่อพ่อแม่อีก หนูบัวโตพอที่จะดูแลตัวเองแล้วควรปล่อยให้ลูกเป็นอิสระเสียที “พี่มาร์คขา ปล่อยลูกไปทำงานที่บริษัทของคุณคริสเถอะนะคะ” “แต่พี่เป็นห่วงลูก ถ้าหนูบัวไปอยู่ใกล้ตาพอลหนูบัวอาจจะเสียใจก็ได้ เบลก็รู้นี่ว่าหนูบัวคิดยังไงกับตาพอล” “รู้สิคะ เบลถึงอยากให้ลูกได้ทำตามในสิ่งที่ตนเองต้องการ หนูบัวโตพอที่จะดูแลตัวเองแล้วนะคะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเบลเชื่อว่าลูกจะเข้มแข็งพอที่จะผ่านมันไปได้ ดีไม่ดีเด็กสองคนนี้อาจจะลงเอยกันก็เป็นได้ หรือพี่มาร์ครังเกียจตาพอล” “ไม่ใช่แบบนั้น พี่ก็แค่เป็นห่วงความรู้สึกลูกเท่านั้นเอง” “เบลก็เป็นห่วง แต่ถ้าเราไม่ปล่อยให้เขาเรียนรู้ด้วยตัวเอง เขาจะไม่รู้จักชีวิตเลยนะคะ ถ้าวันหนึ่งเราสองคนไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้วหนูบัวจะทำยังไง” “อืม ก็ใช่ เอาเป็นว่าพี่จะยอมให้ลูกไปทำงานที่บริษัทของไอ้คริสก็แล้วกัน แต่เรื่องอื่นค่อยว่ากันอีกที” มาคัสจำยอมทำตามที่ลูกสาวต้องการ เขาก็ไม่อยากจะบังคับลูกเหมือนกัน ถึงจะหวงหนูบัวมากแต่ก็อยากให้ลูกสาวได้เรียนรู้ชีวิตเหมือนที่ภรรยาบอก ส่วนเรื่องความรักของหนูบัวค่อยมาคุยกันอีกทีเพราะมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน “ขอบคุณค่ะพี่มาร์ค” “ทำดีขนาดนี้มีรางวัลไหม” “พี่มาร์ค!” ตอนเช้าในระหว่างที่กำลังทานข้าวกันอยู่นั้น มาคัสก็บอกข่าวดีกับหนูบัวว่าเขาอนุญาตให้ลูกสาวไปทำงานที่บริษัทของคริสติน ใจจริงเขาไม่อยากให้หนูบัวไปอยู่ใกล้ ๆ พอลสักเท่าไร กลัวเธอจะเสียใจมากขึ้น แต่มาคัสก็อยากให้ลูกสาวได้ใช้ชีวิตอย่างที่เธอต้องการจึงยอมปล่อย เขาไม่อยากจะบังคับลูกมากไปกว่านี้ เพราะรู้ดีว่าอย่างไรหนูบัวก็ต้องหาเรื่องให้ได้ใกล้ชิดกับพอลอีกแน่ ดังนั้นให้ลูกทำอะไรอยู่ในสายตาดีกว่า ตนเองกับภรรยาจะคอยช่วยเหลือลูกสาวอยู่ข้างหลัง “ขอบคุณมากนะคะแด๊ดดี้ ขอบคุณมากนะคะคุณแม่” “จำไว้นะหนูบัว ใครไม่รักหนูบัวก็ปล่อยเขาไป แต่แด๊ดดี้คุณแม่ แล้วก็เจ้าแฝดรักหนูบัวที่สุด” “ค่ะ แด๊ดดี้” “คุณแม่รักหนูบัวนะลูก” “แด๊ดดี้ก็รักหนูบัวมากนะลูก” “ค่ะ หนูบัวก็รักแด๊ดดี้กับคุณแม่มากเหมือนกัน หนูบัวสัญญาว่าจะรักตัวเองให้มากจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง” หนูบัวเข้าไปกอดพ่อแม่กับแม่ด้วยความซึ้งใจที่ท่านอนุญาตให้เธอทำตามที่ต้องการ เธอสัญญาว่า หากลองพยายามทำให้พี่พอลมารักตัวเองแล้วไม่สำเร็จ เธอจะไม่เสียใจเด็ดขาดแล้วจะมองหาคนอื่นทันที
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD