วันรุ่งขึ้นหนูบัวตื่นมาด้วยความสดใส เพราะเมื่อวานหลังเลิกงานพอลไปส่งเธอที่บ้าน พอตอนเช้าก็มารับอีกทำให้เธอยิ้มแก้มแทบแตกกับความน่ารักของชายหนุ่ม ตอนนี้พอลนั่งทานข้าวกับครอบครัวของเธอเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันไปแล้ว
ชายหนุ่มมาที่บ้านหลังนี้ตั้งแต่เช้าเพื่อมารับหนูบัวโดยเฉพาะ เมื่อคืนหลังจากที่มาส่งหนูบัวเรียบร้อย เขาก็กลับไปทบทวนความรู้สึกของตนเองว่าคิดอย่างไรกันแน่กับน้องสาวคนนี้ แต่คำตอบที่ได้มันยังไม่ชัดพอเขาจึงขอเวลาอีกนิดหากได้คำตอบที่แน่ชัดเขาจะรีบบอกเธอทันที
“กินเยอะ ๆ นะตาพอล” สิตาภาพูดกับหลานชายอย่างมีไมตรี เธอเห็นพอลมาตั้งแต่อยู่ในท้อง รักชายหนุ่มไม่ต่างจากลูกของตนเองจึงอยากได้มาเป็นลูกเขย
“ครับน้าเบล” พอลยิ้มรับความใจดีของคุณน้าเบล
“พอล หนูบัวทำงานเป็นยังไงบ้าง ติดขัดตรงไหนไหม” มาคัสตกใจไม่น้อยที่เห็นหลานชายมารับลูกสาวตนเองแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร
“ดีครับ หนูบัวเป็นคนเก่งสอนอะไรก็จำได้เร็ว ไม่มีปัญหาเลยครับลุงมาร์ค” พอลไม่ได้พูดอวยหนูบัวแต่อย่างใดเพราะเธอเก่งจริง ๆ
“แน่นอนอยู่แล้วค่ะ หนูบัวเก่งเหมือนแด๊ดดี้ไง” หนูบัวหันมายิ้มให้พ่อของเธอพร้อมกับยกนิ้วโป่งขึ้นมาประกอบคำพูดของตนเองทำให้ทุกคนที่อยู่บนโต๊ะอาหารพากันหัวเราะออกมาเสียงดัง
“แล้วเจ้าแฝดจะกลับมาเมื่อไหร่ครับเห็นว่าเรียนใกล้จบแล้วนี่”
พอลถามถึงน้องชายฝาแฝดของหนูบัว เขาสนิทกับสองคนนี้เหมือนกัน
“เดือนหน้าก็กลับมาแล้วจ้า เห็นว่าจะกลับมาพักผ่อนให้หายเหนื่อยก่อนแล้วค่อยไปเรียนต่ออีก” มารดาของหญิงสาวเป็นคนบอกพอล เพราะลูกชายทั้งสองนั้นมีแผนว่าจะไปเรียนต่อโทแต่ขอกลับมาพักให้หายเหนื่อยก่อน
“ดีครับ จะได้กลับมาช่วยบริหารงานต่อจากลุงมาร์ค”
“ลุงก็ว่าแบบนั้นแหละ ตอนนี้อายุก็มากแล้วดูแลงานทุกอย่างคนเดียวมันเหนื่อย รอลูก ๆ กลับมาช่วยอยู่เหมือนกัน” มาคัสพูดออกมาเป็นนัย ๆ ว่าตนเองจะให้หนูบัวฝึกงานกับพอลอีกไม่นานเท่านั้น แล้วจะให้เธอกลับมาดูแลงานของบริษัทตัวเอง
มาคัสต้องดูแลกิจการทั้งหมดเพียงคนเดียว เพราะคุณมาตินได้วางมือไปหลายปีแล้วท่านอายุมากขึ้นเลยอยากจะพักผ่อนปล่อยให้ลูกชายดูแลแทน
“ครับ” พอลตอบสั้น ๆ เขาเข้าใจดีว่าบิดาของหญิงสาวพูดนั้นหมายถึงอะไร
ทั้งสี่คนกินข้าวด้วยกันจนใกล้เวลาต้องไปทำงานจึงแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตนเอง ก่อนออกจากห้องอาหารพอลได้ขออนุญาตมาคัสกับสิตาภาว่าจะเป็นคนมารับมาส่งหนูบัวด้วยตัวเอง
มาคัสเกือบจะไม่ยอมแต่คิดอีกทีมันก็ดีกว่าให้หนูบัวขับรถเอง เพราะฉะนั้นเขาจึงอนุญาตให้พอลมารับมาส่งหนูบัวได้ ส่วนสิตาภาก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร ดีเสียอีกหนูบัวจะได้ไม่ต้องขับรถเอง
ในระหว่างติดไฟแดงบนท้องถนนในเมืองหลวงพอลหันไปมองหนูบัวเป็นระยะ ๆ แต่ต้องบอกว่า เขามองเธอแบบนี้ตลอดก่อนออกจากบ้าน ไม่ต่างจากหนูบัวที่ชำเลืองมองชายหนุ่มทุกครั้งหลังจากที่ขึ้นรถ
“หนูบัวมีอะไรจะพูดกับพี่เหรอ” พอลเห็นเธอทำท่าเหมือนอยากพูดอะไรแต่ไม่ยอมพูดจึงเอ่ยถาม
“คือเรื่องที่พี่พอลบอกกับคุณแม่แล้วก็ดีแด๊ดดี้ว่าจะมารับมาส่งหนูบัว พี่พอลพูดจริงเหรอคะ” หนูบัวตัดสินใจถามเพราะเธอยังไม่ค่อยเชื่อว่าชายหนุ่มจะทำแบบนั้นจริง ๆ อีกอย่างเธอก็เกรงใจเขาด้วย
“จริงสิ พี่พูดคำไหนคำนั้น”
พอลพูดออกมาอย่างจริงจังเรื่องไปรับไปส่งเขาทำแน่นอน
“ค่ะ เหมือนที่เราสัญญาตอนเด็ก ๆ ใช่ไหม” หนูบัวพูดออกมาแบบทีเล่นทีจริง
“ก็อาจจะเป็นแบบนั้น” พอลยิ้มมุมปากให้กับภาพงานวันเกิดของหนูบัวสมัยเด็กที่เขาเผลอไปให้คำมั่นสัญญากับเธอ
“พี่พอลพูดว่าอะไรนะคะ หนูบัวไม่ได้ยิน” หญิงสาวหันไปมองรถข้าง ๆ เลยไม่ได้ยินที่ชายหนุ่มพูดเพราะเขาพูดออกมาเบา ๆ ถ้าไม่ตั้งใจฟังจะไม่ได้ยินแน่นอน
“อ้อ พี่บ่นรถติดนะไม่มีอะไร” พอลรีบพูดแก้ตัวขึ้นมาทันที เขายังไม่อยากให้เธอรู้ว่าตนเองเปลี่ยนไปแล้ว เพราะยังไม่แน่ใจถึงความรู้สึกที่มี
“ค่ะ” เธอไม่ได้สงสัยในคำตอบที่ได้จึงพูดออกมาสั้น ๆ แล้วหันไปสนใจบนท้องถนนต่อ แต่นึกขึ้นมาได้ว่าเขาแอบมองตนเองบ่อย ๆ จึงถามชายหนุ่มอีกครั้ง
“พี่พอลละมีอะไรไหม ถึงได้มองหนูบัวตลอด”
“พี่มองชุดของหนูบัวนะสิ ถ้าใส่ชุดแบบเมื่อวานอีกพี่จะได้พาไปซื้อชุดใหม่เลย”
“แล้วเป็นไงยังไงคะชุดนี้”
“ผ่าน”
พอลพูดจบหนูบัวก็หัวเราะออกมาอย่างขบขันกับท่าทางการยักไหล่และน้ำเสียงที่พูดว่าผ่านของชายหนุ่ม ใจจริงเธออยากแต่งตัวให้ดูเซ็กซี่แบบเมื่อวานอีก แต่กลัวว่าเขาจะพาเธอไปซื้อเสื้อผ้าใหม่จึงไม่ใส่ชุดแบบนั้นดีกว่า
หลังจากทั้งสองคนทำงานไปถึงช่วงเที่ยงก็ถึงเวลาไปพัก วันนี้พอลกับหนูบัวสั่งอาหารมากินในห้องทำงานเพราะไม่อยากออกไปข้างนอก ทั้งคู่นั่งกินข้าวด้วยกันคล้าย ๆ คนเพิ่งแต่งงานไม่มีผิด ถ้าหากคนอื่นมาเห็นคงได้เอาไปนินทาอย่างสนุกปากแน่
เวลาผ่านไปจนถึงช่วงเย็นพอลกับหนูบัวนั่งทำงานกันอย่างเคร่งเครียด ต่างคนก็ต่างมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ของตนเอง แต่อยู่ ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของซีโน่แบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำเอาทั้งสองคนที่อยู่ในห้องตกใจไม่น้อยกับแขกไม่ได้รับเชิญ
“สวัสดีครับหนูบัว พี่มาเยี่ยมครับ” ซีโน่เดินไปทักหนูบัวเป็นคนแรกแทนที่จะเข้าไปทักทายเพื่อนของตนเองก่อน
“สวัสดีค่ะพี่ซีโน่”
หนูบัวทักทายซีโน่ตามมารยาทแล้วหันไปมองหน้าพี่พอลของเธอที่กำลังทำหน้าเหมือนโกรธใครอยู่ จนตัวเองรู้สึกเสียวสันหลังวาบกับสายตาของชายหนุ่มที่ส่งมาให้
“ไอ้โน่ไม่คิดจะทักเพื่อนบ้างเหรอ” พอลแขวะเพื่อนสนิทที่ไม่ยอมหันมาทักทายเขาบ้างมัวแต่มองหนูบัวอยู่นั่นแหละ
“ก็กูไม่ได้มาหามึงแต่กูมาหาหนูบัวทำไมต้องทักด้วย” ซีโน่ตอบแบบกวน ๆ เขามาหาเธอก็จริงแต่ก็มาหาเพื่อนด้วยเหมือนกัน
“พอ มึงพูดออกมาเลยว่ามาทำไมร้อยวันพันปีจะมาที่นี่สักครั้ง”
“จะมาชวนหนูบัวไปทานข้าวเย็น”
“ฮะ! ทานข้าวเย็น” พอลพูดออกมาด้วยความตกใจไม่คิดเลยว่าเพื่อนของตนเองจะรุกสาวน้อยเร็วขนาดนี้
“เออสิ ทำไมมึงต้องตกใจขนาดนี้ด้วย” ซีโน่เดินเข้ามาจับผิดเพื่อนสนิทที่แสดงอาการตกใจออกมา
“ก็กูไม่คิดว่ามึงจะมาด้วยเรื่องแค่นี้” พอลพยายามหาคำแก้ตัวเพื่อกลบเกลื่อนสิ่งที่ตนเองแสดงออกมาก่อนหน้านี้
“หนูบัวตกลงเย็นนี้จะไปทานข้าวกับพี่ไหม” ซีโน่ยิ้มที่มุมปากแล้วหันไปถามหนูบัวที่กำลังหน้าเหวอไม่รู้จะตอบอย่างไรดี
“เย็นนี้หนูบัวไม่ว่างมีนัดแล้ว” พอลรีบตอบแทนสาวน้อยทั้งที่เจ้าตัวยังงงอยู่เลย
“จริงเหรอครับหนูบัว” ซีโน่หันไปถามหนูบัวอีกครั้ง
“คือหนูบัว” / “จริงสิ เย็นนี้กูจะพาหนูบัวไปกินข้าว ใช่ไหมครับหนูบัวที่เราสัญญากันไว้” พอลรีบตอบแทนหญิงสาวแล้วโมเมสัญญาขึ้นมาเองพร้อมกับส่งสายตากดดันไปให้หนูบัว
“ค่ะ หนูบัวนัดกับพี่พอลแล้ว” หญิงสาวคนเดียวเริ่มทำตัวไม่ถูกรีบตอบแบบที่พอลพูดออกมา
“อ้าวจริงเหรอ งั้นเราไปกันสามคนเลยดีกว่า หนูบัวคงไม่ขัดข้องนะครับถ้าพี่จะไปด้วย”
ซีโน่เริ่มดูออกว่าเพื่อนของเขานั้นหวงหนูบัวจึงอยากแกล้งพอลด้วยการเป็น กขค เขารู้จักพอลดีถ้าหากไม่มีใจให้เธอคงไม่ออกตัวแรงขนาดนี้
เขาไม่ได้จะแย่งของรักของเพื่อน แต่จะกระตุ้นให้เพื่อนเลิกปากแข็งเสียทีไม่อย่างนั้นจะเสียใจเอาได้ ถ้าคนที่มาชอบหนูบัวไม่ใช่ตนเอง
“ค่ะ หนูบัวไม่มีปัญหา”
หญิงสาวไม่รู้จะตอบแบบไหนจะปฏิเสธก็กลัวซีโน่จะเสียความรู้สึกเลยตอบตกลงเพราะอย่างไรเขาสองคนก็เป็นเพื่อนกัน ไปกินข้าวด้วยก็ไม่เห็นเป็นอะไร ส่วนพอลก็ได้แต่ทำหน้าตึง ๆ ใส่หนูบัวที่ตอบตกลงให้ซีโน่ไปด้วย เขาอุตส่าห์คิดแผนการแยกซีโน่ออกจากเธอได้แล้วแต่ก็พังไม่เป็นท่า
ตกเย็นทั้งสามคนไปกินข้าวด้วยกันที่ร้านอาหารชื่อดังตั้งอยู่ใจกลางเมือง ตอนนี้บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารหลากหลายชนิดที่หนูบัวเป็นคนสั่ง
“อ้าวไม่กินหรือคะพี่พอล อร่อยนะ” เธอถามเมื่อเห็นพอลไม่ยอมแตะอาหารตรงหน้า
“พอลคงอิ่มแล้วครับ หนูบัวไม่ต้องไปสนใจมันหรอก เรากินกันต่อเถอะเดี๋ยวอาหารจะเย็น” ซีโน่เห็นอาการของเพื่อนแล้ว อดพูดจากวนประสาทไม่ได้
“ไม่ได้หรอกค่ะ พี่พอลไม่กินแบบนี้หนูบัวก็กินไม่ลง งั้นหนูบัวตักให้นะคะพี่พอล”
หญิงสาวเป็นห่วงชายหนุ่มจึงตักอาหารให้ทาน พอลเห็นแบบนั้นก็อารมณ์ดีขึ้นมาทันที รีบกินอาหารที่หนูบัวตักให้หมดอย่างรวดเร็วเพื่อให้เธอตักอีก ซีโน่อยากจะหัวเราะออกมาดัง ๆ กับอาการของพอลที่เหมือนเด็กเรียกร้องความสนใจ
“นี่ครับพี่ตักให้บ้าง” พอลรีบตักอาหารให้หนูบัวอย่างเอาอกเอาใจจนซีโน่อยากจะมองบนให้กับการกระทำของเพื่อนตัวเอง
“ขอบคุณค่ะ” หนูบัวยิ้มขอบคุณให้กับพี่พอลของเธอที่ดูจะสนใจตนเองมากขึ้น
ในระหว่างที่หนูบัวขอตัวไปห้องน้ำซีโน่ก็ถามออกมาตรง ๆ ถึงความรู้สึกที่พอลมีให้กับหนูบัว แต่คำตอบที่ได้ทำเอาซีโน่อยากจะชกหน้าเพื่อนรักสักหมัดเพราะพอลพูดว่า
“ความรู้สึกของตนเองที่มีให้กับหนูบัวมันเปลี่ยนไปแล้ว ไม่ได้คิดกับเธอแค่น้องสาวเหมือนในอดีต แต่ยังไม่มั่นใจว่าชอบหนูบัวจริง ๆ รึเปล่า”
เมื่อพอลพูดจบซีโน่ก็ยิ้มที่มุมปาก เพราะเขาคิดแผนสร้างความมั่นใจให้เพื่อนของตนเองได้แล้ว รับรองว่าพอลรู้ใจตนเองแน่นอน