EP2.2 ll หนึ่งประโยคกับโศกนาฏกรรม [2]

1344 Words
เหมือนสิ่งมีชีวิตที่มิสามารถระบุประเภทได้กำลังจ้องมาทางผม สาบานได้ แม่งใช่แน่ๆ ผมกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอก่อนจะนึกภาพไม่กี่วันที่ผ่านมาที่เจอเรื่องแปลกพิสดารมากมายเกินกว่าที่มนุษย์คนนึงจะจินตนาการได้ ไม่ว่าจะการค้นพบซากฟอสซิลของตุ๊กตาพันผ้าสีขาวลงอักขระหลอนๆ แลดูคล้ายจะเป็นชื่อผมในซากตุ๊กตา หรือว่าคอมพิวเตอร์ที่จู่ๆ ก็รวนขึ้นวอลเปเปอร์เป็นรูปยัยนางฟ้าแสนผวานั่น ผมแทบจะทุบคอมทิ้งนะบอกเลย T_T แน่นอนไม่มีอะไรน่ากลัวเท่าการที่ผมกระเดือกสิ่งอัปมงคลนั่นแล้ว! ถ้าประเทศไทยยังมียัยนี่อยู่ ไม่ว่าสงครามครั้งไหนๆ แค่ให้ยัยนางฟ้าไปโปรยเส้นบ้าๆ นี่ทั่วบริเวณรบ ทหารก็อ้วกแตกตายกลายเป็นป่าช้าได้ แม้สหรัฐหรือเกาหลีเหนือที่ว่ามีขีปนาวุธก็ต้องจอดเมื่อเจออาวุธชีวภาพร้ายแรงสูงจากนางคนนี้ กูละคนนึง T^T “เฮ้ย ไอ้สิบ! เกลมาว่ะ” เสียงไอ้พันเอกทำให้พวกเราพร้อมใจกันหันไปมองร่างสูงบางในชุดนิสิตทรงเอ ผมยาวระบ่าบวกกับหน้าตาจิ้มลิ้มทำให้พวกผมสะดุด เธอเป็นดาวคณะจิตวิทยาเมื่อไม่นานมานี้ ดวงหน้าหวานชายสายตามาทางพวกเรานิดหน่อยก่อนจะโปรยยิ้มชนิดร้ายกาจทำเอาพวกผมเป็นอัมพาตกันได้ กินอะไรถึงได้งามแสนงาม ♥-♥ “อก 36” ไอ้พันเอก “เอว 25” ไอ้เผือก “หน้าอั้มพัชรา” ไอ้เต็มสิบ “ขาก็โคตรเรียว” ผมมองตามก่อนจะกลืนน้ำลายอีกรอบพร้อมสายตาหยาดเยิ้ม แต่ก็เยิ้มอยู่ได้ไม่นานเมื่อผมสะดุดกับจุดบอดของกาแล็กซี่ที่ยืนอยู่ตรงต้นเสา สัญชาตญาณผมก็ทำงานทันที... “แต่ไม่เสียวเท่ากูหรอกไอ้สิบ” นี่กูพูดเหี้ยอัลไลออกไป! TOT “ต่อมเผือกผมนี้ตั้งเลยครับ!” “ออกตัวแรงนะมึง!” ไอ้พันเอกหัวเราะร่วนแต่ไอ้เต็มสิบแม่งทำท่าจะฆ่าผมให้ตายคามือใหญ่ๆ ของมัน ก็ให้ทำไงได้วะ ก็อีชะนีผีนั่นมันจ้องผมอยู่อ่ะ TOT พวกมึงหันไปดูกันสิคร้าบบบบ อีจุดบอดของกาแล็กซี่มันแอบอยู่ที่ต้นเสานั่นไง แม่งไปสิงตรงนั้นผมกลัวเสาตกน้ำมันชิบหายอ่ะ “อุ้ย เต็มสิบนี่ หวัดดีๆ” สาวเจ้าที่เพียบพร้อมทั้งกริยามารยาทอันงามงดยกมือไหว้นอบน้อมระดับอกสามสิบหกของเธอทำเอาผมใจเต้นตึกตัก กินอะไรถึงได้งามแสนงาม~ ‘ฮิๆๆๆๆๆๆ’ >> เสียงจากอีจุดบอดกาแล็กซี่ที่ต้นเสา งามล้ำเกินคน~ โฮกกก กูเครียด TOT “เฮ้ย เธอๆ ไม่ต้องไหว้หรอก อายุเท่ากัน” ไอ้พันเอกว่าก่อนจะยกยิ้มหวานอย่างกะล่อนปลิ้นปล้อนตอแหลที่สุดในโลก “โทษที พอดีลืมตัว ช่วงรับน้องไหว้รุ่นพี่บ่อยน่ะ” เกลว่าก่อนจะมองหน้าผมตาปริบๆ ในขณะที่ไอ้สิบนี่เงียบกริบเพราะมันดันแอบหลงใหลได้ปลื้มตั้งแต่ช่วงประกวดเดือนดาวมหาลัยที่มันได้ไปถ่ายภาพสาวๆ ลงเว็บนั่นแหละ แหม ทำเป็นขี้อาย พอกับพวกผมปากหมาด่าแบบสี่คูณร้อย! “มีอะไรติดหน้าเราเหรอ?” เธอเลิกคิ้วสูงถามไอ้สิบทำให้ไอ้พวกขี้แซวยิ้มอย่างรู้ทัน “ไม่... ไม่มีนิ” ใบหน้ามันขึ้นสีระเรื่อก่อนจะตามมาด้วย... ‘ฮิๆๆๆๆๆๆ’ นั่นไงชีวิตกูกำลังจะเข้าสู่ด้านมืดแน่แล้ว... =_=;;; “สบายดีเหรอ ^^” ไอ้สิบเริ่มเข้าบทสนทนาด้วยทีท่าเคอะเขินมือไม้พันกันเป็นพัลวัน เออ ผู้หญิงสวยๆ คนนี้คงจะสบายดีอยู่หรอก แต่ผมดิเริ่มจะไม่สบายละ ผมว่าไอ้น้ำเสียงหัวเราะสยองขวัญจากอีจุดบอดของกาแล็กซี่มันเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ แล้วนะ TOT “อื้ม ขอบคุณที่เคยช่วยถ่ายรูปให้เรานะ นี่เพื่อนๆ เหรอ” เธอว่าก่อนจะกวาดสายตาสีเฮเซลมาทางพวกผม กลิ่นน้ำหอมหวานๆ ลอยมาตามอากาศทำให้ผมรู้สึกเคลิบเคลิ้มก่อนจะชะงักกับ... ‘ฮิๆๆๆๆๆๆ ฮี่ๆๆๆๆๆ’ อีจุดบอดของกาแล็กซี่นั่น -_- ผมปลายหางตาก่อนจะเห็นท่อนขาบึกๆ กำลังก้าวโผล่ออกมาจากเสาพร้อมกับเสี้ยวหน้าที่ดูเหมือนว่าเธอตั้งใจจะเข้ามาหาผม “ใช่ค้าบ พวกผมเป็นเพื่อนไอ้สิบ” ไอ้พันเอกกับไอ้คินพูดพร้อมกัน บรรยากาศกำลังดีงามจนกระทั่งท่อนขาอีกข้างของยัยมหันตภัยโลกโผล่ออกมา หัวใจตุ๊มๆ ต่อมๆ ของผมก็เด้งลงจากหน้าอกลงไปที่ส้นตีน ‘พี่น๊ายยยยยยซ์’ >> เสียงแว่วมาจากต้นเสาพร้อมกับเงาขยับเคลื่อนไหวไม่ต่างอะไรจากจูออน แม้ผมจะรู้สึกได้เลือนลางว่าสายตาสองคู่ของไอ้สิบกับเกลกำลังจ้องกันอย่างสานสัมพันธ์ดุจดอกไม้แรกแย้มแต่กราบประทานอภัย ไอ้ดอกไม้นั่นมันกำลังจะโดนผมทึ้งกระจุยเป็นกลีบๆ เพราะการแนะนำตัวอย่างเป็นทางการที่น่ารักของผม “แต่ผมเป็นผัวไอ้สิบค้าบบบบ” “มึงพูดเห้...!!!” ไอ้สิบเงียบเพราะฝ่ามือใหญ่ของผมจัดการปิดปากมันไว้ก่อนที่อะไรๆ ไม่ควรจะหลุดออกมา ผมยิ้มแห้งก่อนจะมองหน้าสาวเจ้าผู้ที่ถูกผมเหยียบดอกไม้แรกแย้มนั่นลงกับตา “อะไรนะ?” นัยน์ตาหวานเบิกตาโต “เฮ้ยๆ ไอ้ไนท์มึง...” ไอ้พันเอกกำลังจะด่าผมก่อนจะสะดุดกับสายตาที่คุณก็รู้ว่าใคร “แหม มึงก็ออกตัวแรงไปน๊า ขนาดผู้หญิงมึงยังหึงเลยเหรอ!” “พวกมึงพะ...เหี้ย...ไอ้!!!” ร่างสูงดีดดิ้นพยายามจะขย้อนคำพูดมิพึงประสงค์ออกมาในขณะที่ร่างบางหัวเราะแห้งๆ “เซอร์ไพรส์นะเนี่ย โกหกรึเปล่า?” เธอกุมหน้าอกพร้อมกับมองผมด้วยสายตาไม่น่าเชื่อ เออ จะเชื่อไปได้ยังไงเล่า ผมไม่ใช่แบบว่าสักหน่อย T^T “ต๊ายยย เรื่องแบบนี้ใครจะไปโกหกได้ลงคอ” ผมทำทีจริตพร้อมพูดเบาเหมือนกระซิบแต่จริงๆ แม่งดังมากพอจะทะลุไปยังอีจุดบอดกาแล็กซี่ที่เคลื่อนย้ายตัวด้วยความเร็วแสงนั่นแน่ๆ หมดกันภาพพจน์ของกู T_T “อ่ะ เอ่อ... น่าตกใจเนอะ ^O^;;;” “มะ ไม่... เฮ้ย...!!” ไอ้สิบดิ้นรุนแรงขึ้นจนไอ้พันเอกผู้รู้เหตุการณ์ต้องกระโจนเข้ามาช่วยผมล็อก “พวกมึงเล่นอะไรกันวะ?” ไอ้เผือกเลิกคิ้วสูง “อื้อ อื้อ” เสียงผู้ถูกพันธนาการร้องประท้วงในขณะที่ตีนไอ้พันเอกเหยียบตรงขาอ่อนเพื่อล็อกไม่ให้มันดิ้นอย่างรุนแรง “ปกติไอ้สิบมันชอบให้เล่นอะไรซาดิสก์ๆ น่ะ ^O^” รางวัลแถถวายแก่ไอ้พันเอกเลยครับท่าน เกลหัวเราะก่อนจะมองพวกเราอย่างงงๆ แม้ผมไม่ได้หันหลังกลับไปดู ผมก็รู้สึกได้ว่ามีพลังงานบางอย่างอยู่ด้านหลังผมเป็นแน่แท้ “จริงๆ เหรอ?” “จริงดิ ^O^;;;” ผมยืนยัน “แย่จัง เกลอุตส่าห์แอบปลื้มนะเนี่ย ^_^” ไอ้สิบ กูขอโทษ T___T “อื้อ โอ๊ย โว้ยยยยยยย!” เสียงตวาดพร้อมกับแรงกระชากจากสองแขนทำเอาผมกับไอ้พันเอกสะบัดไปคนละทาง พลังช้างสารของคนร่างโตที่ลุกขึ้นพรวดแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยทำให้ผมจุกนิดหน่อย มันหอบอยู่ประมาณสามวินาทีก่อนจะพยายามแก้ตัว แม้ว่าผมจะมองมันด้วยสายตาอ้อนวอน... “พวกมึงเล่นเหี้ยอะไรกันเนี่ย” อย่านะ... อย่าทำแบบนั้นกับกูนะ มึงเห็นอีจุดบอดปรอทล้านปีที่เหมือนเงาดำๆ ใกล้ๆ ตัวกูม๊ายยยย TOT ผมแทบกรีดร้องอยากจะกระโดดเข้าไปปิดปากมันทว่าไม่ทันแล้ว... “เกล เรากับไอ้เวรนี่อ่ะ...” น้ำเสียงขาดหายไปช่วงนึงเมื่อไอ้สิบปรายหางตาไปทางด้านหลังผม ใจความสำคัญของประโยคก็เปลี่ยนไปในทันที “พวกเรารักกันดี ชะนีอย่าเสือก!” ลาก่อนนะครับ ดาวมหาลัยของไอ้สิบ....
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD