ผมเริ่มสุภาพกับมันและดึงไหล่บางมาโอบพลางขยำไหลข้างใดข้างนึงเพื่อสร้างความสนิทชิดเชื้อแลแนบแน่นให้เขาไว้ใจผมมากขึ้น “ผมคิดว่าผมน่าจะถามแม่…” มันทำท่าจะโพล่งสิ่งที่เป็นอันตรายต่ออนาคตของผม ผมจึงรีบขัดในทันใด “ไปร้านกาแฟดีกว่า อยากกินคาปูชิโน่” “แต่…” ขวับ! ผมจับฝ่ามือหนานั่นทันทีก่อนที่มันจะพูดจบ จะพูดอะไรก็พูดไป แต่เขาคือทางเลือกสุดท้ายและโอเอซิสของผมเพื่อให้รอดพ้นจากอีจุดบอดกาแล็กซี่ที่น่ากลัวกว่าผีนั่นได้ “ด่ะ เดี๋ยวดิ” มันร้องประท้วงในขณะที่ฝ่ามือถูกแรงกระชากลากดึงของผมไปในทิศทางที่ผมต้องการ ผมแกล้งหูทวนลมแล้วดึงเขามาเรื่อยๆ จนมาจบที่ร้านกาแฟ คนหงอก็นั่งลงอย่างเนือยๆ ในฝั่งตรงข้ามของเก้าอี้ ผมสั่งลาเต้กับคาปูชิโน่มาวางประดับไว้ที่โต๊ะก่อนจะหรี่สายตาสำรวจใบหน้าของเขาอีกครั้ง มันเป็นเรื่องที่ตลกมาก ไม่ว่ามุมไหน ฝั่งซ้าย ฝั่งขวา หน้า หลัง คนตรงหน้าก็ไม่ต่างจากผมเลยสักนิดราวกับคนเดียว