เหมือนสิ่งมีชีวิตที่มิสามารถระบุประเภทได้กำลังจ้องมาทางผม สาบานได้ แม่งใช่แน่ๆ ผมกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอก่อนจะนึกภาพไม่กี่วันที่ผ่านมาที่เจอเรื่องแปลกพิสดารมากมายเกินกว่าที่มนุษย์คนนึงจะจินตนาการได้
ไม่ว่าจะการค้นพบซากฟอสซิลของตุ๊กตาพันผ้าสีขาวลงอักขระหลอนๆ แลดูคล้ายจะเป็นชื่อผมในซากตุ๊กตา หรือว่าคอมพิวเตอร์ที่จู่ๆ ก็รวนขึ้นวอลเปเปอร์เป็นรูปยัยนางฟ้าแสนผวานั่น ผมแทบจะทุบคอมทิ้งนะบอกเลย T_T
แน่นอนไม่มีอะไรน่ากลัวเท่าการที่ผมกระเดือกสิ่งอัปมงคลนั่นแล้ว! ถ้าประเทศไทยยังมียัยนี่อยู่ ไม่ว่าสงครามครั้งไหนๆ แค่ให้ยัยนางฟ้าไปโปรยเส้นบ้าๆ นี่ทั่วบริเวณรบ ทหารก็อ้วกแตกตายกลายเป็นป่าช้าได้ แม้สหรัฐหรือเกาหลีเหนือที่ว่ามีขีปนาวุธก็ต้องจอดเมื่อเจออาวุธชีวภาพร้ายแรงสูงจากนางคนนี้
กูละคนนึง T^T
“เฮ้ย ไอ้สิบ! เกลมาว่ะ” เสียงไอ้พันเอกทำให้พวกเราพร้อมใจกันหันไปมองร่างสูงบางในชุดนิสิตทรงเอ ผมยาวระบ่าบวกกับหน้าตาจิ้มลิ้มทำให้พวกผมสะดุด เธอเป็นดาวคณะจิตวิทยาเมื่อไม่นานมานี้ ดวงหน้าหวานชายสายตามาทางพวกเรานิดหน่อยก่อนจะโปรยยิ้มชนิดร้ายกาจทำเอาพวกผมเป็นอัมพาตกันได้
กินอะไรถึงได้งามแสนงาม ♥-♥
“อก 36” ไอ้พันเอก
“เอว 25” ไอ้เผือก
“หน้าอั้มพัชรา” ไอ้เต็มสิบ
“ขาก็โคตรเรียว” ผมมองตามก่อนจะกลืนน้ำลายอีกรอบพร้อมสายตาหยาดเยิ้ม แต่ก็เยิ้มอยู่ได้ไม่นานเมื่อผมสะดุดกับจุดบอดของกาแล็กซี่ที่ยืนอยู่ตรงต้นเสา สัญชาตญาณผมก็ทำงานทันที... “แต่ไม่เสียวเท่ากูหรอกไอ้สิบ”
นี่กูพูดเหี้ยอัลไลออกไป! TOT
“ต่อมเผือกผมนี้ตั้งเลยครับ!”
“ออกตัวแรงนะมึง!” ไอ้พันเอกหัวเราะร่วนแต่ไอ้เต็มสิบแม่งทำท่าจะฆ่าผมให้ตายคามือใหญ่ๆ ของมัน ก็ให้ทำไงได้วะ ก็อีชะนีผีนั่นมันจ้องผมอยู่อ่ะ TOT พวกมึงหันไปดูกันสิคร้าบบบบ อีจุดบอดของกาแล็กซี่มันแอบอยู่ที่ต้นเสานั่นไง แม่งไปสิงตรงนั้นผมกลัวเสาตกน้ำมันชิบหายอ่ะ
“อุ้ย เต็มสิบนี่ หวัดดีๆ” สาวเจ้าที่เพียบพร้อมทั้งกริยามารยาทอันงามงดยกมือไหว้นอบน้อมระดับอกสามสิบหกของเธอทำเอาผมใจเต้นตึกตัก กินอะไรถึงได้งามแสนงาม~
‘ฮิๆๆๆๆๆๆ’ >> เสียงจากอีจุดบอดกาแล็กซี่ที่ต้นเสา
งามล้ำเกินคน~ โฮกกก กูเครียด TOT
“เฮ้ย เธอๆ ไม่ต้องไหว้หรอก อายุเท่ากัน” ไอ้พันเอกว่าก่อนจะยกยิ้มหวานอย่างกะล่อนปลิ้นปล้อนตอแหลที่สุดในโลก
“โทษที พอดีลืมตัว ช่วงรับน้องไหว้รุ่นพี่บ่อยน่ะ” เกลว่าก่อนจะมองหน้าผมตาปริบๆ ในขณะที่ไอ้สิบนี่เงียบกริบเพราะมันดันแอบหลงใหลได้ปลื้มตั้งแต่ช่วงประกวดเดือนดาวมหาลัยที่มันได้ไปถ่ายภาพสาวๆ ลงเว็บนั่นแหละ แหม ทำเป็นขี้อาย พอกับพวกผมปากหมาด่าแบบสี่คูณร้อย! “มีอะไรติดหน้าเราเหรอ?” เธอเลิกคิ้วสูงถามไอ้สิบทำให้ไอ้พวกขี้แซวยิ้มอย่างรู้ทัน
“ไม่... ไม่มีนิ” ใบหน้ามันขึ้นสีระเรื่อก่อนจะตามมาด้วย...
‘ฮิๆๆๆๆๆๆ’
นั่นไงชีวิตกูกำลังจะเข้าสู่ด้านมืดแน่แล้ว... =_=;;;
“สบายดีเหรอ ^^” ไอ้สิบเริ่มเข้าบทสนทนาด้วยทีท่าเคอะเขินมือไม้พันกันเป็นพัลวัน เออ ผู้หญิงสวยๆ คนนี้คงจะสบายดีอยู่หรอก แต่ผมดิเริ่มจะไม่สบายละ ผมว่าไอ้น้ำเสียงหัวเราะสยองขวัญจากอีจุดบอดของกาแล็กซี่มันเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ แล้วนะ TOT
“อื้ม ขอบคุณที่เคยช่วยถ่ายรูปให้เรานะ นี่เพื่อนๆ เหรอ” เธอว่าก่อนจะกวาดสายตาสีเฮเซลมาทางพวกผม กลิ่นน้ำหอมหวานๆ ลอยมาตามอากาศทำให้ผมรู้สึกเคลิบเคลิ้มก่อนจะชะงักกับ...
‘ฮิๆๆๆๆๆๆ ฮี่ๆๆๆๆๆ’
อีจุดบอดของกาแล็กซี่นั่น -_-
ผมปลายหางตาก่อนจะเห็นท่อนขาบึกๆ กำลังก้าวโผล่ออกมาจากเสาพร้อมกับเสี้ยวหน้าที่ดูเหมือนว่าเธอตั้งใจจะเข้ามาหาผม
“ใช่ค้าบ พวกผมเป็นเพื่อนไอ้สิบ” ไอ้พันเอกกับไอ้คินพูดพร้อมกัน บรรยากาศกำลังดีงามจนกระทั่งท่อนขาอีกข้างของยัยมหันตภัยโลกโผล่ออกมา หัวใจตุ๊มๆ ต่อมๆ ของผมก็เด้งลงจากหน้าอกลงไปที่ส้นตีน
‘พี่น๊ายยยยยยซ์’ >> เสียงแว่วมาจากต้นเสาพร้อมกับเงาขยับเคลื่อนไหวไม่ต่างอะไรจากจูออน แม้ผมจะรู้สึกได้เลือนลางว่าสายตาสองคู่ของไอ้สิบกับเกลกำลังจ้องกันอย่างสานสัมพันธ์ดุจดอกไม้แรกแย้มแต่กราบประทานอภัย ไอ้ดอกไม้นั่นมันกำลังจะโดนผมทึ้งกระจุยเป็นกลีบๆ เพราะการแนะนำตัวอย่างเป็นทางการที่น่ารักของผม
“แต่ผมเป็นผัวไอ้สิบค้าบบบบ”
“มึงพูดเห้...!!!” ไอ้สิบเงียบเพราะฝ่ามือใหญ่ของผมจัดการปิดปากมันไว้ก่อนที่อะไรๆ ไม่ควรจะหลุดออกมา ผมยิ้มแห้งก่อนจะมองหน้าสาวเจ้าผู้ที่ถูกผมเหยียบดอกไม้แรกแย้มนั่นลงกับตา
“อะไรนะ?” นัยน์ตาหวานเบิกตาโต
“เฮ้ยๆ ไอ้ไนท์มึง...” ไอ้พันเอกกำลังจะด่าผมก่อนจะสะดุดกับสายตาที่คุณก็รู้ว่าใคร “แหม มึงก็ออกตัวแรงไปน๊า ขนาดผู้หญิงมึงยังหึงเลยเหรอ!”
“พวกมึงพะ...เหี้ย...ไอ้!!!” ร่างสูงดีดดิ้นพยายามจะขย้อนคำพูดมิพึงประสงค์ออกมาในขณะที่ร่างบางหัวเราะแห้งๆ
“เซอร์ไพรส์นะเนี่ย โกหกรึเปล่า?” เธอกุมหน้าอกพร้อมกับมองผมด้วยสายตาไม่น่าเชื่อ เออ จะเชื่อไปได้ยังไงเล่า ผมไม่ใช่แบบว่าสักหน่อย T^T
“ต๊ายยย เรื่องแบบนี้ใครจะไปโกหกได้ลงคอ” ผมทำทีจริตพร้อมพูดเบาเหมือนกระซิบแต่จริงๆ แม่งดังมากพอจะทะลุไปยังอีจุดบอดกาแล็กซี่ที่เคลื่อนย้ายตัวด้วยความเร็วแสงนั่นแน่ๆ หมดกันภาพพจน์ของกู T_T
“อ่ะ เอ่อ... น่าตกใจเนอะ ^O^;;;”
“มะ ไม่... เฮ้ย...!!” ไอ้สิบดิ้นรุนแรงขึ้นจนไอ้พันเอกผู้รู้เหตุการณ์ต้องกระโจนเข้ามาช่วยผมล็อก
“พวกมึงเล่นอะไรกันวะ?” ไอ้เผือกเลิกคิ้วสูง
“อื้อ อื้อ” เสียงผู้ถูกพันธนาการร้องประท้วงในขณะที่ตีนไอ้พันเอกเหยียบตรงขาอ่อนเพื่อล็อกไม่ให้มันดิ้นอย่างรุนแรง
“ปกติไอ้สิบมันชอบให้เล่นอะไรซาดิสก์ๆ น่ะ ^O^” รางวัลแถถวายแก่ไอ้พันเอกเลยครับท่าน เกลหัวเราะก่อนจะมองพวกเราอย่างงงๆ แม้ผมไม่ได้หันหลังกลับไปดู ผมก็รู้สึกได้ว่ามีพลังงานบางอย่างอยู่ด้านหลังผมเป็นแน่แท้
“จริงๆ เหรอ?”
“จริงดิ ^O^;;;” ผมยืนยัน
“แย่จัง เกลอุตส่าห์แอบปลื้มนะเนี่ย ^_^”
ไอ้สิบ กูขอโทษ T___T
“อื้อ โอ๊ย โว้ยยยยยยย!” เสียงตวาดพร้อมกับแรงกระชากจากสองแขนทำเอาผมกับไอ้พันเอกสะบัดไปคนละทาง พลังช้างสารของคนร่างโตที่ลุกขึ้นพรวดแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยทำให้ผมจุกนิดหน่อย มันหอบอยู่ประมาณสามวินาทีก่อนจะพยายามแก้ตัว แม้ว่าผมจะมองมันด้วยสายตาอ้อนวอน...
“พวกมึงเล่นเหี้ยอะไรกันเนี่ย”
อย่านะ... อย่าทำแบบนั้นกับกูนะ มึงเห็นอีจุดบอดปรอทล้านปีที่เหมือนเงาดำๆ ใกล้ๆ ตัวกูม๊ายยยย TOT ผมแทบกรีดร้องอยากจะกระโดดเข้าไปปิดปากมันทว่าไม่ทันแล้ว...
“เกล เรากับไอ้เวรนี่อ่ะ...” น้ำเสียงขาดหายไปช่วงนึงเมื่อไอ้สิบปรายหางตาไปทางด้านหลังผม ใจความสำคัญของประโยคก็เปลี่ยนไปในทันที
“พวกเรารักกันดี ชะนีอย่าเสือก!”
ลาก่อนนะครับ ดาวมหาลัยของไอ้สิบ....