ตอนที่ 1 บ.ก.ใหญ่

1954 Words
อัศวิน บรรณาธิการหนุ่มวัย 33 ปี พึ่งเข้ารับช่วงต่อบริหารสำนักพิมพ์อัศนัยจากบิดา ที่เกษียณอายุการทำงานในวัยเพียง 55 ปี หล่อ รวย แถมดีกรีเป็นถึงนักเรียนนอกจบมาด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ด้วยรูปร่าง หน้าตาและฐานะ ทำให้ชายหนุ่มเป็นที่หมายปองของสาวๆทั้งไทยและเทศ ซึ่งตบเท้าเข้ามาให้เลือกแทบไม่เว้นวัน แต่ด้วยความเย็นชาและพูดไม่เคยไว้หน้าใคร ทำเอาผู้หญิงหลายต่อหลายคนต่างก็ยกธงขาวขอย้อมแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มต้นมามากมายหลายต่อหลายคน “เอาออกไปให้หมด! ไปให้แก้มาใหม่ ไม่ผ่านสักหัวข้อ แล้วนี่ฝ่ายศิลป์ทำได้แค่นี้เหรอ สีจืดชืด ไม่สมกับที่ได้ยินมาเลยสักนิด! แจ้ง บ.ก. ไปด้วยว่าทีหลังถ้างานผ่านมาถึงผมแบบนี้อีก รับรองหางานใหม่กันเอาไว้ได้เลย!” อัศวินบอกขึ้นพร้อมกับโยนเล่มกระดาษในมือที่มีรอยวงกลมสีแดงเต็มไปหมดลงบนโต๊ะเสียงดัง ทำเอา หนูนา เลขาของเขาถึงกับสะดุ้งสุดตัวด้วยความตกใจ “คะ...ค่ะ ดะ...เดี๋ยวหนูนาแจ้งให้นะคะ ละ...แล้วนิยายกองนี้ บะ...บ.ก.ตรวจแล้วใช่ไหมคะ” หนูนาถามขึ้นพร้อมกับรีบหอบกองกระดาษที่วางระเกะระกะบนโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ของเจ้านายหนุ่มไปด้วย ก่อนจะเหลือบไปเห็นกองหัวข้อนิยายที่ดูเหมือนยังไม่ได้ตรวจจึงอดถามขึ้นไม่ได้ “ไม่ตรวจ ส่งกลับไปให้หมด!” อัศวินบอกขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับลุกขึ้นหยิบสูทขึ้นมาใส่แล้วเดินออกจากห้องไป ส่วนหนูนาก็ได้แต่มองตามไปด้วยสายตาละห้อย เพราะนี่มันก็เวลาเลิกงานแล้ว แต่เธอยังต้องเอาพวกกองกระดาษพวกนี้ไปส่งตามห้อง บ.ก. เพราะทุกคนต่างก็กำลังรอการตรวจทานครั้งสุดท้ายกันอยู่ เพราะอีกไม่กี่วันจะถึงเวลาต้องตีพิมพ์กันแล้ว “อะไรนะ!! นี่บ.ก.ใหญ่ส่งคืนหมดเลยเหรอ ไม่ผ่านเลยสักเรื่องเหรอ!” “ใช่ของเราก็ไม่ผ่าน” “ของฉันด้วย” เสียงบ.ก.ของฝ่ายต่างๆดังขึ้นกันเป็นแถวๆ เมื่อหนูนาเข็นรถเอางานที่อัศวินตีกลับมาส่งคืน ทำเอาเสียงไม่พอใจดังขึ้นเซ็งแซ่ “โอ๊ยแล้วนี่พวกเราจะแก้ทันไหม อีกแค่สามวันเอง ทำไมเรื่องมากอย่างนี้ว่ะเนี่ย” “เออ ทำงานเป็นรึเปล่าวะ แม่งแก้หมดนี่ใครมันจะไปทำทัน” “ใช่ เห็นว่าเป็นเจ้าของจะมาสั่งให้ทำอะไรก็ได้รึไงว่ะ ขนาดบ.ก.อัศนัยยังไม่เคยทำขนาดนี้เลย” พวก บ.ก.ฝ่ายต่างๆพากันส่งเสียงกร่นด่าตามกันเป็นแถบๆ เพราะตั้งแต่อัศวินเข้ามาบริหารงานที่นี่แทนคุณอัศนัยผู้เป็นบิดา พวกตนก็เริ่มทำงานกันลำบากขึ้นเรื่อยๆ เพราะส่งงานไปกี่ทีๆก็มักจะโดนตีกลับแบบนี้เสมอ “จะบ่นอะไรกันนักหนา ที่ บ.ก.ใหญ่ส่งกลับมา มันก็สมควรแล้วไม่ใช่รึไง นี่ดูอย่างของแก เขาก็วงกลมสีแดงใหญ่เอาไว้ว่าผิดตรงไหน นี่ไง เห็นไหมว่ามันผิด แล้วงานผ่านไปได้ยังไง แล้วนี่ของแกก็ผิด ภาพกับหัวข้อไม่สอดคล้องกันสักนิด แล้วจะพากันมาบ่นทำไม งานออกไปไม่ดีบริษัทก็เสียหาย เสียหายบ่อยๆก็เจ๊ง เจ๊งพวกเราทุกคนก็ตกงาน แล้วจะมาบ่นกันทำไม” เสียงชัชวาล หัวหน้าฝ่ายนิยายเอ่ยขึ้น ทำเอาพวก บ.ก.ฝ่ายต่างๆถึงกับทำหน้าเลิ่กลั่ก เพราะที่เขาพูดมานั้นมันถูกหมดทุกอย่าง ก่อนหน้าที่อัศนัยยังบริหารงานอยู่นั้น ด้วยความที่เป็นคนใจดี พอเจองานผิดหรือต้องแก้ อัศนัยก็แจ้งด้วยความใจดี ต่างจากอัศวินราวฟ้ากับเหว พูดจบชัชวาลก็เดินเข้าไปในห้องทำงานของตนเองซึ่งก็มีกองนิยายที่เขาส่งไปกองเต็มอยู่บนโต๊ะไม่ต่างจาก บ. ก. คนอื่นๆ “เฮ้อ นี่ไม่ตรวจเลยเหรอวะเนี่ย” ชัชวาล บ.ก.วัยกลางคนเอ่ยขึ้น ถึงแม้ว่าเขาจะเห็นด้วยกับการบริหารงานแบบใหม่ของอัศวิน แต่บางทีอัศวินก็เข้มงวดจนเกินเหตุ เช่นพวกแสงสี ถ้าไม่ถูกใจ ชายหนุ่มก็จะตีกลับหมด ไม่มีอนุโลมใดๆทั้งสิ้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าตั้งแต่ชายหนุ่มเข้ามาบริหาร บริษัทก็ก้าวหน้าขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพียงเวลาแค่สามเดือน อัศวินสามารถทำให้บริษัทคว้ารางวัลสำนักพิมพ์ยอดเยี่ยม และยอดขายของบริษัทก็ดีขึ้นด้วย เช้าวันรุ่งขึ้น “อะไรนะพี่ชัช นิยายของวียังไม่ได้ทำรูปเล่มอีกเหรอคะ นี่มันจะเดือนนึงแล้วนะพี่ชัช” “เออน่า วันนี้พี่จะส่งให้ บ.ก.ใหญ่ตรวจอีกรอบ สงสัยเมื่อวานอารมณ์ไม่ดีเลยตีกลับหมด แกก็รออีกนิดนึงน่า” “ถ้าไม่คิดว่าติดสัญญากับบริษัทนะ วีจะส่งไปให้สำนักพิมพ์อื่นตีพิมพ์แทนแล้วเนี่ย” เสียงสนทนาระหว่าง ดารวี นักเขียนนิยายที่กำลังมาแรง กับชัชวาล บ.ก.ของฝ่ายนิยายของสำนักพิมพ์อัศนัยดังขึ้นตามสาย เพราะดารวีกำลังรอนิยายเรื่องล่าสุดของเธอตีพิมพ์อยู่ เธอหวังเอาไว้ว่านิยายเรื่องนี้ต้องโด่งดังกว่าเรื่องที่แล้วแน่นอน เพราะเธอทุ่มเทจินตนาการทั้งหมดของเธอลงไปแบบสุดความสามารถ แต่กลับต้องมารอครั้งแล้วครั้งเล่าเพราะ บ.ก.ใหญ่ไม่ยอมให้ผ่านสักที “อีตา บ.ก.ใหญ่นี่ท่าทางจะเรื่องมากนะพี่ชัช ถ้าวีเจอนะจะด่าให้รู้ตัวเลย ไม่รู้รึไงว่างานไม่เดินเพราะความเรื่องมากของเขาอ่ะ” “พอๆๆ เดี๋ยววันนี้พี่จะส่งให้ บ.ก.ใหญ่ตรวจอีกที น่าจะผ่านแหละ ว่าแต่แกจะเข้าบริษัทรึเปล่า” “เข้าๆๆ วันนี้ต้องเข้าไปดูฝ่ายศิลป์ออกแบบหน้าปกเรื่องใหม่ให้” “เออๆแล้วเจอกัน” พอพูดจบทั้งสองก็วางสายทันที เพราะต่างคนต่างก็ยุ่งอยู่กับงานที่ทำอยู่ ดารวี นักเขียนนิยายสาว เฉิ่ม เชย นี่คือสิ่งที่ทุกคนเห็นและให้คำนิยามกับเธอ แต่น้อยคนนักจะรู้ว่า หญิงสาวที่ทุกคนมองว่าทั้งเฉิ่มทั้งเชยเหมือนหลุดมาจากศตวรรษที่ 80 นั้น ได้ซ่อนความสวย เซ็กซี่ และมีเสน่ห์เอาไว้ภายใต้กรอบแว่นหนาเตอะ กับเสื้อผ้าเทอะทะที่ทุกคนต่างลงความเห็นว่าเธอคือป้าดีๆนี่เอง หญิงสาวชอบอ่านนิยายมาตั้งแต่เด็กๆจนกระทั่งเข้ามหาวิทยาลัยชีวิตเธอก็ผกผันให้มาสูญเสียบิดามารดาไปพร้อมๆกันด้วยอุบัติเหตุเลยทำให้ต้องพึ่งพาตนเอง และเธอก็พบวิธีหาเงินที่ง่ายและเป็นสิ่งที่เธอชอบนั่นก็คือการเป็นนักเขียนนิยายออนไลน์ เธอจึงเข้าเรียนในด้านนี้โดยตรง ดารวีนั้นใช้ชีวิตหมดไปกับการอ่านและฝึกเขียนนิยายจนแทบไม่สนใจโลกภายนอก จนกระทั่งเรียนจบ หญิงสาวก็ค้นพบว่าเธอชอบอ่านและเขียนนิยายแนวอีโรติกเป็นที่สุด มันทำให้เธอสามารถจินตนาการไปได้ไกลกว่านิยายแนวอื่นๆ หญิงสาวจึงเริ่มต้นการเป็นนักเขียนด้วยนิยายแนวนี้เป็นหลักจนโด่งดังในปัจจุบัน “นี่ยัยป้าวี วันนี้เข้าบริษัทได้แล้วเหรอย่ะ” เสียง มธุรส หนึ่งในลูกน้องคนสนิทของชัชวาลและเพื่อนสาวคนสนิทของดารวีเอ่ยขึ้น เมื่อเดินมาเจอดารวีที่ทางเข้าบริษัทพอดี “ย่ะ วันนี้ฉันมาตรวจหน้าปกกับฝ่ายศิลป์ว่าโอเครึเปล่า ว่าแต่แกเถอะ ได้นอนบ้างไหมเนี่ย” “จะได้นอนอะไรเล่า ก็บ.ก.ใหญ่สั่งให้ตรวจงานใหม่ ฉันนี่แทบไม่ได้หลับไม่ได้นอนเลยแก” สองสาวยืนคุยกันอยู่ด้านหน้าทางเข้าบริษัท โดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งกำลังยืนมองอยู่ อัศวินที่กำลังจะเดินเข้าบริษัทนั้นดันได้ยินสองสาวกำลังพูดถึง บ.ก.ใหญ่ นั่นก็คือตัวเขาเอง เลยหยุดฟังอยู่ด้านหลังโดยที่สองสาวไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าคนที่ตนกำลังพูดถึงยืนอยู่ด้านหลัง “บ.ก.ใหญ่คนใหม่นี่ท่าจะบ้าอำนาจ เห็นว่าจบเกียรตินิยมมาจากเมืองนอก สงสัยจะร้อนวิชา” ดารวีเอ่ยขึ้นพร้อมกับนึกไม่ชอบอีตาบ.ก.ใหญ่นี่ยังไงชอบกลเพราะฟังจากพวกเพื่อนๆร่วมบริษัทเล่าให้ฟังแล้ว วีรกรรมของเขามันเยอะจริงๆ “หืม ฉันนะไม่อยากจะบอกเล้ย ว่าเสียดาย เสียดายหน้าตาสุดๆเลยแก หล่อปานเทพบุตร แต่ถ้ามีนิสัยอย่างนี้ฉันคนหนึ่งล่ะขอบาย คนอะไรจู้จี้จุกจิก อันนั้นก็ไม่ผ่าน อันนี้ก็แก้ใหม่ วันๆนะพวกฉันแทบไม่ได้ทำอะไรต้องมานั่งแก้งานเก่า งานใหม่ก็ไม่เดินอีก โอ๊ยฉันจะบ้าแก” มธุรสพูดออกมายืดยาว หลังจากเก็บกดมานาน เมื่อเจอเพื่อนสนิทเลยเล่าให้ฟังซะหมดเปลือก “หล่อขนาดนั้นเลยเหรอแก ฉันยังไม่เคยเห็นหน้าเลยอ่ะ แต่ฟังจากที่พวกแกเล่า ดีแล้วที่ฉันไม่ได้ทำงานกับอีตา บ.ก.นั่นโดยตรง ไม่งั้นมีหวังได้ฆ่าคนตายคาโต๊ะแน่ๆ ฮ่าฮ่าฮ่า” สองสาวคุยกันอย่างสนุกปาก โดยไม่รู้เลยว่าอัศวินเก็บทุกคำพูดที่พวกเธอสนทนาเอาไว้ในใจ จนกระทั่งสองสาวเดินเข้าไปในบริษัทชายหนุ่มจึงเดินไปหาประชาสัมพันธ์ “คุณรู้จักสองคนนั้นไหม” เขาถามหนึ่งในสองสาวประชาสัมพันธ์ ที่ทำหน้าตาเลิ่กลั่กตกอกตกใจที่อยู่ดีๆ บ.ก.ใหญ่ก็เดินเข้ามาสนทนาด้วย ทั้งๆที่เขาทำงานมานานแล้ว และแทบจะไม่เคยมองมาที่พวกตนแม้กระทั่งตอนที่เดินเข้าออกบริษัท แต่ครั้งนี้กลับเดินเข้ามาถาม เลยพากันอดประหม่าไม่ได้ “คะ?...ค่ะรู้จักค่ะ” “ชื่ออะไร ทำงานแผนกไหน” อัศวินถามต่อเมื่อพวกเธอบอกว่ารู้จัก “คนตัวเล็กๆชื่อมธุรสค่ะ เป็นผู้ช่วยบ.ก.ฝ่ายนิยาย ส่วนคนตัวสูงกว่าที่ใส่แว่นเป็นนักเขียน ชื่อดารวีค่ะ” “อืม ขอบใจมาก” อัศวินเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินออกไป ทำเอาสองสาวประชาสัมพันธ์ถึงกับแอบกรี๊ดในใจ เพราะมองไกลๆว่าเขาหล่อแล้ว แต่พอมองใกล้ๆนี่ความหล่อคูณสิบไปเลยถึงแม้ว่าจะมีข่าวว่าอัศวินไม่ได้ชอบผู้หญิงก็เถอะ แต่ความหล่อของเขาก็เกินจะต้านทานจริงๆ “ช่วยหาข้อมูลของพนักงานที่ชื่อมธุรสกับดารวีมาให้ผมหน่อย ภายในเช้านี้นะ” เมื่อเดินเข้ามาถึงห้องทำงาน อัศวินก็เอ่ยสั่งเลขาของเขาทันที ก่อนจะเดินเข้าห้องทำงานไป ปล่อยให้หนูนายืนงงอยู่หน้าห้องคนเดียว “จะเอาไปทำไมล่ะเนี่ย ชื่ออะไรนะ มธุรส....กับอะไรน้า ดา ดาอะไรว่ะ...โอ๊ยหนูนา แกต้องจำให้ได้สิ คิดๆๆๆๆ” หนูนาบอกตัวเอง เมื่อดันลืมชื่อของอีกคนเข้าจนได้ จะเดินเข้าไปถามก็กลัวโดนเจ้านายด่า หาว่าไม่ใส่ใจที่สั่งไปอีก จนกระทั่งเธอพอจะนึกออกว่าต้องเป็นดารวีแน่ๆเพราะทำงานแผนกเดียวกับมธุรส จึงเดินไปขอประวัติที่ฝ่ายบุคคล และก็ได้มันมาอย่างง่ายดายเพียงอ้างชื่ออัศวินไปทุกคนก็แทบวิ่งจ้าละหวั่นหามาให้แล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD