“ลมอะไรหอบแกมานั่งเมาตอนนี้ว่ะ”
อัศวินเอ่ยขึ้นอย่างหัวเสีย เพราะเขากำลังจะขับรถถึงบ้านแล้วเชียว แต่ คชา เพื่อนสนิทของเขากลับโทรไปเรียกให้เขามานั่งดื่มเป็นเพื่อน
“ลมอกหัก ฟางข้าวทิ้งฉันไปหาคนใหม่”
คชาเอ่ยออกมาพร้อมกับยกแก้วเหล้าเข้าปากเหมือนกับว่ามันจะช่วยเยียวยาแผลใจในตอนนี้ได้ก็ไม่ปาน
“เบาๆหน่อยดิว่ะเดี๋ยวก็ได้ตายก่อนหาเมียใหม่หรอก”
“หึ ตายก็ดีดิ เบื่อโลกนี้เต็มทนแล้ว ไม่ใช่แกนี่ เป็นผู้ชายห่าอะไรไม่เคยนอนกับผู้หญิง หรือว่าจริงๆแกเป็นตุ๊ด”
“อยากลองโดนสักทีไหมล่ะ แล้วจะรู้ว่าของจริงหรือของปลอม”
อัศวินบอกขึ้นพร้อมกับยกแขนพาดคอคชา ทำเอาคชารีบสะบัดมือของอัศวินออกทันทีอย่างรู้สึกขนลุกแปลกๆชอบกล ทั้งๆที่รู้อยู่ว่าเพื่อนของเขานั้นเป็นชายแท้แน่นอน แต่แค่ไม่เคยนอนหรือมีอะไรกับผู้หญิงเท่านั้นเอง
ส่วนอัศวินนั้นอดคิดตามคำพูดของเพื่อนไม่ได้ เขาแน่ใจร้อยทั้งร้อยว่าตัวเองเป็นผู้ชายแท้แน่นอน เพราะเวลาเห็นผู้หญิงสาวๆสวยๆเขาก็ชอบมองเหมือนผู้ชายทั่วไป แต่พอคิดอยากจะจีบหรือนอนด้วยเขากลับกลับไม่อยากทำ รู้สึกแค่ว่าไม่อยากทำแบบนั้น
“นี่ แกว่าผู้หญิงคนนั้นสวยไหมว่ะ”
อยู่ดีๆคชาที่เอาแต่นั่งดื่มเหล้าก็พูดขึ้น พร้อมกับพยักพเยิดให้อัศวินหันไปมองที่ผู้หญิงชุดแดง ทำเอาเขาอดส่ายหน้าออกมาไม่ได้ ทีแรกยังพร่ำรำพันว่าอกหักอยู่เลย พอเจอสาวสวยล่ะเป็นไม่ได้
“นั่นสเป็กเลยนะเว้ย”
คชาพูดออกมาด้วยสายตาวิบวับ อัศวินจึงหันไปมองตามที่เพื่อนบอก ก่อนจะเห็นผู้หญิงที่ว่ากำลังยืนคุยกับผู้หญิงอีกคนซึ่งเขาจำได้แม่นว่าเป็นพนักงานของเขาที่ชื่อมธุรส
“แกชอบผู้หญิงตัวสูงนี่น่า เตี้ยอย่างนั้นสนด้วยเหรอวะ”
อัศวินถามขึ้น เพราะแฟนแต่ละคนของคชา ไม่นางแบบก็พริตตี้กันทั้งนั้น
“ไม่ใช่ยัยเตี้ยนั่น อีกคนที่ยืนหันหลังอยู่ไง ที่ใส่ชุดสีแดงเว้าหลัง หืม สวยถูกใจจริงๆ”
อัศวินหันกลับไปมองอีกครั้งพร้อมๆกันกับที่ผู้หญิงที่คชาหมายปองหันหน้ามาทางพวกเขาพอดี แวบหนึ่งหัวใจชายหนุ่มเกิดเต้นผิดจังหวะขึ้นมาเมื่อได้เห็นหน้าของผู้หญิงคนนั้นชัดๆ
“เฮ่อๆ เป็นไงละ อึ้งไปเลยละสิ ผู้หญิงอะไรว่ะ สวยยังกับนางฟ้า”
คชาเอ่ยขึ้นอีกครั้ง เมื่อเห็นอัศวินมองไปที่ร่างบางที่เขาหมายปองอย่างไม่คลาดสายตา ส่วนทางด้านอัศวิน เขาไม่เคยถูกตาต้องใจใครได้เท่าผู้หญิงที่เขากำลังจ้องมองอยู่ในตอนนี้เลยสักครั้ง หญิงสาวสวยสูงโปร่ง ผิวขาวขัดกับชุดเดรสสั้นสีแดงเผยให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งได้อย่างลงตัว
“จะเอาอย่างนี้อีกแล้วเหรอยัยวี ถ้าเกิดพลาดขึ้นมา ฉันจะไปช่วยอะไรแกได้ ฉันว่าแกเปลี่ยนใจดีกว่าไหม”
มธุรสเอ่ยขึ้น เมื่อวันนี้ดารวีชวนเธอออกมาเป็นเพื่อน เพราะนิยายเรื่องใหม่ที่หญิงสาวกำลังแต่งนั้นเกี่ยวกับผู้หญิงที่ชอบเที่ยวกลางคืนและมั่วกับผู้ชายไปเรื่อย เพื่อให้ได้ความสมจริงดารวีจึงต้องปลอมตัวออกมาเป็นผู้หญิงร่านรัก คอยหว่านเสน่ห์ผู้ชายในเวลากลางคืนแบบนี้เพื่อเอาไปเขียนนิยายเหมือนอย่างเรื่องที่ผ่านๆมา เพราะทุกครั้งที่เธอแต่งนิยาย หญิงสาวจะต้องปลอมตัวออกมาแบบนี้เสมอๆ
“ไม่ได้ ฉันจินตนาการไม่ออกว่าผู้หญิงพวกนี้เป็นยังไง รู้สึกยังไง เอาน่า แกนั่งรอฉันอยู่ที่โต๊ะนี่แหละ ถ้าดูท่าไม่ดีค่อยเข้าไปช่วย ตามนั้นนะ”
ดารวีบอกขึ้น ก่อนจะจัดแจงชุดที่เธอใส่อีกครั้ง พร้อมกับเดินออกจากโต๊ะที่มธุรสนั่งอยู่ไปทางที่มีพวกผู้ชายกำลังเต้นอยู่ทันที
“เฮ้อ ยัยวีนะยัยวี จะรอดไหมเนี่ย”
มธุรสเอ่ยขึ้นตามหลังไป ไม่รู้ว่าดารวีจะรู้ตัวหรือเปล่าว่าทุกครั้งที่ดารวีลอกคราบนักแต่งนิยายแสนเฉิ่มออกทีไร หญิงสาวนั้นกลับกลายเป็นผู้หญิงอีกคนซึ่งจะว่าจากหลังมือเป็นหน้ามือเลยก็ว่าได้ ดารวีนั้นเป็นสาวสวยหยดย้อย ที่ชอบซ่อนอยู่ภายใต้การแต่งตัวอันแสนอับเฉา แล้วยิ่งมาแต่งตัวแบบนี้ มีหรือพวกผู้ชายจะไม่เข้าหา แล้วยิ่งในผับมีแต่พวกคนขี้เมา ครั้งนี้เธอเกรงว่าเพื่อนสาวอาจจะเจอปัญหาใหญ่เอาได้
ส่วนดารวีนั้นไม่ได้สนใจอะไร เธอเดินเข้าไปในกลุ่มคนที่กำลังเต้นกันอยู่กลางผับ หญิงสาวแสดงท่าทางมั่นใจเหมือนผู้หญิงร่านรักทั่วไป พร้อมกับส่งสายตายั่วยวนพวกผู้ชายแถวนั้น ทำเอาแต่ละคนแทบจะตบเท้าเดินเข้ามากันเป็นแถวๆ
ใจเย็นๆไว้นะยัยวี เพื่องาน ท่องไว้เพื่องาน
ดารวีพยายามกัดฟันบอกตัวเองในใจ เมื่อตอนนี้มีพวกผู้ชายเมาบ้างไม่เมาบ้างพากันเดินเข้ามาเต้นอยู่รอบๆเธอกันเกือบๆยี่สิบคนแล้ว
“เฮ้ย อย่าเบียดสิวะ”
“มึงอ่ะถอยไปกูจะเต้นกับน้องคนสวย ถอยไปสิวะ”
“พวกมึงอ่ะถอย หลีกไปสิวะ”
แต่ยังไม่ทันได้เก็บข้อมูลอะไรมากมาย พวกผู้ชายที่เต้นอยู่ดันเริ่มชวนกันทะเลาะ ทำเอาดารวีที่อยู่กลางวงถึงกับไปไม่เป็นไม่รู้จะออกจากความชุลมุนนี้ยังไง
“เฮ้ย ยัยวี ตายแล้วๆๆๆๆ”
มธุรสที่นั่งคอยสังเกตการณ์อยู่ถึงกับรีบลุกพรวดขึ้นเดินไปทางเพื่อนสาวทันที เมื่อตอนนี้ดารวีกำลังพยายามหาทางออกไปจากความวุ่นวายนี้อยู่
“มึงหาเรื่องกูใช่ไหม!”
“มึงนั่นแหละ อยากลองดีนักใช่ไหม”
พลั๊ว!!!!
สิ้นเสียงพูดกำปั้นหนักๆก็ถูกส่งมาจากฝ่ายตรงข้าม ทำเอาผู้ชายที่โดนชกหน้าหงายล้มไปทันที ความชุลมุนเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อความรุนแรงได้เริ่มขึ้นดารวีพยายามเบี่ยงตัวหลบ แต่ไม่รู้จะหลบไปทางไหน จนกระทั่งมีมือใหญ่มาฉุดเธอให้เดินออกไปกับเขา
“อ่าวเฮ้ย ยัยวี! ยัยวีหายไปไหน ยัยวีแกอยู่ไหน ยัยวี!”
มธุรสตะโกนเรียกดารวีเมื่อเดินมาจนคิดว่าเพื่อนของตนต้องเห็นและได้ยินเสียงเรียก แต่พอมองไปกลางวงอีกทีกลับไม่พบดารวีเสียแล้ว ความตื่นตกใจเริ่มเข้าครอบงำ แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรการ์ดของผับก็วิ่งเข้ามาจับพวกที่กำลังชกต่อยกันแยกออกพร้อมกับพาตัวออกไปด้านนอก
“เห็นเพื่อนฉันไหมคะ ยัยวี ยัยวีแกอยู่ไหนเนี่ย ฮึก ยัยวี ฮึก ยัยวี!! ฮึก ฮือ....”
เมื่อพยายามมองหาก็แล้วตะโกนก็แล้วแต่ไม่เห็นมีวี่แววของดารวี มธุรสที่ค่อนข้างขี้ตระหนกถึงกับเริ่มปล่อยโฮออกมาเอาเสียดื้อๆจนคนแถวนั้นพากันหันมามอง
“นี่คุณ จะมาร้องไห้อะไรตรงนี้ เงียบแล้วไปกับผม เพื่อนคุณอยู่ข้างนอกโน่น”
แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้พร่ำรำพันอะไรต่อ อยู่ดีๆก็มีเสียงผู้ชายมากระซิบบอกด้านหลังว่าดารวีอยู่นอกผับ มธุรสจึงหันไปมองอย่างงุนงง
“คุณเป็นใคร”
“เออน่า ผมรู้แค่ว่าเพื่อนของคุณรออยู่ด้านนอก ไม่เชื่อลองออกไปดู มายืนร้องไห้เป็นเด็กไปได้ นี่มันผับนะ ไม่ใช่สวนสัตว์ถึงจะมีใครเขาพาไปหาประชาสัมพันธ์”
คชา ที่เดินเข้ามาหลังจากอัศวินบอกว่าจะไปช่วยผู้หญิงชุดแดง และเขาเห็นว่ามธุรสก็กำลังเดินตรงมายังกลุ่มที่ตีกันจึงอดห่วงไม่ได้เห็นว่าเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆจึงเดินตามมา แล้วก็มาเห็นเธอยืนร้องไห้ขี้มูกโป่งอยู่อย่างนี้
ส่วนมธุรสที่มองชายแปลกหน้าตรงหน้าอย่างแปลกใจ พร้อมกับกลืนลูกสะอื้นลงคอ แล้วเอ่ยขึ้น
“แน่ใจนะว่าคุณเป็นคนดี จะไม่หลอกฉัน”
“โอ๊ย นี่คุณ จะเชื่อหรือไม่ก็ตามใจ คนอุตส่าหวังดี เชิญร้องไห้แหกปากหาเพื่อนต่อไปแล้วกัน”
พูดจบคชาก็เดินหันหลังออกไปจากตรงนั้นทันที ทำเอามธุรสถึงกับไปไม่เป็น ในใจก็ไม่ค่อยอยากเชื่อ แต่ตอนนี้หาทางออกไม่ได้นอกจากเดินตามหลังคชาออกไป