ตอนที่ 2.

1494 Words
ตอนที่2. “มันอยู่ไหนลีเดีย มันตามน้องมาอีกหรือเปล่า” คนเป็นพี่ชายโอบไหล่บางของน้องสาวไว้ “เขาเป็นคนไทยค่ะ ตัวสูงๆหน้าขาวๆปากแดงๆ” ลีเดียบอกลักษณะคนโรคจิตให้พี่ชายรู้ เธอมองไปยังทางเดินที่มีผู้คนพลุกพล่าน แต่ไร้เงาชายคนนั้น “เขาหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ เมื่อกี้ยังวิ่งตามลีเดียมา” “มันคงเห็นว่าลีเดียอยู่กับพี่เลยไม่กล้าตามมาอีก” ราฟาเอลลูบศีรษะน้องสาวปลอบโยน คิ้วเข้มหนาขมวดเล็กน้อยเมื่อสังเกตเห็นว่าคนเป็นน้องไม่ได้สวมรองเท้า “นี่กลัวไอ้โรคจิต จนลืมใส่รองเท้าหรือไง” ลีเดียย่นจมูก ก้มลงมองเท้าเปลือยเปล่าของตัวเองด้วยใบหน้างอง้ำ “เมื่อกี้ มีไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้ วิ่งมาชนลีเดียจนส้นรองเท้าหัก แล้วไอ้โรคจิตปากแดงนั่นก็ยังมาลวนลามลีเดียอีก มันเข้ามากอดลีเดียเรียกลีเดียว่ากี้ กีรดารินทร์อะไรนี่แหละ ลีเดียเลยตบมันจนหน้าหัน แล้วถอดรองเท้าทิ้ง ไม่นึกว่ามันยังจะตามมารังควานอีก” คำบอกเล่าของน้องสาวทำให้พี่ชายหน้าเครียด ดวงตาคมงามระริกไหวด้วยความรู้สึกบางอย่าง เขาหันไปมองหน้าบอดี้การ์ดส่วนตัวของบิดา อังตวนมองตอบมาด้วยสีหน้าไม่ต่างกัน ชายหนุ่มโอบไหล่บางกระชับแน่น รู้สึกห่วงใยน้องสาวต่างสายเลือดคนนี้ขึ้นมา “กลับบ้านกันเถอะ ป๋ารออยู่ ถ้าท่านรู้ว่าลีเดียแอบมารับพี่โดยไม่มีบอดี้การ์ดมาดูแลแบบนี้ ท่านจะเป็นห่วงเอานะ” เขาประคองร่างน้อยพาเดินไปยังที่จอดรถ บอดี้การ์ดเดินล้อมผู้เป็นนายทั้งสอง ระแวดระวังภัยอย่างเต็มที่ หากไม่พบไอ้โรคจิตที่นายสาววิ่งหนีมาเฉียดใกล้เลย เมื่อถึงหน้าประตูทางออก รถสุดหรูติดตราสัญลักษณ์นกอินทรีย์ก็เคลื่อนเข้ามาจอดรอ ผู้คนยืนอยู่บริเวณนั้นต่างจดจ้องสองชายหญิงที่มีบอดี้การ์ดร่างยักษ์รุมล้อมด้วยสายตาตื่นเต้น ใบหน้าหล่อจัดของชายหนุ่มร่างสูงสง่าทำให้หญิงสาวหลายคนถึงกับอ้าปากค้าง หญิงสาวคนหนึ่งจดจำใบหน้าหล่อเหลานั้นได้ เธอสะกิดบอกเพื่อนข้างกาย ก่อนที่รถจะเคลื่อนออกไป “ใช่ ราฟาเอล ราโดรเปรเรส จริงๆด้วย เขานี่แหละคือมาทาดอร์ที่ค่าตัวแพงที่สุดในตอนนี้” “รถคันนั้น เธออยู่ในรถคันนั้น ยายลิงเพราะแกทำให้ฉันต้องคลาดกับกี้ ! ” นภวินท์มองท้ายรถที่แล่นออกไปไกล ด้วยแววตาเสียดาย เขาหันมามองรุ่นน้องตัวแสบที่ลากกระเป๋าสัมภาระมาหยุดอยู่ข้างกายอย่างโมโห ไม่เพราะสิงหกัลยาวิ่งมาดักหน้าดักหลังเขาไว้ก่อน เจ้าหล่อนมาสายไม่พอยังซุ่มซ่ามไปชนข้าวของในร้านขายของที่ระลึกจนกระจายเกลื่อน เขาต้องเสียเวลาช่วยเก็บของ ทำให้ตามกีรดารินทร์ไม่ทัน เห็นเพียงเจ้าหล่อนถูกผู้ชายชาวสเปนร่างใหญ่คนนั้นโอบไหล่พาไปขึ้นรถ ท่าทางของทั้งสองสนิทสนมกันจนทำให้คนเห็นถึงกับแปลบปลาบในหัวใจ “ใจเย็นๆน่าเฮียวินท์ เดี๋ยวหนูถามเขาให้ เผื่อมีคนรู้จักเจ้าของรถนั่น” ว่าแล้วสิงหกัลยา ก็สวมวิญญาณนักสืบ เดินเข้าไปตีสนิทกับผู้หญิงสองคนที่ยืนคุยกันอยู่แถวนั้น ไม่ถึงสิบนาทีนักสืบจำเป็นก็ยิ้มร่าเดินมาบอกคนที่ทำหน้าหงิกงอ ด้วยน้ำเสียงร่าเริง “หนูรู้แล้ว ว่าเจ้าของรถเป็นใคร” “แล้วเป็นใครล่ะรีบบอกมาไวไว” นภวินท์สะบัดเสียงใส่ เขารำคาญลีลายึกยักของรุ่นน้องจอมแสบเหลือเกิน เจ้าหล่อนเหมือนอยากจะแกล้งเขาถึงได้ไม่รีบบอก คนใจร้อนมองหน้าเรียวคมของอีกฝ่ายอย่างฉุนๆ สิงหกัลยาดูเหมือนจะไม่รู้ตัว ว่ากำลังแหย่ต่อมโมโหของรุ่นพี่อยู่ “เมื่อกี้นะ ผู้หญิงสองคนโน้น เขาบอกหนูว่าผู้ชายหล่อๆคนนั้นเป็นมาทาดอร์ชื่อดังของที่นี่ ค่าตัวเงี้ยสูงที่สุดในตอนนี้เลยนะ เขามีฉายาว่านักฆ่าดาบเดียว แทงจึกเดียวตรงหัวใจวัวกระทิงชักตายแหงกๆเลยนะเฮีย” เจ้าหล่อนอธิบายสิ่งที่ผู้ฟังไม่อยากรู้ออกมา น้ำเสียงใสแจ้วที่ปกติรบกวนโสตประสาทของนภวินท์อยู่แล้ว ยามนี้ทำให้เขาปวดหัวตุบๆมากขึ้นกว่าเก่า เมื่อคนเล่าไม่ยอมบอกในสิ่งที่อยากฟังสักที   “แหม... ยิ่งฟังก็ยิ่งอยากไปดูตอนเขาลงสนามจัง ดูเหมือนวันพรุ่งนี้เขาจะลงสู้วัวที่สนามในมาดริดด้วย หนูต้องรีบหาตั๋วก่อนเดี๋ยวจะอดดู เขาว่ากันว่าตั๋วหายาก ถ้าไม่ได้จริงๆอาจต้องยอมซื้อตั๋วผี เฮียจะไปดูกับหนูด้วยไหมล่ะ” สิงหกัลยายังเล่าอย่างเมามัน ไม่เฉียดใกล้สิ่งที่รุ่นพี่อยากรู้แม้แต่น้อย อาการปวดศีรษะของนภวินท์กำเริบหนักขึ้นทุกขณะ หลังจากเมื่อครู่เขาลืมมันไปเพราะเจอหน้ากีรดารินทร์ “ยายลิง แกจะพล่ามเรื่องมาทาดอร์บ้าบอนี่ อีกนานไหมวะ ! ” นภวินท์ตวาดเข้าใส่อย่างเหลืออด ส่งผลให้คนกำลังเพลินรีบหุบปาก ยิ้มแหยๆ “แหะ แหะ ก็เรื่องมันยาวนี่เฮียก้อ เอาล่ะ เข้าเรื่องก็ได้ ผู้ชายคนนั้น ชื่อ ราฟาเอล ราโดรเปรเรส เขาเป็นมาทาดอร์และก็เป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงทายาทคนเดียวของตระกูล ราโดรเปรเรสที่ยิ่งใหญ่” “ตระกูลราโดรเปรเรสเหรอ...”  นภวินท์ทวนชื่อนั้น ดวงตาสีเข้มลุกวาบเมื่อนึกถึงเจ้าของนามสกุลนี้ ชายหนุ่มนึกถึงเหตุการณ์เมื่อสองปีก่อนขึ้นมา บนเรือกลางทะเลกว้าง เขาเห็นเฟอร์นันโดประคองร่างบอบบางอ่อนปวกเปียกที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือด ที่ไหลออกมาจากศีรษะของกีรดารินทร์ไว้ในอ้อมแขน เลือดแดงฉานเต็มตัวหญิงสาว ร่างบางแน่นิ่งไม่ไหวติง เหมือนคนหมดลมหายใจ “กี้ คุณเป็นอะไร ได้ยินผมไหม ! ” เขาตะโกนเรียกหญิงสาว ขณะที่ตัวเองอยู่บนเรืออีกลำ ระยะห่างทำให้เขาไม่สามารถเข้าไปหาเธอได้ เฟอร์นันโดวางร่างบอบบางชุ่มโชกด้วยเลือดลง มือหน้าลูบใบหน้าที่ซีดเซียวนั้นอย่างอ่อนโยน ดวงตาของนักธุรกิจข้ามชาติแดงกล่ำ เมื่อหันไปมองหน้าเขาแล้วเอ่ยว่า “หนูกี้ ... หนูกี้ ตายแล้ว ! ” สองปี เป็นสองปีที่เขาต้องเจ็บปวด ทุกข์ทรมานอย่างสาหัส หัวใจของเขาแหลกยับพร้อมกับการตายของกีรดารินทร์ เฟอร์นันโดทำให้เขาเข้าใจว่ากีรดารินทร์จากเขาไปแล้ว นภวินท์กำหมัดแน่นด้วยความโกรธ ดวงตาวาววับด้วยแรงแค้น “เฟอร์นันโด ราโดรเปรเรส ไอ้คนเส็งเคร็ง แกหลอกฉัน ! ” คฤหาสน์ของตระกูลราโดรเปรเรส ในห้องทำงานของเฟอร์นันโด อังตวนบอดี้การ์ดคนสนิทของเจ้าของคฤหาสน์ กำลังรายงานสิ่งที่เกิดขึ้นที่สนามบินให้ผู้เป็นนายรู้ “นายนภวินท์ได้พบกับคุณหนูลีเดียแล้วครับนายท่าน เขาเดินทางมาสเปนเพื่อถ่ายรูปงานเทศกาลวิ่งวัว ที่จะจัดขึ้นในพัมโพลน่าในอาทิตย์หน้านี้ครับ” เฟอร์นันโดลุกขึ้นจากเก้าอี้นวมเดินไปยืนที่หน้าต่าง สีหน้าของชายสูงวัยมีรอยครุ่นคิด ดวงตาสีควันบุหรี่ทอดมองไปยังสนามกว้างสีเขียวสดด้านหน้าคฤหาสน์ ร่างเพรียวบางของหญิงสาวร่างเพรียวกำลังง้างคันธนูเล็งเป้า ซึ่งเป็นแอปเปิ้ลสีแดงบนหัวของบอดี้การ์ดคนหนึ่ง ลูกธนูแหวกอากาศปักกลางลูกแอปเปิ้ลอย่างแม่นยำ พร้อมเสียงปรบมือดังเกรียวของคนยืนชม ร่างสูงสง่างามของราฟาเอลเดินมาหยิบลูกแอ็ปเปิ้ลที่ถูกลูกธนูปักคามายื่นให้คนยิง ลีเดียหัวเราะเสียงดัง เมื่อเห็นของในมือพลางเกาะแขนพี่ชายพากันไปนั่งพักที่เก้าอี้ไม้ “สองปีแล้วสินะ สองปีที่ฉันได้ลูกสาวคนนี้มา” เฟอร์นันโดพึมพำ ดวงตายังจ้องหญิงสาวด้วยแววตารักใคร่ เอ็นดู “กีรดารินทร์ได้ตายไปพร้อมกับความเจ็บปวดในครั้งนั้นแล้ว เธอเกิดใหม่เป็นลีเดียลูกสาวของฉัน และฉันจะไม่ยอมให้ผู้ชายคนนั้นมาแตะต้องลีเดียอีก” หลังจากที่กีรดารินทร์ได้รับบาดเจ็บ จากการปะทะระหว่างคนของคาลอสกับนายภัทรบิดาของเธอกลางทะเลเมื่อสองปีก่อน หญิงสาวถูกแรงกระแทกจากระเบิดทำให้ศีรษะได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง เขาเป็นคนนำร่างเธอขึ้นจากน้ำมาบนเรือ สภาพของเธอเต็มไปด้วยเลือดที่ไหลออกมาจากศีรษะนองท่วมร่างจนชุ่มโชก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD