ต่อมาทุกคนรวมตัวกันที่ห้องทำงานของอมเรศ ซึ่งถูกปิดล็อกเอาไว้เป็นอย่างดี มีวัฒนะเฝ้าด้านหน้าห้องเพื่อรอตอบคำถาม หากหม่อมอมรามาเห็นเข้า แน่นอนว่าหม่อมแม่ของอมเรศย่อมสงสัยอยู่แล้วว่าใครมาขอพบ และเมื่อเข้ามาในห้องได้ อมเรศก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงรีบเปิดซองจดหมายอ่านก่อน เพื่อจะได้รู้เรื่องราวทั้งหมดว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก้มหน้าอ่านใจความในจดหมายซึ่งไม่ได้ยาวอะไรมากนัก เพียงครึ่งหน้ากระดาษเท่านั้น
“อั้มน้องรัก จดหมายฉบับนี้พี่เขียนเอาไว้ก่อนที่ทุกอย่างจะจบลงพี่รู้สักวันนี้มันต้องมาถึง ในชีวิตพี่ไม่เคยขอความช่วยเหลือจากใครเลย จนกระทั่งถึงวันนี้ พี่ไม่อยากทวงสัญญาที่นายเคยให้ไว้เลย แต่เมื่อถึงคราวจำเป็น ครอบครัวพี่กำลังจะจบลงเพราะเวรกรรมที่เคยทำไว้ในอดีต สิ่งเดียวที่อยากจะขอความช่วยเหลือจากนายก็คือ ช่วยดูแลทายาทเพียงคนเดียวของพี่ได้หรือไม่ วันนี้เพ่ยเพ่ย ลูกสาวพี่วัยสิบขวบจะไม่เหลือใครอีกแล้วนอกจากนาย เพราะกว่านายจะได้อ่านจดหมายฉบับนี้พี่คงจากไปแล้ว ฝากดูแลชีวิตของเพ่ยเพ่ยแทนพี่ด้วย พี่ให้ลูกต้องเป็นอะไรไปไม่ได้ และสิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่งก็คือทรัพย์สมบัติที่ยังเหลืออยู่ ตั้งแต่เกิดพี่ทำเอาไว้ในชื่อของเพ่ยเพ่ย จากนี้เป็นต้นไปฝากนายทำหน้าที่เป็นผู้จัดการมรดกให้จนกว่าเพ่ยเพ่ยจะมีอายุครบยี่สิบปีบริบูรณ์แล้วค่อยคืน เรื่องนี้ไม่มีใครรู้แม้กระทั่งลูกสาวพี่ หวังว่านายจะปิดทุกอย่างเป็นความลับไม่บอกใคร ความลับนี้จะอยู่กับนายจนกว่าเพ่ยเพ่ยจะอายุเต็มยี่สิบปีเท่านี้ที่พี่ต้องการ รักนายเสมอ ย่งเส็ง”
เมื่ออมเรศอ่านข้อความในจดหมายเสร็จ จึงพับเก็บเอาไว้ในซองดังเดิม ข่มความเสียใจและความรู้สึกเอาไว้ภายในอก ไม่ให้มันปะทุออกมากลายเป็นความเสียใจต่อหน้าคนอื่น มีเพียงดวงตาคมกริบที่เศร้าหมองและเริ่มหรี่ลงพร้อมกับจ้องมองไปทางสาวน้อยแสนน่ารักคนนั้น แน่นอนเขาไม่จำเป็นต้องเดาว่าเธอคือใคร ไม่ต้องสงสัยอีกแล้วว่าทำไมดวงตาแสนบริสุทธิ์คู่นี้ทำไมถึงได้ดูบวมช้ำราวกับเพิ่งผ่านการร้องไห้มาหมาด ๆ
“นี่สินะลูกสาวของเฮียย่ง” อมเรศคิดพลางมองหน้าแต่ไม่เอ่ยอะไร นอกเสียจากหยิบซองสีน้ำตาลออกมาเปิดอ่าน แต่แล้วก็ต้องช็อกอีกรอบเพราะมันคือพินัยกรรม บอกเอาไว้ทุกอย่างว่าทรัพย์สินที่เหลืออยู่ของ ย่งเส็งอยู่ที่ไหนและมีอะไรบ้างซึ่งมันมหาศาลเพียงใด ใจความด้านในระบุให้หม่อมราชวงศ์อมเรศ ระวิวงษ์อำไพ เป็นผู้จัดการมรดกและดูแลบุตรสาว พร้อมทั้งรอวันที่จะส่งพินัยกรรมฉบับนี้คือสู่เจ้าของที่แท้จริงในอีกสิบปีข้างหน้า
เมื่ออ่านจบอีกครั้ง อมเรศสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อรวบรวมสติและกล้ำกลืนความเสียใจเอาไว้ในอก ก่อนจะเก็บพินัยกรรมแล้วใส่ตู้เซฟไว้เป็นอย่างดี จากนั้นจึงได้หันกลับมาหาทั้งสองคนที่นั่งรอด้วยใจจดจ่อ
“เฮียเสียชีวิตเมื่อไหร่” อมเรศตัดสินใจถามด้วยน้ำเสียงหม่น แม้จะรู้ดีกว่าทำให้ทั้งสองสะเทือนใจแค่ไหน
“สองวันที่แล้วค่ะ” หญิงสาวที่ดูเหมือนพี่เลี้ยงเป็นคนตอบ ซึ่งคำตอบที่ได้อมเรศแทบจะกดกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหว
“ทำไมถึงได้เร็วขนาดนี้ มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น”
“ดูเหมือนเฮียจะรู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้น จากนั้นก็มีกลุ่มมาเฟียเข้าไปจัดการกับเฮียและเราทุกคน หนูไม่รู้ว่ามันมีเรื่องอะไรบ้าง แต่ในวันเกิดเรื่องหนูกับคุณเพ่ยเห็นมันทำร้ายเฮียจนเสียชีวิต แต่มันไม่ทันเห็น หนูก็เลยพาคุณเพ่ยหนีออกมา แต่ก่อนจะเกิดเรื่องเฮียเอาจดหมายให้พร้อมกับซองสีน้ำตาลก่อนแล้ว และบอกให้หนีมาหาคุณชาย แต่เราก็หนีมาอย่างทุลักทุเล” หญิงสาวเล่าไปพลางร้องไห้ไปพลาง
“ตอนนี้จะกลับไปที่นครสวรรค์ได้อีกไหม” อมเรศอดถามไม่ได้
“ไม่ได้ค่ะ เราไม่กล้ากลับไปอีกแล้ว ป่านนี้ศพของเฮียคงเป็นไปตามยถากรรม มันเป็นพวกที่มีอิทธิพลซึ่งเฮียเคยไปขัดแข้งขัดขาพวกมันมาก่อน ตอนนี้ถ้าหนูกับคุณเพ่ยกลับไปมีแต่จะตาย ตอนที่หนูหนีตายออกมากับคุณเพ่ย ก็หาที่พักก่อนจะมาพบคุณนี่แหละค่ะ เสื้อผ้าก็หยิบได้เท่าที่เห็น” เมื่อฟังดังนั้นแล้วอมเรศก็จึงปรายตามองเด็กน้อยที่กำลังนั่งร้องไห้อีกครั้ง เขาเพิ่งสังเกตว่าเนื้อตัวค่อนข้างจะมอมแมมพอสมควร
“เสียใจด้วยนะเรื่องเฮีย ถ้าฉันรู้ว่าเฮียกำลังจะเจออะไร ฉันคงไม่ปล่อยให้เฮียตายแล้วลูกสาวเขากลายเป็นกำพร้าแบบนี้ แล้วแม่ล่ะ เมียของเฮียน่ะ”
“แม่ของคุณเพ่ยเสียชีวิตมาห้าปีแล้วค่ะ เสียด้วยโรคมะเร็งเฮียเลยต้องเลี้ยงคุณเพ่ยเองตั้งแต่ห้าขวบ”
“การที่ไม่ได้ติดต่อเฮียเลย มันทำให้ฉันพลาดข่าวสารอะไรบ้างนะ แต่ยังไงก็เสียใจด้วย”
“ไม่เป็นไรค่ะ สงสารก็แต่คุณเพ่ย แทบจะไม่ได้ล่ำลาเฮียเลยค่ะคุณชาย ทุกอย่างมันเร็วมาก”
“เฮียคงเข้าใจ รอดมาได้ก็ดีแล้ว ฉันรู้ว่าเธอเสียใจแค่ไหนเพราะฉันก็เสียใจมากพอ ๆ กัน จากนี้ไปก็ดูแลคุณ... เพ่ย ให้ดี ๆ ก็แล้วกัน เผื่อวันข้างหน้าเติบโตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวจะได้ดูแลทุกอย่างที่เคยเป็นของเฮีย”
“ค่ะคุณชาย แล้วหนูกับคุณเพ่ยต้องไป...” เธอเองไม่ได้คิดว่าอมเรศจะให้อยู่ด้วยหรอก เพราะไม่รู้ว่าในจดหมายบอกว่าอย่างไรบ้าง
“ไม่ต้องไปไหนอีกแล้ว หรือมีที่ให้ไปล่ะ” อมเรศถามเพื่อหยั่งเชิงทำให้หญิงสาวส่ายหน้าเล็กน้อย