ในร้านอาหาร กึ่งบาร์แห่งหนึ่งในกรุงเทพ ฯ เป็นร้านที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง อีกทั้งเป็นแหล่งที่ชาวต่างชาติมักจะเลือกมาดื่มกินกันที่นี่ เพราะมีทั้งอาหารไทยและฝรั่ง เรียกได้ว่าเมื่อเข้ามาในร้านนี้ก็ละลานตาไปด้วยสาวไทยและฝรั่ง หลายคนเลือกที่จะมาให้รางวัลกับตัวเองหลังเลิกงานกันที่นี่ ไม่เว้นแม้กระทั่ง อมเรศ หรือชื่อเต็ม ๆ หม่อมราชวงศ์อมเรศ ระวิวงษ์อำไพ ทุกคนรู้จักเขาในนามคุณชายอั้ม นักธุรกิจหนุ่ม รูปหล่อ ไฟแรง ครบเครื่องเรื่องชาติตระกูล ฐานะ และการศึกษา
อมเรศในวัยยี่สิบเจ็ดปี เป็นหนุ่มในฝันของผู้หญิงหลายคนในวงสังคมชั้นกลางไปจนถึงชั้นสูง เพราะเป็นหนุ่มที่ครองความโสดมานาน และเพียบพร้อมไปเสียทุกอย่าง ทว่าเขาแทบจะไม่สนใจใครอย่างจริงจัง เนื่องจากว่าหน้าที่ของเขาคือทำงานและทำงาน แต่ถ้าอยากจะเข้าใกล้เขาในระยะประชิดตัวต้องมาที่นี่ ร้านอาหารแห่งนี้ เพราะเลือกแล้วว่าเหมาะกับเขามากที่สุด อีกอย่างมีแต่ชาวต่างชาติเสียส่วนใหญ่ จึงไม่ต้องวางตัวเสมือนคุณชายให้เหนื่อย
วันนี้เป็นอีกวันหนึ่ง ที่อมเรศอยากจะถอดหัวโขนหม่อมราชวงศ์ออกไปสักพักหลังเลิกงาน แล้วคั่วผู้หญิงสักคนเพื่อสนองความสุขของตัวเอง อยากเมามายแบบไม่ต้องแคร์ใครเลย
“อะไรกันนี่เพิ่งวันจันทร์แรกของการทำงาน คุณชายอั้มก็จัดหนักแล้วเหรอ”
ปกรณ์เพื่อนในแก๊งค์เดียวกัน เดินเข้ามาแซวหลังจากที่มารวมตัวตามที่นัดกันเอาไว้ในร้าน
“ไม่ต้องเรียกเต็มยศขนาดนั้นก็ได้ เขาก็รู้กันหมดพอดี” อมเรศตอบกลับน้ำเสียงเรียบพลางยกเหล้าขึ้นจิบ
“เขารู้กันหมดแล้วเพื่อน แล้วนี่เครื่องแบบยังเต็มยศท่านผู้บริหารอยู่เลย ทำไมไม่ถอดเสื้อสูทออกสักหน่อยวะ”
“เพิ่งมาถึงน่ะ” อมเรศกล่าวก่อนจะวางแก้วเหล้า แล้วถอดเสื้อสูทออกวางลงข้าง ๆ ตัว ขยับเนคไทพอหลวม ๆ แล้วปลดกระดุมลงอีกสองเม็ด ก่อนจะถลกแขนเสื้อเชิ้ตสีขาวขึ้นพับไว้ตรงบริเวณข้อศอกทั้งสองข้าง เผยให้เห็นท่อนแขนอัดแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อ และเส้นเลือดนูนขึ้นเล็กน้อย ตามประสาผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่รักการออกกำลังกาย ผิวพรรณไม่ได้ขาวอย่างคุณชาย แต่ค่อนออกไปทางผิวสีแทนเล็กน้อย เพราะเมื่อครั้งเรียนที่ต่างประเทศเขามักจะไปเที่ยวทะเลกับเพื่อน ๆ ชนิดที่ไม่ได้สนใจต่อสภาพอากาศ
“ถามจริง ทำไมนัดเพื่อนมาต้นสัปดาห์แบบนี้วะ” ปกรณ์ถามด้วยความสงสัย
“ถ้าฉันอยากดื่ม ฉันไม่ได้สนใจว่าจะต้นสัปดาห์หรือปลายสัปดาห์ หรือว่าสิ้นเดือน อยากดื่มก็มาเลือกเวลาทำไมวะ” อมเรศตอบแบบยียวนกวนประสาท ยักคิ้วให้อีกหนึ่งทีก่อนจะยกเหล้าขึ้นดื่มชิว ๆ
“ตอบได้กวนบาทา ว่าแต่เพื่อนๆ เรายังมาไม่ครบจำนวนเลย”
“ก็ดื่มรอจะได้เมาก่อน แล้วก็กลับก่อน” อมเรศบอกอีกครั้งทำราวกับไม่แคร์ใครเสียอย่างนั้น
“อะไรของแก รีบมาแล้วจะรีบกลับ แล้วจะมาทำไมวะ ต้องอยู่นาน ๆ สิถึงจะถูก ไม่มีภาระอะไรที่บ้านอยู่แล้วนี่หว่า หืม” ปกรณ์ให้ความเห็น ซึ่งก็จริงที่ว่าไม่มีภาระ หากแต่มีบางเรื่องทำให้อมเรศคิดอยู่ทุก
“บางทีก็อยากมีภาระจะได้กลับบ้านเร็ว ไม่เหลวไหลอยู่กับพวกแกเนี่ย”
“แกนะโว้ยชวนพวกฉันให้เหลวไหล โน่นไงเพื่อน ๆ ของเรามาแล้ว” พอพูดจบคำปุ๊บเพื่อน ๆ อีกจำนวนหนึ่งของอมเรศก็ต่างทยอยเดินเข้ามาในร้าน และเมื่อเห็นอมเรศกับปกรณ์นั่งอยู่ก็รีบโบกมือทักทายทันที
“ไงครับคุณชาย อย่าบอกนะว่ามาถึงร้านก่อนเพื่อนเลย” หนึ่งในเพื่อนของอมเรศเป็นคนถามขึ้น ก่อนจะรีบเดินมานั่งข้าง ๆ
“แน่นอนบริษัทฉันอยู่ใกล้ไง” อมเรศพูดไปมือก็ส่งเครื่องดื่มเข้าปากไปด้วย ท่าทางค่อนข้างจะเครียดมากกว่าที่จะมีความสุข สีหน้าของเขาไม่ได้ดูยิ้มแย้มสักเท่าไหร่
“เครียดเรื่องอะไรหรือเปล่าอั้ม” เพื่อนอีกคนเสริมขึ้นด้วยความเป็นห่วง
“ไม่รู้สิ อยากดื่มอะไรสั่งเลยนะเดี๋ยวฉันจัดการเอง” อมเรศไม่อยากตอบคำถามเพื่อน จึงต้องหลีกเลี่ยงด้วยการพูดถึงเรื่องอื่นแทน จากนั้นเพื่อน ๆ ที่มาสมทบอีกสี่คน จึงได้พากันสั่งเครื่องดื่มและอาหาร นั่งดื่มกันตามประสาหนุ่มโสด
“ดูเหมือนมันกำลังเครียดนะว่าไหม” เพื่อนคนหนึ่งหันไปกระซิบกับเพื่อนอีกคนเบา ๆ เพื่อไม่ให้อมเรศได้ยิน
“หรือว่าหม่อมแม่มัน หาสาว ๆ มาให้มันดูตัวอีกวะเนี่ย สงสัยจะไม่อยากได้เมีย”
“นินทาอะไรได้ยินนะโว้ย เผาขนเลยนะพวกแก ใกล้กันแค่นี้เองให้ตายสิ จะซุบซิบทำไม” อมเรศแทรกขึ้นซึ่งก่อนหน้านี้ทำเป็นไม่ได้ยิน แต่พอเรื่องที่เพื่อนพูดเป็นเรื่องจริงก็ต้องเสริมทับหน่อย
“แล้วจริงอย่างที่พวกฉันว่าหรือเปล่า เครียด กินเหล้า เลิกงานแล้วไม่อยากกลับบ้าน” เพื่อนว่ายิ้ม ๆ
“อืม ก็ทั้งนั้นแหละ” อมเรศบอกสั้น ๆ ซึ่งน่าจะเป็นความจริงอย่างที่คิด แต่พูดยังไม่ทันขาดคำเสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นเสียแล้ว