เปาเปาน้อย

1357 Words
หลายวันต่อมา ร่างบางของหญิงสาวนางหนึ่งลืมตาขึ้นเมื่อเห็นว่าคนร้ายที่เข้าใจว่านางได้เสียชีวิตไปแล้วจึงนำนางมาทิ้งตรงชายป่าได้จากไปกันหมดแล้ว เมื่อหันซ้ายหันขวามองสำรวจและเห็นว่าตนปลอดภัยดีแล้วจึงขยับกายลุกขึ้นนั่งและใช้มือลูบคลำสำรวจบริเวณใบหน้าที่มีรอยแผลเป็นๆ ทางยาวอย่างกลัวว่ารอยแผลปลอมที่ตนทำไว้บนใบหน้านั้นจะหลุดออก เมื่อเห็นว่ามันยังคงอยู่ดีไม่มีทีท่าว่าจะหลุดลอกมานางจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะลุกขึ้นยืนและเริ่มออกก้าวเดินไปตามทางที่มีรอยล้อของรถม้านั้น จนมาถึงทางออกข้างหมู่บ้าน นางจึงเดินไปดึงเอาเสื้อผ้าของชาวบ้านแถวนั้นที่ตากอยู่มา เพื่อใช้ปรับเปลี่ยนกับเสื้อผ้าของตนที่เต็มไปด้วยคราบเลือดแห้งกรัง ก่อนจะมุ่งหน้าเข้าไปในป่าอีกครั้ง เพราะตอนที่เดินออกมานางได้เห็นลำธารที่ทอดยาวไปจนถึงในตัวหมู่บ้าน เพื่อจะได้อาบน้ำชำระกายที่เต็มไปด้วยเศษไม้ใบหญ้า หลังจากที่ดำผุดดำว่ายจนพอใจแล้วจึงคิดที่จะหามุมเพื่อเปลี่ยนชุด แต่เมื่อก้าวเดินขึ้นจากลำธารด้วยเท้าเปล่าแต่เพราะความเปียกของหินบางก้อนทำให้หญิงสาวเซทำท่าจะล้ม แต่ในที่สุดก็พยุงตัวให้ยืนดีๆ ได้ ‘คิกๆๆ’ เสียงหัวเราะดังขึ้นมาเบาๆ นางจึงหันไปมองยังที่มาของเสียงจึงได้เห็นร่างเล็กของเด็กอายุราวเจ็ดแปดหนาวยืนมองและหัวเราะอยู่ “ว่ายังไงเด็กน้อย หัวเราะเยาะพี่หรือ” ร่างเล็กชะงักค้างอยู่ตรงนั้นก่อนจะร้องไห้ออกมาเสียงดัง “อ้าว! เป็นอะไรไปล่ะ ร้องไห้ทำไมหรือ” นางเดินไปนั่งใกล้ๆ ก่อนจะเอ่ยถามอีกครั้ง “ท่านมองเห็นข้า!ใช่มั้ย! ท่านเห็นข้าใช่มั้ย” หญิงสาวนิ่งอึ้งไปเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่า ความสามารถพิเศษของนางจากโลกก่อนที่ติดมาในโลกใบนี้นั้นเป็นสิ่งที่แปลกใหม่มากสำหรับในยุคโบราณเช่นนี้ ‘ใช่แล้ว! ‘ ร่างนี้ก็คือร่างของวิญญานสาวที่ไปดึงเอาวิญญาณของไอฝนมาจากยุคปัจจุบันนั่นเอง ซึ่งเจ้าของร่างนั้นถูกคนตามฆ่าอย่างไร้ความยุติธรรมโดยที่ยังไม่ถึงฆาต ทำให้วิญญาณที่หลุดออกจากร่างกลายเป็นวิญญานที่มีจิตอาฆาตอย่างรุนแรง แต่ความอาฆาตนั้นก็ทำสิ่งใดไม่ได้เพราะต่อให้แรงอาฆาตจะมากมายเพียงใดแต่ก็ไม่สามารถที่จะทำร้ายผู้ที่บงการให้เอาชีวิตของนางได้เพราะคนผู้นั้นยังมีบุญบารมีเก่าคุ้มครองกายใจอยู่ นางจึงได้แต่ล่องลอยไปในโลกหลังความตายอย่างเคืองแค้น จนคาดว่าน่าจะเป็นเพราะนางสัมผัสได้ว่าร่างของไอฝนนั้นกำลังถึงวาระสุดท้าย จึงได้ไปดึงเอาวิญญาณของเธอมาใส่ไว้ในร่างของตนและยอมตกลงไปในวัฏสงสารแทน “ใช่ พี่เอ่อ..ไม่ใช่สิ ข้ามองเห็นเจ้า เลิกร้องไห้ก่อนเถิดแล้วบอกข้ามาว่าเจ้าชื่ออะไรแล้วอยู่ที่นี่มานานหรือยัง” วิญญาณน้อยหยุดร้องไห้ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องราวของตนให้หญิงสาวรับรู้ ว่าตนนั้นชื่อ’ เปาเปา’ เป็นบุตรของคนในหมู่บ้านนี้ที่จมน้ำตายไปเมื่อหลายวันก่อน แต่ด้วยดวงของตนยังไม่ถึงที่ตายแต่เป็นคราวเคราะห์ที่ถูกวิญญาณที่เฝ้าแม่น้ำแห่งนี้ทำให้ตายเพื่อให้อยู่เฝ้าที่นี่แทน ตนจึงต้องตายและไปไหนไม่ได้ ก่อนจะอ้อนวอนให้นางช่วยพาเขากลับไปหาพ่อแม่ของตนอีกด้วย หญิงสาวแม้จะไม่มั่นใจว่าตนจะทำได้ดังในโลกเก่าหรือไม่ แต่เมื่อเห็นร่างเล็กอ้อนวอนทั้งน้ำตาจึงหยิบเอาก้อนหินขนาดเหมาะมือมาก้อนหนึ่ง ก่อนจะลองดึงวิญญาณของเด็กน้อยให้เข้ามาอยู่ในหินก้อนนั้นด้วยการเอ่ยนามรวมทั้งวันเดือนปีที่ตายของเขา ฉับพลันที่หญิงสาวกล่าวจบร่างโปร่งแสงน้อยๆ ก็ถูกดูดเข้ามาอยู่ในหินก้อนนั้นตามความต้องการของนาง เมื่อดึงวิญญานสำเร็จนางจึงมุ่งหน้าไปยังบ้านของวิญญานน้อยตามคำบอกเล่า เมื่อหนึ่งคนหนึ่งวิญญาณน้อยไปถึงยังบ้านหลังเล็กๆ ที่อยู่ท้ายหมู่บ้าน ก็พบกับหญิงสาววัยกลางคนที่กำลังนั่งเศร้าสร้อยอยู่ที่ตรงหน้าบ้าน “ท่านแม่!!” วิญญาณน้อยรีบออกจากก้อนหินที่หญิงสาวถืออยู่โดยไม่ต้องรอรับการอนุญาตจากนาง เพราะสิ่งที่หญิงสาวทำนั้นคือการดึงวิญญาณไม่ใช่การสะกด ต้องรู้ก่อนว่าหากใครที่มีวิชาอาคมเก่งกล้าก็จะสามารถดึงหรือสะกดวิญญาณได้ และวิญญาณที่ถูกสะกดก็จะกลายเป็นบริวารคอยรับใช้ตามแต่ผู้สะกดจะบัญชา หากผู้เป็นนายหรือผู้ที่กล่าวคาถาสะกดไม่อนุญาต วิญญานตนนั้นก็จะไม่สามารถทำสิ่งใดได้ตามใจของตน ดังนั้นเหล่าผู้มีวิชาอาคมทั้งหลายจึงมักจะสะกดเอาวิญญาณที่ตายไม่ดีทั้งหลายไว้คอยรับใช้อยู่เสมอๆ เพราะสามารถควบคุมได้ดั่งใจต้องการ ส่วนการดึงวิญญานนั้นเป็นการกระทำเพื่อนำไปกับตนเฉยๆ เพราะวิญญาณส่วนใหญ่มักจะโปร่งแสงและปลิวล่องลอยไปตามลมได้ง่าย ดังนั้นการดึงเอามาใส่ไว้ในของชิ้นใดชิ้นหนึ่งให้สามารถเกาะอยู่ได้โดยไม่ปลิวหายไปตามแรงลมจะสามารถนำพาไปกับตนได้ง่ายกว่าดังเช่นที่นางกระทำต่อเปาเปาน้อย “ท่านแม่ เปาเปากลับมาแล้วขอรับ” วิญญาณน้อยคุกเข่าลงก่อนจะโขกศรีษะให้แก่มารดาของตนที่ยังคงนั่งเหม่อลอยอยู่ เมื่อนางเห็นหญิงสาวแปลกหน้าเดินเข้าไปหานางจึงขยับกายลุกขึ้นยืน ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่แฝงความอ่อนล้า “มาหาใครหรือแม่นาง” “เอ่อ เปล่าหรอกเจ้าค่ะ คือ ข้าเห็นว่าท่านตากปลาแห้งไว้มากมาย คงเอาไว้ขายใช่มั้ยเจ้าคะ” ด้วยไม่รู้ว่าจะเอ่ยสิ่งใดเมื่อหางตาเหลือบไปเห็นเหล่าชิ้นปลาตากแห้งจึงกล่าวออกไป ก่อนจะเห็นหญิงผู้เป็นมารดาของเปาเปาทรุดกายลงนั่งอีกครั้งก่อนจะยิ้มเศร้าออกมา “ใช่ แต่อันที่จริง ข้าตากไว้เพราะเปาเปาน้อยของข้าชอบกินปลาแห้งย่างกับข้าวต้มเป็นที่สุด อาเตียของเขาจึงมักจะหาปลามาตากเก็บเอาไว้มากๆ เพื่อยามที่บุตรชายอยากกินจะได้ไม่ต้องรอ แต่ไม่นึกเลยว่าเขาจะอายุสั้นเช่นนี้ ปลาที่ทำตากไว้ให้เขาจึงต้องเอามาผึ่งแดดเพื่อเอาไปขายแทน โธ่..เปาเปาของอาเหนียง” หยาดน้ำตาของมารดาหลั่งรินอีกครั้ง พร้อมๆ กับที่เปาเปาน้อยร่ำไห้ออกมา ปากเล็กๆ ส่งเสียงเรียก ท่านแม่ๆ ไม่หยุด “ท่านป้า ข้าพอจะมีวิชาทำนายทายทักอยู่บ้าง ให้ข้าลองทำนายให้ท่านดีหรือไม่เจ้าคะ เผื่อจะได้รู้ว่าบุตรชายของท่านเขาอยู่ดีมีสุขหรือไปสู่สุขติหรือยัง” “จริงหรือ เจ้าสามารถทำนายได้หรือ ถ้าอย่างช่วยทีเถิดนะแม่นาง ข้าอยากรู้ว่าเปาเออร์ของข้าเขาเป็นอย่างไรบ้าง เขาอยากจะได้อะไรหรือไม่ มารดาผู้นี้จะได้ทำบุญส่งไปให้” เมื่อเห็นท่าทางดีใจของสตรีตรงหน้าไอฝนที่อยู่ในร่างของคุณหนูตระกูลฝางจึงยิ้มออกมา ก่อนจะนั่งลงตรงข้ามและดึงเอามือของมารดาเปาเปาน้อยมากุมไว้ ก่อนจะแกล้งทำเป็นอ่านเส้นลายมือเพื่อทำนายทายทัก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD