‘โอ้ยยย!! ออกแล้ว! ยอมแล้ว!’
เสียงกรีดร้องที่ไม่อาจบอกได้ว่าเป็นเสียงของหญิงหรือชายดังขึ้น ก่อนที่ร่างของเด็กสาววัยรุ่นผู้หนึ่งจะทิ้งกายลงบนพื้นโดยมีผู้เป็นบิดาคอยประคองอยู่
“ชมพู่!เป็นยังไงมั่งลูก” เสียงของหญิงวัยกลางคนร้องอย่างตระหนก ก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าบุตรสาวเริ่มรู้สึกตัวและมีท่าทีงุนงงกับสภาพของตน
“หายดีแล้วล่ะค่ะ พาน้องเขากลับบ้านได้แล้ว แต่อย่าลืมพาไปรดน้ำมนต์เสริมศิริมงคลสักหน่อยนะคะ” ร่างบางในชุดขาวเฉกเช่นผู้ที่ปฏิบัติธรรมกล่าวด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
“ขอบคุณมากนะคะคุณฝน หากไม่ได้คุณช่วย ชมพู่ของป้าจะต้องแย่แน่ๆ”
“ไม่เป็นไรค่ะ แต่ยังไงก็ช่วยเตือนน้องเขาหน่อยนะคะ ว่าต่อจากนี้ไปจะต้องหาเวลาสวดมนต์ปฏิบัติธรรมบ้าง จะได้มีความดีคุ้มครองทั้งกายและใจค่ะ”
“ค่ะ ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นนี่เป็นสินน้ำใจค่ะ คุณฝนช่วยรับไว้ด้วยนะคะ” ซองสีขาวที่บรรจุธนบัตรเอาไว้พอประมาณยื่นมาวางตรงหน้าของหญิงสาว
“ฝนไม่รับเงินหรอกค่ะ ถ้าคุณป้าอยากจะทำบุญก็เอาไปใส่ไว้ที่ตู้บริจาคตามวัดเถอะค่ะ จะได้เป็นการเสริมสร้างบารมีให้น้องเขาด้วย”
“เอ่อ ก็ได้จ้ะ ถ้าอย่างนั้นวันหลังป้าขอซื้อผลไม้มาฝากนะจ้ะ ถือว่าเป็นการตอบแทนที่คุณได้ช่วยเหลือป้ากับลูกเอาไว้”
“ถ้าอย่างนั้น ก็ได้ค่ะ”
หลังจากที่สามคนพ่อแม่ลูกที่มาขอความช่วยเหลือได้จากไปแล้วหญิงสาวก็กลับไปนั่งสวดมนต์ปฏิบัติธรรมดังที่ทำอยู่ในทุกๆ วัน เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว’ ไอฝน’ ก็กลับเข้าสู่ห้องของตนเพื่อที่จะอาบน้ำชำระร่างกายเพื่อจะเจริญสมาธิภาวนาก่อนนอน แต่เมื่อก้าวเข้าไปในห้องน้ำก็พบเข้ากับร่างของหญิงผู้หนึ่งที่นั่งร้องไห้อยู่ ทั้งยังสวมใส่เสื้อผ้าที่แปลกตาและเปรอะเปื้อนอีกด้วย ไอฝนสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจเบาๆ เมื่อหายตกใจ ซึ่งหากเป็นผู้อื่นคาดว่าคงจะต้องกรีดร้องอย่างหวาดกลัวไปแล้ว ด้วยท่าทางของหญิงผู้นั้นทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่’ มนุษย์’ อย่างแน่นอน แต่ด้วยหญิงสาวที่เห็นสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็นมาตั้งแต่เล็กกลับคุ้นชิน
“เอ่อ หากคุณต้องการความช่วยเหลือ ก็ขอให้ฉันอาบน้ำสักห้านาทีก่อนได้มั้ยคะ เสร็จแล้วเราค่อยมาคุยกัน”
“ช่วยข้าที ข้ายังไม่อยากตาย ท่านต้องช่วยข้า”
“ได้ค่ะ ฉันจะช่วยหากช่วยได้ แต่ขอเวลาสักครู่ได้มั้ยคะ” ร่างบางเดินไปพาดผ้าเช็ดตัวเข้ากับราวตากผ้าก่อนจะหันไปมองยังร่างที่นั่งร้องไห้อยู่อย่างไม่ยอมจากไป
“เอาล่ะค่ะ ถ้าอย่างนั้นบอกฉันได้มั้ยคะว่าจะให้ช่วยเรื่องอะไร” ร่างนั้นไม่เอ่ยตอบทำเพียงเงยหน้าขึ้นมองทำให้ไอฝนได้เห็นว่าวิญญานตนนี้กำลังร้องไห้จนหลั่งน้ำตาสีเลือดออกมา
หญิงสาวนั่งตัวแข็งอย่างตกตะลึงด้วยยังไม่เคยเห็นวิญญานที่มีความแค้นมากมายเช่นนี้มาก่อน เมื่อรู้สึกตัวอีกทีก็พบว่ามือที่เย็นเฉียบนั้นคว้าจับเอามือของเธอก่อนจะดึงให้เดินตามออกไป เมื่อหันกลับหลังไปดูก็พบว่ากายสังขารของตนนั้นได้ล้มลงอยู่ที่พื้นและหมดลมหายใจเสียแล้ว
“คุณดึงวิญญานของฉันมาโดยไม่ถามความสมัครใจเช่นนี้มันเป็นบาปนะคะ” ด้วยมักจะทำสามาธิและฝึกจิตให้เตรียมตัวตายอยู่เสมอๆ เธอจึงไม่ได้เกิดอาการตระหนกตกใจที่ตนต้องตายลงไปอย่างกะทันหันเช่นนี้ แต่ส่วนลึกในใจกลับนึกเป็นห่วงวิญญานตนนี้มากกว่าเพราะการฆ่าหรือพรากชีวิตๆ หนึ่งนั้นเป็นบาปมหันต์นัก อาจจะทำให้นางต้องไปชดใช้กรรมอันหนักหน่วงและต้องทนทุกข์ทรมานมากกว่าที่เป็นอยู่ได้
“เจ้ารับปากว่าจะช่วยข้า เจ้าต้องช่วย”
“เเต่ถ้าเราตายกันทั้งคู่เช่นนี้ แล้วจะให้ฉันช่วยอะไรคุณได้ล่ะคะ” มือสีขาวซีดชี้ตรงไปยังเบื้องล่างทำให้ไอฝนพยายามเพ่งมองตามแต่ก็ไม่เห็นสิ่งใด ก่อนจะรู้สึกถึงแรงกระแทกที่ข้างหลังจนปลิวตกลงจากที่สูงในทันที
“ว้าย!”