“เจ้าคามิล เล่นพิเรนทร์ไม่เลิกเลยนะ”
ชีคอัลซาร์ตรัสต่อว่าโอรสด้วยสุรเสียงห้วนจัด ดวงเนตรคมลึกจ้องมองโอรสด้วยสายตาตำหนิเล็กน้อยที่บังอาจทำให้พระองค์ตกใจเกือบพระทัยวาย
“ไม่ได้พิเรนทร์เลยพ่ะย่ะค่ะ หลังจากไม่ได้พบกันตั้งครึ่งปี ลูกก็แค่ต้องการสร้างเซอร์ไพรส์ให้กับท่านพ่อ ก็เท่านั้นเองพ่ะย่ะค่ะ”
เจ้าชายคามิลทรงแก้ตัว พลางพยักพระพักตร์ช้าๆ รับการคาราวะจากองครักษ์อัลลามัส ซึ่งพอหายจากอาการตกใจแล้ว ก็รีบโค้งคำนับให้กับมกุฎราชกุมารทันที
“เซอร์ไพรส์แบบนี้จะได้กินลูกตะกั่วแทนข้าวนะสิคามิล”
ชีคอัลซาร์ตำหนิโอรสอีกครั้ง ก่อนจะอ้าแขนออกกว้างโอบกอดไปรอบพระวรกายล่ำสันใหญ่โตของโอรส ที่ก้าวพระบาทยาวๆ มาสวมกอดพระองค์ไว้แน่นเช่นเดียวกัน
เจ้าชายคามิลหัวเราะฮึๆ อยู่ในลำคอ สวมกอดพระบิดาไว้แน่น รู้สึกอบอุ่นเฉกเช่นสมัยเยาว์วัยในยามได้ตกอยู่ในอ้อมแขนของพระบิดา
“อืม...ท่านพ่อจะยิงโอรสตัวเองได้ลงคอหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ถ้าโอรสของพ่อมาแบบโจรทะเลทรายเหมือนเมื่อสักครู่ พ่อว่าสักวันเจ้าคงได้กินลูกปืนแน่ ไม่ของพ่อก็ของเจ้าอัลลามัส”
“โธ่...ท่านพ่อ ลูกแค่อยากให้ท่านพ่อตื่นเต้นเล่นก็เท่านั้นเองพ่ะย่ะค่ะ”
เจ้าชายคามิลแสร้งร้องโอดครวญเสียงดัง จากนั้นทรงประคองพระบิดาให้ทรุดพระวรกายลงนั่งบนเก้าอี้หนา ก่อนจะก็ทรุดพระวรกายลงนั่งฝั่งตรงข้ามกับพระบิดา แล้วทอดดวงเนตรจ้องมองพระพักตร์ของพระบิดาเขม็ง
“ใบหน้าของพ่อมีสิ่งแปลกปลอมโผล่ขึ้นมาหรืออย่างไร เจ้าถึงจ้องมองพ่อตาไม่กะพริบเลย”
ชีคอัลซาร์ตรัสถามยิ้มๆ ไม่รู้ว่าพระพักตร์ของพระองค์มีสิ่งใดผิดปกติไปจากเดิม โอรสจอมยียวนกวนโทสะถึงได้จ้องมองไม่เลิก
เจ้าชายคามิลยกพระหัตถ์ลูบคางพระองค์เอง ตีสีพระพักตร์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตรัสตอบตามความรู้สึกของพระองค์
“ไม่รู้ว่าเป็นเพราะลูกไม่ได้พบกับท่านพ่อเป็นเวลานานเกินไปหรือเปล่า ลูกถึงรู้สึกว่าพระพักตร์ของท่านพ่อดูสดใสกว่าแต่ก่อนมากเลยพ่ะย่ะค่ะ”
ชีคอัลซาร์หันไปมองสบตากับองครักษ์อัลลามัสอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันมาทอดพระเนตรจ้องมองโอรส แล้วตรัสตอบว่า
“คงเป็นเพราะพ่อกำลังมีความสุขมั้งคามิล สีหน้าของพ่อจึงดูสดชื่นตามที่ลูกพูดมา”
“บรรดานางบำเรอ ทำให้ท่านพ่อมีความสุขมากถึงเพียงนี้เลยหรือพ่ะย่ะค่ะ”
เจ้าชายคามิลคิดไปเองว่า นางบำเรอสาวๆ สวยๆ คงทำให้พระบิดาของพระองค์มีความสุขมาก ส่งผลให้มีสุขภาพดีขึ้นมาตามลำดับ ทว่าสิ่งที่พระองค์คิดนั้นเป็นเรื่องผิดทั้งหมด
“นางบำเรอพวกนั้นก็มีส่วนทำให้พ่อสบายใจขึ้นมาบ้าง แต่จริงๆ แล้วมีเรื่องอื่นด้วย ที่ทำให้พ่อมีความสุข รู้สึกกระชุ่มกระชวยขึ้นมาอีกครั้ง”
ชีคอัลซาร์ทรงตรัสตอบโอรสแบบครึ่งๆ กลางๆ ขณะเดียวกันก็ลอบสังเกตอากัปกิริยาจากโอรสด้วยว่าจะมีปฏิกิริยาอย่างไรบ้าง
พอได้ยินคำตอบเช่นนี้ เจ้าชายคามิลก็หัวเราะร่วน แล้วตรัสถามเสียงกลั้วหัวเราะ “นางในฮาเร็มคนไหน ทำให้ท่านพ่อถูกอกถูกใจมากที่สุดพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่ใช่นางในฮาเร็ม หรือพวกนางบำเรอหรอกคามิล”
ชีคอัลซาร์ตรัสตอบเบาๆ ชักจะไม่แน่พระทัยแล้วว่าโอรสจะเห็นด้วย กับการตัดสินพระทัยของพระองค์ในครั้งนี้
“ไม่ใช่นางบำเรอ แล้วใครกัน ที่ทำให้ท่านพ่อมีความสุขได้มากถึงเพียงนี้”
ยิ่งตรัสถาม เจ้าชายคามิลก็ยิ่งอยากรู้พระทัยจะขาด ว่าหญิงใดที่ทำให้พระบิดาของพระองค์พึงพอพระทัยได้มากมายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“เธอเป็นหญิงชาวไทยนะคามิล พ่อเห็นเธอครั้งแรกก็รู้สึกชอบเธอมาก”
คราวนี้เจ้าชายคามิลหรี่ดวงเนตรมองพระบิดาเขม็ง รู้สึกไม่ชอบมาพากลกับคำพูดของพระบิดา
“ลูกเพิ่งเคยได้ยินท่านพ่อบอกว่าชอบผู้หญิงในรอบยี่สิบปี หลังจากท่านแม่ตายไปแล้ว ท่านพ่อกำลังจะบอกอะไรลูกหรือพ่ะย่ะค่ะ”
ชีคอัลซาร์ลอบถอนหายใจยาว ก่อนจะตัดสินพระทัยตรัสบอกโอรสในที่สุด “คามิล พ่อกำลังจะแต่งงาน”
“แต่งงาน!”
เจ้าชายคามิลทวนคำเสียงสูง สีพระพักตร์เริ่มบูดบึ้ง ดวงเนตรเริ่มโชนแสงแห่งความไม่พอพระทัยให้เห็นอย่างชัดเจน
“เมื่อสักครู่ลูกฟังผิดไปใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่ผิดหรอกคามิล พ่อบอกลูกว่าพ่อกำลังจะแต่งงานอีกครั้ง”
ชีคอัลซาร์ย้ำคำด้วยสุรเสียงหนักแน่น เห็นปฏิกิริยาที่โอรสเริ่มแสดงออกทีละเล็กทีละน้อย ก็พอจะรู้ว่าพระองค์กำลังเจออุปสรรคใหญ่เข้าให้แล้ว
“ท่านพ่อกำลังจะแต่งงานใหม่ ทั้งๆ ที่ท่านพ่ออายุจวนจะเจ็ดสิบปีแล้วนี่นะพ่ะย่ะค่ะ”
“คามิล ความรักมันไม่เข้าใครออกใคร ต่อให้เราอายุมากแค่ไหน หากเราถูกกามเทพเล่นงานให้พบเจอกับคนที่เราพร้อมมอบความรักให้กับเขาอีกครั้ง เราก็ปฏิเสธมันไม่ได้หรอกลูก”
พระบิดาผู้อาบน้ำร้อนมาก่อน และถูกพรหมลิขิตชักนำให้พบกับรักแท้มาครั้งหนึ่งแล้วกับพระชายาที่รักยิ่ง ได้ตรัสหวานล้อมให้โอรสผู้ไร้หัวใจ ได้เข้าใจถึงธรรมชาติของความรักบ้าง
“ท่านพ่อจะอ้างอย่างไรลูกก็ไม่สนใจทั้งนั้น แต่ลูกไม่เห็นด้วยที่ท่านพ่อจะแต่งงานเมื่ออายุปูนนี้แล้ว”
เจ้าชายคามิลปฏิเสธเสียงแข็ง พลางผุดลุกขึ้นเดินไปเดินมาทั่วห้องทรงงานใหญ่โต และเมื่อเหลือบดวงเนตรเห็นภาพถ่ายของผู้หญิงวางอยู่บนโต๊ะ ซึ่งมีลางสังหรณ์ว่าน่าจะเป็นว่าที่เจ้าสาวของพระบิดา ก็รีบคว้ามาดูอย่างรวดเร็ว
พอได้เห็นภาพถ่ายแสนสวยของว่าที่เจ้าสาว เจ้าชายคามิลก็ชูภาพขึ้นสูง พร้อมกับแผดเสียงถามพระบิดาด้วยความโกรธจัด
“นี่หรือว่าที่เจ้าสาวของท่านพ่อ ลูกถามจริงๆ เถอะว่าผู้หญิงคนนี้บรรลุนิติภาวะหรือยัง”
ภาพถ่ายของว่าที่เจ้าสาว ซึ่งมีผิวพรรณยองใยขาวผ่องดุจกระเบื้องแก้ว และที่สำคัญคาดคะเนอายุแล้วคงไม่เกิน 25 ปี ทำให้เจ้าชายคามิลต้องตรัสถามพระบิดาอย่างประชดประชัน
“คามิล พ่อไม่หาเรื่องติดคุกด้วยการพรากผู้เยาว์หรอกน่า” ชีคอัลซาร์ตรัสแก้ไขคำพูดของโอรสหนุ่ม ก่อนจะตรัสบอกต่อ
“น้ำอิงเธอบรรลุนิติภาวะแล้ว เธออายุ 25 ปีแล้ว แต่ใบหน้าของเธออาจจะมองดูเด็กกว่าอายุจริงมาก”