‘อาคาเรีย’ แผ่นดินทะเลทรายแถบตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นประเทศเล็กๆ มีประชากรไม่ถึงหนึ่งล้านคน ทว่าราษฎรที่อาศัยอยู่ในประเทศอาคาเรีย ล้วนได้รับการดูแลให้กินดีอยู่ดีกันเกือบถ้วนหน้า จากประมุขผู้ปกครองประเทศ นั่นก็คือชีคอัลซาร์ ฮานีฟ อาคาเรีย
ชีคอัลซาร์ปกครองประเทศด้วยความเมตตากรุณา ให้ความเสมอภาคกับราษฎรทุกคน พระองค์ทรงจัดสรรปันส่วนทรัพย์มูลค่ามหาศาล ทั้งจากรายได้อันเกิดจากการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติออกจำหน่ายทั่วโลก หรือรายได้จากการทำธุรกิจเครื่องบินพาณิชย์ ที่มีสายการบินเกือบทุกประเทศในโลก นำมาทำนุบำรุงประเทศให้เจริญเทียบเท่ากับอารยประเทศในโลกตะวันตก
ชีคอัลซาร์ทรงอยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดายมาช้านาน นับตั้งแต่สูญเสียพระชายาอันเป็นที่รักไป และตอนนี้พระองค์ก็อยากมีคู่ชีวิตคนใหม่บ้าง ซึ่งพระองค์พบหญิงสาวที่คิดว่าเหมาะสมกับพระองค์แล้ว
เมื่ออยากอภิเษกใหม่ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตัวเจ้าสาว ซึ่งจะเดินทางข้ามขอบฟ้านับพันๆ ไมล์จากประเทศไทยมายังประเทศอาคาเรีย เพื่อเข้าพิธีอภิเษกกับพระองค์ ทว่าปัญหามันอยู่ที่โอรสจอมโมโหร้าย และฟังใครไม่เป็นของพระองค์ต่างหากเล่า
และตอนนี้พระองค์กำลังรอเวลาที่มกุฎราชแห่งอาคาเรียเดินทางมาถึงพระราชวัง เพื่อพระองค์จะได้แจ้งข่าวเรื่องการอภิเษกให้โอรสทราบด้วย โดยพระองค์ได้แต่หวังว่าโอรสจะเห็นด้วยกับการตัดสินพระทัยในครั้งนี้ของพระองค์
“คามิล พ่อภาวนาให้ลูกเห็นด้วย กับการตัดสินใจแต่งงานอีกครั้งของพ่อ”
ชีคอัลซาร์ตรัสพึมพำเบาๆ ขณะหยิบภาพถ่ายของว่าที่เจ้าสาวคนสวยขึ้นมาทอดพระเนตร และคำพึมพำของพระองค์ก็ทำให้องครักษ์ซึ่งยืนอยู่ไม่ห่าง ก็หลุดปากเอ่ยถามออกมา
“ฝ่าบาทคิดว่าเจ้าชายจะเห็นดีด้วยกับเรื่องการอภิเษกอีกครั้งของฝ่าบาทไหมพ่ะย่ะค่ะ”
องครักษ์อัลลามัส องครักษ์เอกวัยค่อนคน ซึ่งอยู่รับใช้ชีคอัลซาร์มาช้านาน ได้เอ่ยถามเบาๆ แม้ในใจนั้นยอมรับว่าจะไม่เห็นดีด้วยกับการอภิเษกใหม่ของผู้เป็นเจ้าเหนือหัว แต่เขาก็ไม่มีสิทธิ์คัดค้านทั้งนั้น
ชีคอัลซาร์เงยพระพักตร์มององครักษ์อัลลามัสครู่หนึ่ง ก่อนจะตรัสตอบออกมาด้วยความหนักพระทัยอย่างยิ่งยวด
“เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคามิลจะยอมหรือเปล่า ไอ้ลูกคนนี้ยิ่งเข้าใจอะไรยากๆ อยู่ด้วย”
“แล้วถ้าเกิดว่าเจ้าชายไม่ยอมให้ฝ่าบาทอภิเษกกับสาวชาวไทยคนนี้ ฝ่าบาทจะทำอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ จะยกเลิกเรื่องการอภิเษกไหมพ่ะย่ะค่ะ”
องครักษ์อัลลามัสถามต่อ อยากรู้เหมือนกันว่าชีคอัลซาร์จะกล้าขัดความต้องการของโอรสหรือเปล่า เพราะในแผ่นดินประเทศอาคาเรีย ชีคอัลซาร์ทรงยอมพระโอรสแต่เพียงองค์เดียวเท่านั้น
ชีคอัลซาร์ลอบถอนหายใจเฮือกใหญ่ พลางตรัสตอบอย่างตัดสินพระทัยดีแล้ว
“หากคามิลไม่เห็นดีด้วย เราก็จะแต่งงานใหม่ให้จงได้ หรือหากคามิลอาละวาดกับเรื่องนี้มากเกินไป เราก็อาจไม่แต่งงาน แต่ยังไงๆ ก็จะพาฐิติรดามาอยู่ในประเทศอาคาเรียกับเราเหมือนเดิม”
“กระหม่อมภาวนาให้เจ้าชายคามิลทรงยอมเข้าพระทัยในเรื่องนี้นะพ่ะย่ะค่ะ”
“เราก็ได้แต่หวังเช่นนั้นเหมือนกันอัลลามัส”
ชีคอัลซาร์ตรัสออกมาเบาๆ ด้วยความหนักพระทัย รอคอยเวลาที่โอรสองค์เดียวของพระองค์ จะเดินทางมาถึงในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
ทางด้านมกุฎราชกุมารแห่งอาคาเรีย ซึ่งถูกพระบิดาตามตัวให้มาพบเป็นการด่วน ได้เดินทางกลับเข้าเมืองหลวงอีกครั้ง หลังจากไม่ได้ย่างกรายเข้ามาเป็นเวลานานเกือบครึ่งปีแล้ว
มกุฎราชกุมารหนุ่มผู้หล่อเหลา เลือกเข้าพระราชวังจากทางด้านหลัง ซึ่งมีอาณาบริเวณติดกับทะเลทรายสีทองอันกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ซึ่งการเข้าพระราชวังทางข้างหลังนอกจากจะสะดวกแล้ว ยังไม่มีใครทราบด้วยว่าพระองค์กลับพระราชวังแล้ว
พระวรกายสูงใหญ่ล่ำสันในชุดสีดำสนิท โพกผ้าสีดำคลุมมิดทั่วทั้งพระพักตร์ จนเห็นดวงเนตรวาววับดั่งดวงตาพญาเหยี่ยว ได้ก้าวเดินอาดๆ ด้วยท่วงท่าสง่างามผ่าเผยเข้ามาภายในพระราชวัง และหากไม่ใช่เพราะเคยเข้ามาในชุดดำสนิท ซึ่งมองดูแล้วไม่ต่างจากจอมโจรทะเลทราย พระองค์คงถูกบรรดาองครักษ์ ซึ่งเฝ้าอารักขาพระบิดาอยู่ภายในพระราชวังยกปืนเป่าสมองเละแล้ว
“ท่านพ่ออยู่ไหน”
มกุฎราชกุมารคามิล ฮานีฟ อาคาเรีย ตรัสถามองครักษ์เพียงสั้นๆ ด้วยสุรเสียงห้าวทุ้มทรงอำนาจ ตอนองครักษ์คนนี้ได้เดินเข้ามาโค้งคำนับให้กับพระองค์
“อยู่ในห้องทรงงานพ่ะย่ะค่ะเจ้าชาย จะให้กระหม่อมไปกราบทูลฝ่าบาทไหมพ่ะย่ะค่ะ ว่าเจ้าชายเสด็จมาถึงพระราชวังแล้ว”
องครักษ์ถามด้วยน้ำเสียงนอบน้อม ขณะเดียวกันก็ลอบมองมกุฎราชกุมารหนุ่มผู้หล่อเหลา ซึ่งทำตัวผิดแผกไปจากเจ้าชายในประเทศอื่นๆ เป็นอย่างมาก
เจ้าชายคามิลโบกพระหัตถ์ปฏิเสธ ดวงเนตรไหววาบด้วยความนึกสนุกอยากแกล้งพระบิดาเล่น ก่อนจะตรัสตอบกลั้วเสียงหัวเราะ
“ไม่ต้อง เดี๋ยวเราจะไปทักทายท่านพ่อสักหน่อย ไม่ได้เจอกันนานเกือบครึ่งปีแล้ว ไม่รู้ว่ายังจำหน้าลูกชายได้หรือเปล่า”
ว่าแล้วก็ก้าวพระบาทยาวๆ เดินตรงไปยังห้องทรงงานของพระบิดาซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก พระองค์อยากเห็นว่าพระบิดาจะตีสีพระพักตร์อย่างไร เมื่อเห็นโอรสของพระองค์มาในคราบของโจร!
เมื่อเดินมาถึงห้องทรงงานแล้ว แทนที่จะเคาะประตูห้องตามมารยาทที่สุภาพชนควรทำ ทว่าเจ้าชายคามิลกลับใช้พระบาทถีบประตูห้องทรงงานเต็มแรง จนมันเปิดออกผ่าง! สร้างความตกใจให้กับคนที่อยู่ภายในห้องเป็นอย่างยิ่ง
“ชีคอัลซาร์!...”
เจ้าชายคามิลแกล้งคำรามเสียงดังลั่น ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้โผล่เข้าไปในห้องทรงงาน แต่พอโผล่พระพักตร์เข้าไปก็ต้องรีบยกพระหัตถ์ทั้งสองชูขึ้นสูง พร้อมกับร้องห้ามเสียงหลง เมื่อเห็นมัจจุราชในมือของอัลลามัส และในพระหัตถ์ของพระบิดา กำลังเล็งมาบนหัวสมองของพระองค์เป็นจุดเดียวกัน
“เฮ้ย! ท่านพ่อ ไอ้อัลลามัส นี่เราเอง เจ้าชายคามิล”
มกุฎราชกุมารขี้เล่นทรงตะโกนบอกเสียงหลง พร้อมกับกระชากผ้าโพกพระพักตร์สีดำออกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะถูกเป่าสมองเละ
“โธ่...เจ้าชาย เล่นอะไรก็ไม่รู้ กระหม่อมเกือบเป่าสมองของเจ้าชายแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
องครักษ์อัลลามัสร้องโอดครวญ ก่อนจะเก็บปืนไว้ตรงซอกเอวเหมือนเดิม ยอมรับว่าเมื่อสักครู่ตอนเห็นประตูถูกถีบเต็มแรง เขาตกใจมาก และหากเขาตัดสินใจเร็วกว่านี้แค่วินาทีเดียว เจ้าชายคามิลคงไม่ได้ยืนยิ้มเผล่เหมือนตอนนี้อย่างแน่