เจ้าชายคามิลยิ้มเยาะตรงมุมปาก ก่อนจะแสร้งร้องเสียงหลง “โอ้ไม่! ชีคอัลซาร์ไม่หนุ่มแน่นถึงเพียงนี้หรอกน้ำอิง เจ้าจำให้แม่นว่าเราชื่อคามิล และเจ้าต้องเข้าห้องหอกับเราแทนการเข้าห้องหอกับชีคอัลซาร์”
“ไม่! ฉันจะไม่แต่งงานกับแก”
ฐิติรดาแผดเสียงตะโกนลั่น จนรู้สึกแสบคอไปหมด พร้อมกันนั้นก็ดิ้นรนอย่างหนัก เพื่อให้ตนเองเป็นอิสระจากกายล่ำสันที่กดทับจนเธอหายใจแทบไม่ออก
“พูดผิดแล้วยาหยี ใครบอกว่าเราสองคนจะแต่งงานกัน แต่เรากำลังจะพาเจ้าเข้าห้องหอแบบไม่ต้องมีพิธีแต่งงาน อืม...แบบนี้เขาเรียกอะไรนะ”
เจ้าชายคามิลตีสีพระพักตร์ยียวน ขณะทำเป็นครุ่นคิดหาคำพูดที่จะมาตรัสต่อ นาทีต่อว่าก็กระตุกยิ้มตรงมุมโอษฐ์ ตรัสต่อท้ายด้วยสุรเสียงเยาะหยัน
“อ๋อ! เรานึกออกแล้วน้ำอิง วิวาห์แบบนี้ เขาเรียกว่าวิวาห์เหาะใช่ไหม?”
พอได้ยินเช่นนี้ ฐิติรดาก็ดิ้นรนอีกครั้ง ทั้งถีบเท้า ดีดตัวขึ้นสูง เพื่อให้ตัวเองหลุดพ้นจากจอมวายร้าย โดยไม่รู้เลยว่าการกระทำของเธอเป็นการปลุกให้ราชสีห์ตื่นจากการหลับใหล ยิ่งเธอดีดตัวให้เรือนร่างแนบชิดกับพระวรกายล่ำสันมากเพียงใด ก็ยิ่งปลุกให้อารมณ์กำหนัดของเจ้าชายคามิล ตื่นตัวมากเท่านั้น
และแทนที่จะเป็นฐิติรดา ที่ต้องทรมานจากการถูกกักขังด้วยพระวรกายล่ำสัน กลับกลายเป็นว่าราชนิกุลผู้หล่อเหลา ที่ต้องทรมานกับเกมในครั้งนี้ คราใดฐิติรดาดิ้นรน ปทุมอิ่มของเธอก็บดเบียนแนบชิดกับแผงอกกว้าง ดินแดนแห่งรัก ก็เสียดสีกับกายแข็งขึง ที่อยากปลดปล่อยโจนจ้วงอยู่ในความหวานฉ่ำในทุกวินาที เอาทำพระองค์ปวดหนึบ เพลิงเสน่หาลุกโชนร้อนฉ่าทั่วทุกเส้นเลือด จนต้องครางสั่งคนใต้อ้อมแขนด้วยสุรเสียงแหบพร่า
“พระเจ้า! หยุดดิ้นสักสองสามนาทีได้ไหมน้ำอิง”
แทนที่จะเชื่อฟังคำสั่งของเจ้าชายคามิล ฐิติรดากลับทำในตรงกันข้าม ยิ่งถูกห้าม ก็เหมือนยิ่งถูกยุ หญิงสาวบิดกายไปมา ดีดตัวขึ้นลงทุบตีไปบนแผงอกกว้างล่ำสัน โดยไม่ลืมแผดเสียงดังลั่น
“ไม่ ฉันจะหยุดก็ต่อเมื่อแกปล่อยฉันไปแล้ว”
“ดี ถ้าไม่หยุดเราก็จะจับปล้ำบนรถนี่แหละ เจ้าไม่รู้หรือยังไงว่าร่างกายของเรามันตื่นตัวจนปวดร้าวไปหมดแล้ว และถ้าหากเจ้ายังคงดื้อรั้นไม่เชื่อฟังคำสั่งของเรา เจ้ากับเราคงได้วิวาห์เหาะบนรถในนาทีนี้แน่ แต่บอกตามตรงนะน้ำอิงว่าเราไม่ชอบโรมรันรักบนรถสักเท่าไร เพราะนอกจากจะคับแคบแล้ว มันยังทำให้เรามองเห็นเรือนร่างอรชรน่ากลืนกินของเจ้าไม่ชัดเจนด้วย”
คราวนี้เจ้าชายคามิลไม่ได้ตรัสแต่ปากเปล่า พระองค์กดกายแข็งขึงร้อนผะผ่าวรอการปลดปล่อยในทุกวินาทีให้บดเสียดสีกับเนินเนื้ออวบอิ่นจนฐิติรดารู้สึกได้ ซึ่งมันสามารถเรียกสีเลือดให้ซับขึ้นทั่วดวงหน้างามลออ และสิ่งที่ตามมาพร้อมกับความอายคืออาการวาบหวามรัญจวนใจ เพราะอารมณ์รักในร่างกายถูกเจ้าชายคามิลปลุกเร้าให้ลุกฮืกทั่วกายไม่แพ้กัน
“ฉัน...หยุดดิ้นแล้ว แกปล่อยฉันไปเถอะนะ” ฐิติรดาเริ่มใช้ไม้อ่อน ส่งลูกอ้อนทำให้ชายคนนี้ใจอ่อนยอมทำตามคำขอร้องของเธอ
ทว่าเจ้าชายคามิลหาได้พระทัยอ่อนง่ายๆ ไม่ เพราะพระองค์ตั้งพระทัยแล้วว่าจะสั่งสอนผู้หญิงหิวเงินอย่างฐิติรดาให้หลาบจำว่าอย่าคิดมาเกาะพระบิดาของพระองค์เป็นอันขาด
“อย่าขอร้องเลยน้ำอิง ยังไงๆ เราก็ไม่ปล่อยเจ้าไปแน่”
“ฉันไม่รู้จักแก ไม่เคยทำอะไรแกเลย แล้วแกจะมาจับฉันทำไมกัน”
ฐิติรดายังมืดแปด นึกไม่ออกว่าตนเองไปทำอะไรไว้ ชายคนนี้ถึงได้แสดงท่าทีรังเกียจและเคียดแค้นต่อเธอเหลือเกิน
เจ้าชายคามิลกวาดดวงเนตรมองฐิติรดาตั้งแต่หัวจรดเท้า ด้วยแววตาที่เผยให้เห็นเปลวไฟแห่งความปรารถนาอย่างชัดเจน ฐิติรดาสวยเซ็กซี่ หอมละมุนละไมน่ากลืนกินไปทั้งเนื้อทั้งตัวแบบนี้นี่เอง พระบิดาของพระองค์ถึงหลงใหลเธอและยอมทุมเงินตั้งยี่สิบล้าน เพื่อให้ได้ตัวเธอมา
“เจ้าไม่รู้จักเราก็ไม่เป็นไร ขอแค่ให้จำไว้ว่าเรากำลังจะเป็นสามีของเจ้าก็พอแล้ว”
ราชนิกุลหนุ่มยิ้มเยาะ พลางตอบสุรเสียงเข้ม ยิ่งได้ทะเลาะกับฐิติรดาก็ยิ่งนึกสนุก เพิ่มสีสันให้กับพระองค์อย่างไม่เคยมีอิสตรีใดทำมาก่อน
“แกไม่ใช่สามีของฉัน คนที่ฉันจะแต่งงานด้วยคือท่านชีคอัลซาร์เท่านั้น”
“รู้สึกว่าอยากแต่งงานกับคนแก่จนตัวสั่นเลยนะน้ำอิง”
เจ้าชายคามิลเหน็บแนมสุรเสียงลอดไรฟัน คำพูดของฐิติรดาที่บ่งบอกให้รู้ว่าอยากแต่งงานกับพระบิดาของพระองค์เหลือเกิน ยิ่งทำให้พระองค์เข้าใจผิด คิดว่าหญิงสาวเป็นจำพวกเหลือบไร ที่คอยหลอกเงินคนแก่จนหมดตัว
“ถามจริงๆ เถอะน้ำอิง ถ้าชีคอัลซาร์ ไม่มีเงินทองให้เจ้าใช้แม้แต่แดงเดียว และหากชีคอัลซาร์ ไม่ซื้อตัวเจ้าด้วยเงินถึงยี่สิบล้าน เจ้าจะแต่งงานกับชีคอัลซาร์ไหม”
“แต่งหรือไม่แต่ง มันก็เรื่องของฉัน แกมาเกี่ยวข้องอะไรด้วย” ฐิติรดาตวาดกลับ แล้วจู่ๆ ก็หลุดปากเอ่ยถามแทงใจดำคนที่กดกายทาบทับเธออยู่
“อ๋อ...ฉันรู้แล้ว ที่แกจับฉันมา เพราะอิจฉาริษยาท่านชีคอัลซาร์ใช่ไหม ท่านชีครวยกว่าแกซึ่งเป็นแค่องครักษ์รับใช้พระองค์เท่านั้น และที่สำคัญแกอิจฉาที่ท่านชีคมีเมียเด็กและสวยอย่างฉัน”
“ฮึ! หลงตัวเองซะไม่มีน้ำอิง” เจ้าชายคามิลทรงตรัสเยาะอยู่ในลำคอทันทีที่ฐิติรดาพูดจบ
“หรือไม่จริง แกอิจฉาที่ท่านชีคมีเมียเด็ก ในขณะที่แกไม่มีใครเลย แกก็เลยจับฉันมาใช่ไหม”
เจ้าชายคามิลอึ้งไปชั่วขณะกับคำพูดในประโยคแรกของฐิติรดา ทรงยอมรับว่าตอนเห็นฐิติรดาครั้งแรก พระองค์รู้สึกอิจฉาพระบิดาจับใจ ที่กำลังจะมีเมียสวยเซ็กซี่ น่าชวนให้โรมรันไฟรักด้วยในทุกนาที แต่ตอนนี้พระองค์ไม่จำเป็นต้องอิจฉาพระบิดาแล้ว เพราะในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า พระองค์จะครองครองหญิงสาวผู้นี้ให้เป็นของพระองค์ แม้ต้องหักหาญน้ำใจของฐิติรดา พระองค์ก็ยอม!
“ใครบอกเจ้าเล่าว่าเราไม่มีใครเลย รูปหล่อพ่อรวยซะขนาดนี้ มีผู้หญิงเป็นสิบเป็นร้อย ที่อยากวิ่งมาซบอกของเรา”