“เชอะ! หลงตัวเองซะไม่มี” ฐิติรดาทำเสียงเยาะ ยืมคำพูดของอีกฝ่ายที่ว่าเธอในก่อนหน้านี้มาใช้บ้าง
เจ้าชายคามิลหัวเราะร่วน กับคำเหน็บแนมที่ฐิติรดาเลียนคำพูดของพระองค์ในก่อนหน้านี้ พระองค์ยื่นนิ้วพระหัตถ์ไล้หนักหน่วงตามกลีบเรียวปากอิ่มแดงระเรื่อ พร้อมกับตรัสชมเสียงสั่นพร่า
“ชักจะปากจัดอีกแล้ว สงสัยเมื่อสักครู่เราล้างปากเจ้าไม่หมด คราวนี้เห็นทีว่าจะต้องทำการล้างปากให้นานๆ ซะหน่อยแล้ว”
“อย่านะ”
ฐิติรดาร้องห้ามเสียงหลง พอพระพักตร์หล่อเหลาก้มลงต่ำหมายจะบดขยี้จุมพิตเหมือนที่ผ่านมา ก็กัดเม้มเรียวปากตัวเองไว้แน่น พร้อมกับเบือนหน้าหนีทันที ทำให้พระโอษฐ์ร้อนผะผ่าว ซึ่งหมายจะกดจุมพิตเร่าร้อนต้องเปลี่ยนมาเป็นกดจูบแถวปลายคางมนแทน
กระนั้นก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับนักรักระดับปรมาจารย์อย่างเจ้าชายคามิล เมื่อเป้าหมายแรกพลาดท่าไปแล้ว ก็ไม่นึกเสียดาย เพราะผิวกายของฐิติรดาหวานหอมละมุนจรุงใจในทุกตารางนิ้ว
“เบือนหน้าหนีแบบนี้คิดว่าจะรอดหรือน้ำอิง ยังไงๆ เราก็จะจูบล้างปากเจ้าจนได้นั่นแหละ”
เจ้าชายคามิลทรงทำให้ฐิติรดาเห็นประจักษ์แจ้งตามคำพูดของพระองค์ เมื่อฐิติรดาเบือนหน้าหนีไม่ให้พระองค์ตักตวงความหวานฉ่ำจากเรียวปากอิ่ม พระองค์ก็เลื่อนโอษฐ์ร้อนผ่าว ไล้ปลายลิ้นนุ่มมาตามคางมน ซุกไซ้พระนาสิกและพระโอษฐ์ตามลำคอระหงหอมละมุน พอเลื่อนมาตรงแอ่งชีพจร ก็กดจูบดูดดื่มพร้อมกับกัดลงไปเบาๆ จนฐิติรดาสะดุ้งเฮือก หลุดเสียงครางออกมาเบาๆ
และดูเหมือนการทรมานคนใต้พระวรกายเพียงเท่านี้ยังไม่พอ พระองค์สอดปลายนิ้วทั้งสิบเข้าไปกอบกุมเคล้นคลึงทั่วปทุมอิ่ม ที่อยากสัมผัสแตะต้องตั้งแต่แรกเห็น ดอกบัวปริ่มน้ำเต็งตึงช่างกลมกลึงนุ่มเนียน สร้างความรัญจวนใจให้กับพระองค์ยิ่งนัก แค่เพียงได้สัมผัสฟอนเฟ้นรู้สึกว่าจะไม่เพียงพอแล้ว พระองค์อยากพรมจุมพิตไปให้ทั่วปทุมอิ่มคู่นี้ ที่พระองค์ชักจะติดใจขึ้นมาทุกขณะ
ฐิติรดาไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรไป แทนที่จะผลักไสขัดขืน หญิงสาวกลับบิดตัวด้วยความเสียวซ่าน เสียงครางเพราะความรัญจวนวาบหวาม ที่พยายามกักเก็บไว้ก็เผลอไผลครวญครางออกมาให้อีกฝ่ายได้ยินจนได้
“ครางกระเส่า กระแซะกายเสียดสีแบบนี้ ดูท่าว่าเจ้าจะชื่นชอบบทรักของเราซะเหลือเกินนะน้ำอิง เอาไว้อยู่บนเตียงหนานุ่ม เราจะสนองเจ้าเอาให้สำลักไปตามๆ กัน”
เจ้าชายคามิลเยาะหยัน ขณะเลื่อนพระโอษฐ์ลงต่ำมากดจูบดูดดื่มอยู่เหนือปทุมถัน พอตรัสออกไปแล้วก็นึกก่นด่าองค์เองอยู่ในพระทัย เพราะคำพูดของพระองค์ช่วยให้ฐิติรดาหลุดพ้นจากบ่วงพิศวาสอันเร่าร้อน
จากในตอนแรกหญิงสาวนอนบิดกายครางกระเส่าให้พระองค์จูบง่ายๆ แต่ตอนนี้ร่างอรชรกลับดิ้นรนผลักไสพระองค์อย่างเต็มที่ แถมยังร้องกรี๊ดตะเบ่งเสียงด่าจนพระองค์แสบแก้วหูไปหมด
“กรี๊ดดด!! ไอ้บ้า ไอ้คนเลว ไอ้คนกักขฬะ อย่าให้เป็นทีของฉันบ้างนะ ไม่งั้นฉันจะเฉือนไอ้นั่นของแกให้อีแร้งมันกิน”
“โอ้...ขู่ได้น่ากลัวซะจริงๆ แต่เรื่องอะไรจะให้เจ้าเฉือนของดีทิ้งล่ะ สู้เก็บไว้มอบความสุข ทำให้เจ้าร้องเสียงกระเส่าไม่ดีกว่าหรือน้ำอิง”
“ไอ้ลามก ฉันจะฆ่าแก ฉันจะบอกให้ท่านชีคอัลซาร์จับแกไปแขวนคอ”
ฐิติรดาขู่ฟ่อ เพราะคิดว่าชายร่างยักษ์ที่ลักพาตัวเธอมาเป็นแค่องครักษ์ ตามที่อีกฝ่ายบอกไว้ หญิงสาวจึงพยายามยกชื่อของประมุขแห่งแผ่นดินอาคาเรียมาข่มขู่ให้อีกฝ่ายหวาดกลัวและปล่อยเธอไป แต่องครักษ์จอมปลอมผู้นี้กลับหัวเราะร่วนไม่ต่างจากได้ฟังเรื่องตลกขบขำ
“เจ้าขู่ได้น่ากลัวซะจริงๆ แต่คงต้องรอให้น้ำท่วมหลังเป็ดก่อนนะน้ำอิง ท่านชีคอัลซาร์ถึงจะจับเราไปแขวนคอตามที่เจ้าขู่ฟ่อ”
ฐิติรดาหรี่ดวงตามองบุรุษผู้หล่อเหลา ทว่าปากจัดและมือไวไม่มีใครเกิน นึกสงสัยอยู่ในใจว่าชายผู้นี้ใหญ่โตมาจากไหน ถึงไม่หวาดกลัวอำนาจของท่านชีคอัลซาร์แม้แต่น้อย
“แกเป็นใครกันแน่ บอกมานะไอ้คนถ่อย”
“คำก็คนเลว สองคำก็คนถ่อย เจ้าไว้น้ำอิง ว่าคนเลวคนนี้จะทำให้เธอครวญคราง มีความสุขจนลืมผู้ชายคนที่ผ่านๆ มา”
“ฉันไม่มีทางเป็นอย่างที่แกพูดแน่”
ฐิติรดาตวาดกลับ พยายามไม่มอบสบตากับอีกฝ่าย ด้วยเกรงว่าบุรุษหนุ่มผู้คมเข้ม จะอ่านใจเธอออกว่าเธอกำลังรู้สึกเช่นไร เพราะแค่เพียงถ้อยคำที่ลั่นวาจาออกมา ก็ทำเอาเธอใจสั่นรัวเร็วจนนึกก่นด่าตัวเองว่ากำลังเป็นบ้าไปแล้ว ที่หลงอยู่ในบ่วงพิศวาสของอีกฝ่ายทั้งๆ ที่มันไม่ควรจะเป็นเช่นนี้ด้วยซ้ำไป
เจ้าชายคามิลยิ้มเยาะตรงมุมโอษฐ์ ก่อนจะตรัสท้าทายฐิติรดา ซึ่งยังคงถูกพระวรกายล่ำสันของพระองค์กดให้นอนนิ่งอยู่บนเบาะรถเช่นเดิม
“พนันกันไหมล่ะน้ำอิง ว่าเจ้าจะต้องร้องครางตั้งแต่วินาทีแรก เมื่อเราเริ่มพาเจ้าโรมรันไฟสวาท!”
“ฉันไม่พนันอะไรกับแกทั้งนั้น ปล่อยฉันได้แล้วจะมาจับฉันทำไม หรือว่าแกจับฉันไปเรียกค่าไถ่ แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าแกต้องเหนื่อยเปล่าแน่ที่จับฉันมา เพราะฉันไม่มีเงินให้แกแม้แต่แดงเดียว”
ฐิติรดาถามเองตอบเอง คาดเดาไปต่างๆ นานา ถึงสาเหตุที่ทำให้บุรุษชาติคนนี้ ต้องลักพาตัวเธอมาอย่างอุอาจจากสนามบิน
“เงินนะเราไม่ต้องการหรอกน้ำอิง เพราะเท่าที่มีอยู่ก็ใช้ไม่หมดอยู่แล้ว แต่ที่เราจับเจ้ามาเพราะไม่อยากให้เจ้าทำตัวเป็นทากคอยดูดเลือดสูบเงินจากชีคอัลซาร์ต่างหาก และสิ่งที่เราต้องการจากเจ้าหาใช่เงินทองของนอกกายไม่”
“แกต้องการอะไร” ฐิติรดาตะโกนถามเสียงหวาดหวั่น ทั้งๆ ที่พอจะรู้คำตอบดีอยู่แล้ว
“ต้องให้ตอบด้วยหรือน้ำอิง ว่าเราต้องการอะไรจากเจ้า”
“ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะนะ หากแกปล่อยฉันไป ฉันสัญญาว่าจะไม่เอาเรื่องแกแน่นอน”
ฐิติรดาลองอ้อนวอนอีกครั้ง เผื่อว่ามันจะได้ผลขึ้นมาบ้าง