ในขณะที่เจ้าชายคามิลเตรียมการต้อนรับว่าที่เจ้าสาวของพระบิดาเป็นอย่างดี แต่คนที่กำลังถูกจับยัดเยียดให้แต่งงานกับเจ้าบ่าวรุ่นราวคราวพ่อ กลับไม่รู้ตัวแม้แต่นิดเดียว
ฐิติรดา จิตรทิวา หรือน้ำอิง เจ้าของร่างบางอรชรอ้อนแอ้น เรียวปากอิ่มแดงระเรื่อรูปกระชับ ดวงตากลมโตดำขลับ ภายใต้แผขนตายาวงามงอนรับกันได้ดีกับใบหน้าสวยคมรูปไข่ กำลังก้าวเข้ามาภายในบ้านด้วยท่าทีเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้า กับการทำงานเป็นสาวออฟฟิศ ซึ่งถูกเจ้านายใช้งานจนเกือบคุ้มเงินเดือนที่ได้รับในแต่ละเดือน
นอกจากจะเหน็ดเหนื่อยกับการทำงานในแต่ละวันแล้ว ฐิติรดายังต้องเหนื่อยกับการเดินทางที่ต้องเผชิญกับปัญหารถติดแบบที่เรียกว่ามหากาฬ ยิ่งวันนี้ฝนตกหนักในช่วงหัวค่ำด้วย ยิ่งทำให้รถติดกว่าทุกๆ วัน กว่าจะเดินทางกลับมาถึงบ้านได้ก็ปาไปเกือบสี่ทุ่มแล้ว
และเมื่อเข้ามาในห้องนั่งเล่นภายในบริเวณบ้าน แบบบ้านเดี่ยวหลังเล็กๆ อันมีพื้นที่ใช้สอยแบบจำกัด ก็เห็นมารดานั่งตีหน้าตูมอยู่บนโซฟาสีซีด เพราะถูกใช้งานมานานหลายปีแล้ว
“คุณแม่ ยังไม่นอนอีกหรือคะ”
ฐิติรดาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา พลางทิ้งกายลงนั่งบนโซฟาฝั่งตรงข้ามกับมารดา พอเหลือบสายตาเห็นสีหน้าบอกบุญไม่รับ ก็พยายามคลี่ยิ้มหวานให้มารดา เผื่อว่าจะช่วยให้ท่านอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง
ทว่ารอยยิ้มหวานๆ ของผู้เป็นลูกสาว ไม่ได้ทำให้ผู้เป็นมารดาอย่างคุณธาวินีอารมณ์ดีขึ้นไม่ นางจ้องมองลูกสาวคนเดียวเขม็ง และแทนที่จะไถ่ถามลูกสาวด้วยความห่วงใย นางกลับตะคอกถามเสียงห้วนจัด
“ฉันนั่งรอแกเป็นชั่วโมงๆ ทำไมถึงกลับเอาป่านนี้”
“เมื่อตอนหัวค่ำฝนตกหนัก ทำให้รถติดมากเลยค่ะคุณแม่ กว่าน้ำอิงจะขับรถออกมาจากที่ทำงานได้ ก็ปาไปร่วมชั่วโมงแล้วค่ะ”
ขณะเอ่ยตอบ ฐิติรดาก็หยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับคราบมันออกจากใบหน้าด้วยท่าทางอ่อนล้า อยากขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าล้มตัวลงนอน แต่ก็ติดตรงสายตาที่กำลังจ้องมองเขม็งของมารดา เลยทำให้ลุกหนีไปไหนไม่ได้สักที
และพอได้ยินเสียงตวาดดังลั่นของมารดา ฐิติรดาก็ต้องหน้าถอดสีเผือดในทันที
“แกไม่ต้องมาอ้างเรื่องฝนตก! ที่นี่ไม่มีห่าฝนตกลงมาแม้แต่เม็ดเดียว แกมัวแต่ไปเที่ยวเสวยสุขกับผัวของแก แล้วเอาเรื่องรถติด เอาเรื่องฝนตกมาอ้างกับฉันใช่ไหม”
“คุณแม่!”
ฐิติรดาหน้าถอดสี หลุดเสียงครางออกมาด้วยความตกใจ ไม่นึกว่ามารดาจะต่อว่าเธอด้วยถ้อยคำที่รุนแรงเช่นนี้
“น้ำอิงกับคุณติณภพเป็นแค่เพื่อนสนิทกันเท่านั้นนะคะ และน้ำอิงก็ไม่เคยทำอะไรเกินเลยด้วย ที่น้ำอิงกลับบ้านช้าก็เพราะว่ารถติดจริงๆ ค่ะ”
“ฮึ! แกไม่ต้องมาแก้ตัวหรอกนังน้ำอิง ต่อให้อมพระมาพูดฉันก็ไม่เชื่อแกเป็นอันขาด ชายกับหญิง พออยู่ด้วยกันก็ไม่ต่างจากน้ำมันกับไฟ จะลุกพรึบกระสั่นเข้าหากันเมื่อไรก็ได้ทั้งนั้น”
คุณธาวินียังคงเค้นเสียงต่อว่าลูกสาวต่อ ตอนนี้นางกำลังอารมณ์เสีย เพราะเสียเงินในบ่อนเป็นจำนวนมากโข พอมองไปทางไหนก็รู้สึกขัดหูขัดตาไปเสียหมด
ฐิติรดากลืนความเสียใจเข้าสู่ลำคออันแห้งผากเป็นผง พยายามกะพริบตาถี่ๆ ติดกันหลายๆ ครั้ง เพื่อไล่หยาดตาให้ไหลย้อนกลับ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีต่อกี่ปี มารดาก็ไม่เคยมองเธอในแง่ดีเลย
“ถ้าคุณแม่ไม่เชื่อที่น้ำอิงพูดไปก็ไม่เป็นไรค่ะ ถ้างั้นน้ำอิงขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ น้ำอิงเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว อยากไปพักผ่อนเร็วๆ นะคะ”
“เดี๋ยว! แกจะไปไหนยังไม่ได้ทั้งนั้น ฉันยังไม่ได้คุยธุระสำคัญกับแก” คุณธาวินีตวาดดังลั่น พร้อมกับชี้นิ้วสั่งให้ลูกสาวนั่งลงตามเดิม
“นั่งลงนังน้ำอิง แกจะไปพักผ่อนได้ก็ต่อเมื่อฉันคุยธุระกับแกจบแล้วเท่านั้น”
ฐิติรดาถอนหายใจยาว จากที่ทำท่าจะลุกเดินไปยังห้องนอนของตนเอง แต่พอเจอน้ำเสียงดุๆ กอปรกับดวงตาที่จ้องมองเขม็ง บ่งบอกให้รู้ว่าเธอคงไม่ได้พบกับความสงบแน่ หากไม่อยู่คุยกับท่านให้รู้เรื่องก่อน จึงจำต้องหย่อนกายนั่งลงบนโซฟาอีกครั้ง
“คุณแม่มีเรื่องอะไรจะคุยกับน้ำอิงหรือคะ ถ้าเป็นเกี่ยวกับเรื่องเงิน น้ำอิงขอบอกไว้ก่อนนะคะว่าเดือนนี้น้ำอิงไม่มีให้คุณแม่แล้ว ที่เหลืออยู่ตอนนี้น้ำอิงมีแค่พอใช้ไปจนถึงสิ้นเดือนเท่านั้น”
ฐิติรดารีบดักคอมารดาไว้ก่อน รู้ว่าเรื่องสำคัญของมารดาคงไม่พ้นเรื่องเงินอย่างแน่นอน และยิ่งสังเกตจากสีหน้าของมารดา ก็ยิ่งมั่นใจว่ามารดาต้องการพูดกับเธอเรื่องเงินอย่างแน่นอน
คุณธาวินีถลึงตามองด้วยความโกรธ เมื่อคนที่นางไม่เคยคิดว่าเป็นลูกสาวของนางเลย รีบเอ่ยดักคอในเรื่องที่นางกำลังต้องการพูดในตอนนี้
“ฉันต้องการพูดกับแกเรื่องเงิน! ฉันอยากขอเงินเพิ่มอีกสองหมื่น!”
“สองหมื่น!”
ผู้เป็นลูกสาวเบิกตากว้าง ตะโกนทวนคำเสียงสูง แทบจะร้องไห้ออกมาให้ได้ กับจำนวนเงินที่มารดามาเค้นเอาไปจากเธอ
“น้ำอิงมีเงินติดตัวไม่ถึงห้าพัน และนี่ก็เพิ่งจะต้นเดือนเท่านั้นเอง ทำไมคุณแม่ใช้เงินหมดเร็วจังเลยล่ะคะ”
ฐิติรดาท้วงติงมารดาเบาๆ และคำพูดของเธอ ก็ทำให้มารดาไม่พอใจเอาอย่างมาก จนต้องแผดเสียงตะโกนด่าดังลั่นบ้าน
“นังน้ำอิง! แกคิดว่าเศษเงินที่แกหยิบยื่นให้ฉันในแต่ละเดือน มันพอใช้หรือยังไง ฉันเข้าร้านทำผม ทำเล็บแค่ไม่กี่ครั้งก็หมดแล้ว และตอนนี้ฉันก็ใช้หมดแล้วด้วย ฉันต้องการเพิ่มอีกสองหมื่น ได้ยินไหมนังน้ำอิง”
ฐิติรดากัดเม้มริมฝีปากแน่น ดวงตากลมโตแดงก่ำ พยายามกล้ำกลืนก้อนสะอื้นไว้ข้างใน ก่อนจะเอ่ยพูดต่อด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“เศษเงินที่คุณแม่ว่า มันเป็นเงินหนึ่งหมื่นห้าพันบาทต่อเดือนนะคะ น้ำอิงให้เงินเดือนคุณแม่ไว้ใช้ มากกว่าที่น้ำอิงเก็บไว้ใช้เองด้วยซ้ำไปค่ะ”