Chapter 7 ลูกสาวสุดที่รัก

1600 Words
“อั๊ก! โอ้ย!” เสียงกระแทกของตัวเธอเกิดขึ้นพร้อมกับหญิงสาวร้องออกมาอย่างเจ็บปวด แม็กซี่เดรสพลีทยาวแบรนด์ดังจากมิลาน ดีเทลเนื้อผ้าชีฟองเกรดพรีเมี่ยมพริ้วสัมผัสนุ่มลื่น ตัดเว้าแขนลึกเซ็กซี่ กระโปรงจีบพลีทเล็กอัดกลีบรีดเรียบอย่างดี เพิ่มความเซ็กซี่ด้วยการผ่าแหวกสูงด้านข้าง ถูกออกแบบจากการไล่สีชุดเป็นสีดำช่วงบนและไล่ความเข้มสลับด้านล่างตอนนี้ดูไม่จืด เมื่อผ้าเนื้อดีถูกฝุ่นสีแดงคลุกรวมจนแยกไม่ออก พอเหลือบหางตาลงมองข้อเท้าที่เจ็บมิราก็เห็นส้นรองเท้าของเธอหักเป็นสองชิ้น หญิงสาวลืมอาการเจ็บที่สะโพก รีบถอดรองเท้าของตัวเองขึ้นมากอดแนบอก ร้องไห้ออกมาอย่างลืมตัว “Oh Private Number 120 My Daughter! My Darling!...” ไพรเวทนัมเบอร์ที่หลุดออกมาจากปากของหญิงสาวเป็นชื่อรุ่นของรองเท้ารองเท้าคู่นี้เป็นรองเท้าคู่โปรดของเธอ แบรนด์หรูจาก Christian Louboutin รองเท้าสีครีมมันวาวตัดกับพื้นสีแดง ดีไซน์ที่ดูปราดเปรียวดูเซ็กซี่ส้นรองเท้าเป็นส้นเข็มสีขาวความสูงสิบสองเซนติเมตร มิราไม่สนใจอาการเจ็บของตัวเองแม้แต่นิด ทั้งที่โดนกระแทกอย่างแรงข้อเท้าแพลง แต่เธอกลับประคองรองเท้าไว้แนบอกในขณะที่น้ำตาก็ไหลนองอาบแก้ม คนตัวโตที่เดินขึ้นรถไปก่อนแปลกใจที่มองผ่านกระจกไม่เห็นเธอจึงย้อนกลับลงมาดูอีกครั้ง ปถวีเท้าสะเอวยืนมองหญิงสาวอย่างแปลกใจ เขาแอบซ่อนยิ้มขำกับสภาพดูไม่จืดของเธอ พยายามมองหาอาการบาดเจ็บของเธอ เพราะแปลกใจที่หญิงสาวยกมือกอดอกเอาไว้ แต่ยิ่งเพ่งมองเขาก็คิดได้ว่าเธอไม่น่าจะบาดเจ็บตรงส่วนบน แต่ก็ยังไม่คลายความสงสัย เป็นนานกว่าที่เขาจะตัดสินใจแทรกจังหวะอารมณ์เสียใจของเธอ “คุณร้องไห้ทำไม เจ็บตรงไหนหรือเปล่า” ชายหนุ่มถามขึ้น “พูดจากับเจ้านายให้มันมีหางเสียงด้วย” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมาแหวใส่ชายหนุ่ม ทั้งที่น้ำตายังนองอาบสองแก้ม มือของเธอยังกอดรองเท้าแนบไว้ที่อก “คร้าบ...คุณผู้หญิง คุณผู้หญิงเจ็บตรงไหนบ้าง ขาหักหรือเปล่า ผมเห็นคุณร้องไห้” หญิงสาวสะอื้นหนักปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อาย “ฮือๆๆ...” ชายหนุ่มเริ่มหน้าเสีย เพราะเธอไม่ยอมขยับเขยื้อน เอาแต่ก้มร้องไห้อยู่อย่างนั้น เขาน้อมศีรษะต่ำลงให้อยู่ในระดับสายตาของเธอที่ นั่งอยู่ “ให้ผมช่วยอะไรไหมครับ” ชายหนุ่มบอกเสียงสุภาพ ยื่นมือส่งไปรับหญิงสาว หากแต่แววตาของเขายังเป็นประกายล้อเลียน “อย่าเอามือสกปรกของนายมาแตะต้องตัวฉัน” “อ้าว!” ชายหนุ่มชักมือกลับและย่อตัวลงนั่งยองๆ ตรงหน้าเธอ “ผมก็แค่กลัวว่าคุณจะขาหักและขยับตัวไม่ได้ อยู่กันสองคนอย่างนี้ให้ผมช่วยนะ” ชายหนุ่มบอกอย่างสุภาพ มิรายื่นรองเท้าที่ส้นหักไปตรงหน้าของชายหนุ่ม ระยะของมันแทบจะชนปลายจมูกโด่งของเขา พอๆ กับตัวรองเท้าที่ขนาบไปกับใบหน้าคม ชายหนุ่มรีบดันตัวไปข้างหลังก่อนที่รองเท้าสีครีมมันวาวจะชนเข้ากับใบหน้าของตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เฉียดปลายจมูกของเขาไปเพียงแค่นิดเดียว “อะไรของคุณเนี่ย” ชายหนุ่มร้องถามยังตกใจ ลืมหางเสียงที่หญิงสาวขึ้นต่อว่าไปเมื่อครู่ “ส้นรองเท้าฉันหัก คู่โปรดลูกรักด้วย” หญิงสาวตอบกลับเสียงดังในขณะที่ดวงหน้าของเธอยังเปียกชื้นไปด้วยคราบน้ำตา ชายหนุ่มยิ้มขัน มองหญิงสาวอย่างระอา เมื่อรู้ว่าหญิงสาวไม่ได้เป็นอะไรเขาก็ดันตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก้มหน้าลงมาบอกเธอ “ถ้าคุณยังเสียใจไม่พอ อยากจะนั่งอาลัยอาวรณ์รองเท้าบ้าๆ นี้ต่อจนถึงมืดก็ไม่เป็นไร งั้นคนงานต่างด้าวอย่างผมก็ไปเปิดแอร์นั่งรอในรถ” ปถวีบอกเป็นภาษาพม่าสลับไทยพร้อมกับลุกขึ้นแล้วเดินหันหลังกลับไปโดยไม่สนใจหญิงสาวอีก “อีบ้า! แล้วฉันจะลุกขึ้นยังไง” หญิงสาวแหวเสียงดังลั่นตามหลัง ปถวีไม่สนใจอาการของนายจ้างในตำแหน่งปัจจุบันของเขาสักนิด เมื่อเห็นมารยาทและนิสัยอย่างนี้ของหลานสาวผู้มีพระคุณ เขาก็รู้สึกเห็นใจเจ้าสัวปราณอย่างมาก จากตอนแรกที่ได้รับการขอร้องไห้ช่วยเขาไม่คิดจะยุ่งและทำตามข้อเสนอของเจ้าสัวจนถึงวินาทีสุดท้าย แต่ตอนนี้เขากลับอยากดัดนิสัยผู้หญิงคนนี้เสียเอง “ผู้หญิงนิสัยอย่างนี้ยังมีหลงเหลืออยู่ในโลกอีกหรือเนี่ย ผู้หญิงอะไรไม่มีความน่ารักสักนิด” ชายหนุ่มบอกกับตัวเองเบาๆ หลังจากที่เข้าไปนั่งในรถและปิดประตูลง เขายกมือประสานที่ท้ายทอยของตัวเอง ทิ้งศีรษะพิงพนักอย่างอ่อนใจ ในขณะที่สายตาคงจ้องอยู่ที่กระจกมองปฏิกิริยาและการเคลื่อนไหวของหญิงสาวเป็นระยะ หญิงสาวขยับตัวลุกขึ้นหลังจากที่เธอตัดใจได้บ้าง เธอเพิ่งสังเกตว่าตัวเองมีอาการเจ็บที่สะโพกและข้อเท้าหลังจากที่ได้ขยับและเดิน หญิงสาวเดินเขย่งมาจนถึงประตูรถตู้ ชายหนุ่มเอี้ยวตัวหันกลับมามองในจังหวะที่หญิงสาวเปิดประตูพอดี แต่เขาเลือกที่จะหันกลับไปสนใจหน้าที่ของตัวเองโดยที่ไม่ถามหญิงสาว ออกรถและขับไปเงียบๆ จนรถเลื่อนเข้าสู่อาณาจักรเหมืองปราณปุรา เนินเขาลูกเตี้ยๆ สลับกันปกคลุมด้วยสีเขียวของต้นไม้ จากที่เมื่อก่อนเป็นเหมือนดินสีน้ำตาลแดง ถึงเวลาจะล่วงเลยมาสิบปีกว่าปีแล้วก็ตาม แต่เรื่องราวที่ยังคงอยู่ในความทรงจำฝังใจของมิราไม่เสื่อมคลาย ภาพของครอบครัวที่ถูกเหมืองดินถล่มทับ ความโกลาหลที่เกิดขึ้นกับข่าวร้ายที่สุดในชีวิตของเธอ ภาพความกันดารยากลำบากของสภาพภูมิประเทศดินแดนแห่งทะเลขุนเขา ภาพของปู่ พ่อแม่ในพื้นที่แห่งนี้ค่อยๆ ผุดขึ้นมา มันยังอยู่ในความทรงจำไม่เสื่อมคลาย น้ำตาของหญิงสาวไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัวอีกครั้ง ตอนนี้เธอได้กลับเข้ามาสู่อ้อมกอดของคนที่เธอรัก เป็นครั้งแรกของการกลับมา หญิงสาวกวาดสายตามองรอบๆ ซึมซับความรู้สึกรักที่โอบล้อมอยู่ในตัว ราวกับบุคคลที่เธอรักมาโอบกอดต้อนรับเธอ ‘คุณปู่คะ พ่อคะ แม่คะ มิรากลับมาแล้วนะคะ มิราจะไม่ยอมให้พื้นที่แห่งความทรงจำของเราตกไปอยู่ในมือของใคร มิราจะทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะรักษาผืนดินผืนนี้เอาไว้ มิราสัญญาค่ะ’ หญิงสาวบอกเสียงแผ่วในหัวใจ เธอพยายามทำใจให้เข้มแข็งแม้ว่าตอนนี้มันกำลังสั่นสะท้านราวกำลังจะขาดใจก็ตาม เมื่อก่อนเธออาจจะมีปู่เล็กเป็นที่พึ่งพิงยามเหนื่อยล้า แต่ตอนนี้เหมือนเธอหลงเหลืออยู่ตัวคนเดียวในโลก แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เธอจะกัดฟันสู้ ดวงตาคมกริบของชายหนุ่มมองผ่านกระจกหน้ารถกลับมาที่หญิงสาวที่นั่งอยู่เบาะหลัง เมื่อเห็นว่าหญิงสาวยังร้องไห้ไม่หยุด เขาก็ยิ่งรู้สึกไม่ชอบมิราเข้าไปอีก เพราะคิดว่าเธอยังคงเสียใจที่ส้นรองเท้าหัก เขายิ้มเยาะที่มุมปากอย่างเหยียดหยัน ‘ผู้หญิงอย่างเธอจะสามารถรักษาผืนแผ่นดินที่เจ้าสัวรักเอาไว้ได้ยังไงกันนะมิรา เธอไม่ เหมาะกับที่นี่สักนิด’ ฟาร์มปราณปุราในปัจจุบันหรืออดีตเหมืองปราณปุรา เหมืองแร่เก่าแก่ในอดีตที่เคยเฟื่องฟูและใหญ่ที่สุดในแถบนี้ หลังจากองค์การเหมืองแร่เปิดให้สัมปทานแก่นักลงทุนเอกชน จนทำให้มีเหมืองแร่เกิดขึ้นมากมาย ทั้งเหมืองขนาดเล็กและใหญ่ รวมถึงเหมืองเถื่อน และการแอบลอบขุดนำไปขายของชาวบ้าน เมื่อครั้งที่ผืนดินแห่งนี้เต็มไปด้วยแร่ที่มีค่า เป็นขุมทองของนักแสวงโชคจากทั่วทุกสารทิศ ซึ่งจำนวนนั้นมีก็ชาวพม่าอพยพเข้ามาหาแร่วุลแฟรม และดีบุก เพื่อนำไปขายต่อให้กับทหารอังกฤษ ช่วงยุคทองของการค้าแร่ ถือได้ว่ารุ่งเรืองมาก จนครั้งหนึ่งที่นี่กลายเป็นแหล่งผลิตดีบุกที่สำคัญของโลก จนเมื่อมิราอายุสองขวบความรุ่งโรจน์ของการขุดแร่แผ่วเบาลง หลังจากจีนปล่อยดีบุกจำนวนมากออกขายในราคาถูก ราคาแร่ดีบุกจึงเข้าสู่วิกฤตการณ์เลวร้าย ตกต่ำอย่างรุนแรง ทั้งยังมีเทคโลยีการผลิตพลาสติกเข้ามาแทน ทำให้การใช้ดีบุกยิ่งลดลง เหมืองแร่ดีบุกในประเทศไทยจึงต้องทยอยปิดตัวลงบ้าง แต่ก็ยังไม่กระทบเหมืองปราณปุรา เมื่อเหมืองทยอยปิดตัวลง หลังจากนั้นไม่กี่ปีก็มีชาวพม่าก็เบนเข็มเข้ามาลักลอบเหมืองปราณปุรามากขึ้น พวกเขาขุดอุโมงค์เพื่อเข้าไปหาแร่บนภูเขาจนกระทั่งเกิดอุโมงค์หินถล่มครั้งใหญ่ คนงานเหมืองเสียชีวิตทั้งหมดรวมทั้งปู่และพ่อแม่ของมิราด้วย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD