ล่อ ลวง หลอก4

2416 Words
จื้อซิ่งเหมี่ยนรู้สึกโกรธแต่มิใช่โกรธแค่เพียงจ้าวยวี่เสียง ทว่าความโกรธลามไปถึงเฟิ่งไห่ด้วย ครั้นจะให้นางพาลก็ย่อมไม่ดีนักในเมื่อเฟิ่งไห่เชื่อจ้าวยวี่เสียง แต่ไม่ปกป้องบุตรีของคนรักอีกทั้งยังเชื่อฟังคำสั่งเขา นางก็จะแก้เผ็ดเฟิ่งไห่บ้าง นางอยากจะรู้นักว่าเฟิ่งไห่จะแก้ตัวกับท่านแม่อย่างไร ส่วนจ้าวยวี่เสียงนางยังคิดหาหนทางแก้แค้นไม่ได้ แต่ไม่มีวันที่นางจะไม่แก้แค้น นางรอฟังข่าวราวสองชั่วยามก่อนที่ท้องฟ้าจะปิด ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูดังมาจากทางด้านนอก จื้อซิ่งเหมี่ยน ตอบรับคราหนึ่ง ทำให้มีคนกล้าเปิดประตูเข้ามา "เรื่องที่ท่านน้าสั่งสำเร็จแล้วเจ้าคะ" ฮุ่ยกวงเดินเข้ามาแจ้งเรื่องที่จื้อซิ่งเหมี่ยนสั่งการ "เรื่องที่ข้าให้เจ้าทำ ทั้งสองคนรู้เรื่องหรือไม่? " "ไม่รู้เจ้าค่ะ เพียงแต่..." "เพียงแต่อะไร? " "ผิดแผนนิดหน่อยเจ้าค่ะ คือตอนที่มีสตรีนางนั้นนำผ้าแพรสีดำมามอบให้ท่านตา ท่านยายไม่พอใจมากเดินออกจากหอไปด้านนอก ท่านตาตามไปเพื่ออธิบายแต่ไม่คิดว่าท่านยายโกรธมากจึงวิ่งหนีจน..จนตัดหน้าเกี้ยวหลังหนึ่งเจ้าค่ะ" "วิ่งตัดหน้าเกี้ยว แล้วตอนนี้ท่านยายอยู่ที่ไหน? " "ตอนนี้ท่านยายอยู่ด้านล่างของเจ้าค่ะ" นางฟังคำของฮุ่ยกวงรู้สึกวิตกขึ้นมาไม่คิดว่าการกลั่นแกล้งลุงเฟิ่งจะทำให้มารดาของตนเกิดอันตรายขึ้นมา นางรีบออกจากห้องตรงไปยังด้านล่าง เห็นมารดามีสีหน้าไม่สบายใจ ส่วนเฟิ่งไห่ที่นั่งอยู่ด้านข้างมารดาตนก็ดูจะไม่พอใจชายที่นั่งฝั่งตรงข้ามสักเท่าไหร่ นางพยายามมองชายคนดังกล่าวจากด้านหลังแต่ก็ยังไม่แน่ชัดว่าเป็นใคร "เหมี่ยนเอ๋อ!" เสียงหวานของสตรีผู้เป็นมารดาเอ่ยเรียกนาง ทำให้ชายผู้นั้นหันหน้ามาทางตน จื้อซิ่งเหมียนเห็นใบหน้าเขาก็สูดลมหายใจพร้อมปรับสีหน้าเรียบเฉย "ใต้เท้ากู้นี่เอง เหตุใดถึงมาเยือนหอคณิกาแห่งนี้ได้" นางกล่าวจบก็มายืนใกล้มารดานางพอดี "พูดราวกับเจ้ามิใช่บุตรสาวข้า" กู้ไต้ฝู่ ดูจะไม่พอใจกับคำพูดของบุตรสาวที่เกิดจากอดีตฮูหยินคนนี้นัก แต่ดูนางจะไม่ยี่หระกับน้ำเสียงและแววตาที่จ้องมองนาง "ใต้เท้ากล่าวอย่างนี้ได้อย่างไรเล่าเจ้าคะ ข้าไม่ใช่สตรีแซ่กู้ ข้าแซ่จื้อ มารดาข้าก็เช่นกัน หรือใต้เท้ากำลังเข้าใจผิดเพราะคิดว่าข้ามีใบหน้าที่คล้ายกับบุตรีของท่านจึงหลงคิดว่าข้าคือคุณหนูกู้ แต่ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้าเป็นผู้น้อยย่อมไม่ถือสา เพราะดูจากสีผมและดวงหน้าของใต้เท้า อาจเลอะเลือนไปบ้าง มีบุตรเต็มเรือนสั่งสอนให้ดูแลท่านบ้างนะเจ้าคะ เริ่มชราแล้วข้ารู้สึกเป็นห่วง" "เจ้า!" เขาโกรธมากที่ถูกบุตรสาวนอกคอกหักหน้า "เจ้าอย่าได้ทะนงตนไปนะ เป็นหญิงคณิกา เที่ยวทอดกายให้ชายได้เชยชมไม่รู้ว่าผ่านมากี่มากน้อย" จื้อซิ่งเหมี่ยนยิ้มรับใบหน้าระรื่นหากได้สลดกับคำถากถางนี้แม้แต่น้อย "ก็ดีกว่าบุรุษบางคน สกุลก็ดี ใบหน้าล่ะก็ทำให้สตรีเพ้อฝันอยากขึ้นเตียง แต่คิดว่าเส้นผมคงหนาเกินจึงดึงสันดานดิบ เที่ยวขืนใจสตรีที่เขาไม่ได้ชื่นชอบ เพียงเพื่อหวังลบล้างคำปรามาสจากบรรดาสหาย ทั้งที่รู้ว่านางมีคนรักอยู่แล้ว" ยิ่งนางเอ่ยยิ่งทำให้เขารู้สึกปวดขมับขึ้นมา เพราะบุรุษที่นางเอ่ยคือตัวเขาเอง ใช่! เขาขืนใจจื้อลี่เจียง ผู้ที่เป็นพี่สาวของฮูหยินคนปัจจุบัน แต่เขาก็รับผิดชอบโดยการแต่งนางแล้ว "แค่นั้นยังใจต่ำไม่พอ บุตรสาวที่เกิดมาจากความมักมากก็ยังไม่ใส่ใจ ยินดีให้คนรักวางยาเพื่อขับเด็กออกจากครรภ์ ดีที่เด็กหัวแข็งไม่ยอมตายง่ายๆ เมื่อเกิดมาผิวพรรณจึงผิดแผกจากผู้ให้กำเนิด ข้าน้อยไม่ทราบจริงๆ เจ้าค่ะว่าหญิงคณิกาหรือบุรุษยศขุนนางชั่วกว่ากัน" ปัง! เขามีโทสะ ใช้มือทุบโต๊ะจนทำให้คนที่อยู่ใกล้สะดุ้งตกใจรวมถึงจื้อลี่เจียงด้วย แต่อารมณ์นี้มิอาจทำให้ทั้งเฟิ่งไห่และจื้อซิ่งเหมี่ยนสะทกสะท้านได้ ตัวนางเองกลับนั่งนิ่ง มีเพียงใบหน้าและแววตาที่ยากจะเดาได้ว่านางคิดอะไร ส่วนเฟิ่งไห่เขาก็อยากจะชักดาบออกมาฟันศีรษะนี้เสีย คนรักของเขาในอดีตกลับถูกใต้เท้าตำแหน่งสูงทำตัวราวกับสุนัขแอบขโมยกินของผู้อื่น "เจ้าสอนบุตรสาวอย่างไร ถึงไม่รู้จักมีสัมมาคารวะ" เขาลุกขึ้นชี้หน้าจื้อลี่เจียง ทำให้เฟิ่งไห่ลุกขึ้นพร้อมที่จะปกป้องหากกู้ไต้ฝู่คิดที่จะลงไม้ลงมือ จื้อลี่เจียงกันมือไม่ให้เฟิ่งไห่เข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ "ข้าขอโทษใต้เท้ากู้ที่บุตรีของข้าทำให้ท่านรู้สึกเสียหน้า แต่ข้าขอถามท่านสักประโยค บุตรสาวข้าทำสิ่งใดให้ท่านเคืองโกรธหรือเจ้าคะ เพราะเท่าที่ข้านั่งฟังอย่างเงียบสงบ นางยังไม่ได้กล่าวว่าบุรุษผู้นั้นคือใคร หรือว่าใต้เท้าเคยเป็นเช่นบุรุษผู้นั้น? " นางนิ่งเป็นนานและคิดว่าจะไม่เปิดปาก แต่เมื่อได้เอ่ยออกมาเหมือนยิ่งย้ำคำของจื้อซิ่งเหมี่ยน "เลว!เลวทั้งแม่และลูก ดี! ข้าคิดไม่ผิดที่หย่ากับเจ้า" "เจ้าค่ะ ท่านไม่ผิดที่หย่ากับข้า แต่ฮูหยินท่านคิดผิดที่ปล่อยให้เราสองแม่ลูกรอดมาได้ วันนี้ใต้เท้ากู้มาเยือนถึงหอข้า วันหน้าข้าขออนุญาตข้ามธรณีประตูเหยียบพื้นจวนท่านบ้างนะเจ้าคะ พอดีเกลือที่หอใกล้หมดจะซื้อขายกับฮูหยินกู้คงได้ราคาดี" เขาทนฟังไม่ไหว สะบัดมือเดินจากไป ทว่าต้องหยุดฝีเท้าเพราะถูกจื้อซิ่งเหมี่ยนร้องเรียกเสียก่อน ทำให้เขาหันมามองด้วยใบหน้าบึ้งตึง "ข้าน้อยขอโทษนะเจ้าคะ ไหนๆ ท่านก็มาถึงที่แล้ว ครั้นจะไปมือเปล่าเกรงว่าจะทำให้ลูกค้าท่านอื่นรู้และเอาไปโพนทะนาได้ว่าข้าดูแลลูกค้าไม่ดี นี่เจ้าค่ะ ชุดบุรุษสีกาทำจากผ้าแพรเนื้อดี ข้าน้อยให้เจ้าค่ะ หากฮูหยินหรืออนุภรรยาปรนนิบัติไม่ดีพอ หอของข้ายินดีต้อนรับนะเจ้าคะ" นางหยิบผ้าสีดำที่พับอย่างดี ยื่นให้กับกู้ไต้ฝู่แต่ถูกเขาสะบัดจนร่วงหล่นลงกับพื้น ใบหน้าเหยียดหยันสตรีเบื้องหน้าอย่างชัดเจนก่อนที่จะเดินออกจากหอไปโดยไม่หันหลังกลับมาอีก จื้อซิ่งเหมี่ยนเดินตามไปคล้ายจะเดินไปส่งหากแต่ไม่ใช่เพราะวาจาหรือการคารวะก็ไม่มีนอกเสียจากการมองตามร่างของกู้ไต้ฝู่ แววตาจับร่างชายที่เป็นผู้ให้กำเนิดจนกระทั่งร่างของเขาที่อยู่บนรถม้าไปไกลจนลับสายตา นางจึงหันกลับมาเผชิญหน้ากลับมารดา "ซิ่งเหมี่ยน! เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเกี่ยวกับผ้าผืนนี้? " จื้อซิ่งเหมี่ยนย่อกายพร้อมมีสีหน้าสำนึกผิด "ขอโทษท่านแม่เจ้าค่ะ เป็นฝีมือลูกเอง ใครใช้ให้ลุงเฟิ่งลงมือกับลูกก่อน" "ลงมือ? ท่านลุงเฟิ่งทำสิ่งใดกับเจ้า? " นางถามบุตรสาวทั้งหันหน้าไปทางเฟิ่งไห่ เขามีสีหน้าลำบากใจที่จะตอบ "ท่านลุงอธิบายเองแล้วกันนะเจ้าคะ ท่านแม่ไม่เป็นอะไรมากใช่ไหมเจ้าคะ เช่นนั้นลูกขอตัวก่อน" อารมณ์ดังไฟสุมขอนที่เกิดขึ้นกับกู้ไต้ฝู่ยากที่จะดับได้ ในใจนึกย้อนไปว่าบุตรสาวที่เกิดกับอดีตฮูหยิน นางรู้เรื่องราวเมื่อในอดีตของตนได้อย่างไร หรือเป็นเพราะเรื่องราวของเขาเหล่านั้นนางเป็นผู้ถ่ายทอดให้จื้อซิ่งเหมี่ยนฟัง หากไม่เพราะว่าเขาสืบรู้มาว่าสองแม่ลูกนี้มีเงินทองมากมาย เขาก็จะไม่ยอมเสียเวลาลงจากรถม้ามาแสดงน้ำใจ เวลานี้กิจการค้าเกลือของเขาดูแล้วจะเริ่มส่อแววไม่ดีสักเท่าไหร่ ไม่ใช่เรื่องขาดทุนหรือกำไร แต่เพราะเบื้องบนจะเริ่มระแคะระคาย ทั้งกิจการแลกเงินของสกุลจื้อที่เขาเป็นผู้จัดการแทนฮูหยินก็เริ่มซบเซาอย่างไม่ทราบสาเหตุหากเขาสามารถพิชิตใจจื้อลี่เจียงได้ความหวังก็คงไกล แต่ไม่คิดว่ายังมีเฟิ่งไห่และบุตรีที่อ่อนแอในอดีตมาขวางหน้า เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ออกหวังเพียงเพื่อจะทำให้ทุกสิ่งกลับมาเหมือนเดิม สายตาเหลือบมองนอกหน้าต่างผ่านร้านผ้าไหมของสกุล หนิง ในความคิดนึกว่าวันนี้เป็นวันอะไร เขาก้าวเท้าผิดออกจากจวนหรืออย่างไร เขานิ่งไปชั่วอึดใจจึงสั่งให้คนรถหยุดรถม้า เขาลงจากรถม้าและสั่งให้คนขับรถม้ากลับจวนและกำชับไม่ให้บอกใครว่าเขาไปที่ไหนมาบ้าง เมื่อเขาสั่งการเรียบร้อยก็เดินย้อนกลับไปยังร้านผ้าแพร "ใต้เท้า เชิญๆ ขอรับ" "วันนี้หนิงฮูหยินมาที่ร้านหรือไม่" "มาขอรับ อยู่ด้านบนกำลังจัดการตรวจสอบบัญชีขอรับ" "ช่วยไปรายงานนางให้ข้าหน่อย ว่าข้าขอพบ" "ขอรับๆ " หลงจู๊รีบทำตามที่กู้ไต้ฝู่ขอร้อง ไม่นานเขาก็กลับมาเชิญเขาขึ้นไปชั้นบน เมื่อหลงจู๊ส่งกู้ไต้ฝู่ถึงประตูหน้าห้องของผู้เป็นเจ้าของ เขารู้งานจึงขอตัวลงไปดูแลร้านด้านล่าง กู้ไต้ฝู่ผลักประตูเข้าไปราวกับว่าเขามาที่นี่จนคุ้นเคยเป็นอย่างดี หนิงเหนียนอานช้อนตาขึ้นมองคราหนึ่งและก็ก้มหน้าก้มตามองบัญชีบนโต๊ะ มือก็ดีดลูกคิดคำนวณว่าถูกต้องหรือไม่ "ยุ่งมากหรือ? " กู้ไต้ฝู่อดทนไม่ไหวจึงเอ่ยถามอย่างเสียมิได้ นางช้อนตามอง เพียงครู่จึงวางพู่กันที่นางเพิ่งเขียนเสร็จ "ไม่ยุ่ง แต่ข้ากำลังทำตัวให้ยุ่ง ว่าแต่ท่านเถิดคิดอย่างไรถึงมาที่นี่ได้" นางไม่ได้สนใจถึงการมาของกู้ไต้ฝู่นัก และน้ำเสียงก็ไม่ได้แฝงความดีใจแต่อย่างใด "ยังไม่อยากกลับจวน" เขายื่นมือไปรับน้ำชาจากมือนาง หนิงเหนียนอานจึงเอ่ยขึ้น "ท่านจึงมาที่นี่? " "ใช่ หรือว่าเดี๋ยวนี้ข้ามาหาเจ้าไม่ได้? " นางมองหน้ากู้ไต้ฝู่และยิ้มหยันออกมา "มาน่ะมาได้ ข้าไม่ได้สั่งห้ามเสียหน่อย แต่เดี๋ยวนี้ข้าว่าท่านตามใจบุตรีมากเกินไปนะ" "ทำไม? " หนิงเหนียนอานเดินไปหยิบรายการสั่งซื้อผ้า และเดินมายื่นให้กู้ไต้ฝู่ เขารับมาอย่างไม่ใส่ใจนัก "นี่คือ? " หากแต่เขายังไม่ได้คำตอบจากปากของหนิงเหนียนอาน เขาจำต้องหาคำตอบเอง "เงินทองเพียงแค่นี้ท่านอย่าได้คิดมาก อย่างไรสกุลหนิงและสกุลกู้ในภายภาคหน้าก็จะได้ดองกัน" เขามองตามและยิ้มกลับหากแต่ดวงตาไม่ได้ยิ้มไปด้วย เพราะในใจคิดว่าสตรีตรงหน้ายังไม่รู้ปัญหาของเขา แต่หากคิดอีกทีปัญหานี้อาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้หากเขาพยายามทำให้เบื้องบนเชื่อใจ "ก่อนที่จะเกี่ยวดองในภายหน้า คุยธุระของเราสองคนก่อนดีไหม" "คุย? ย่อมได้ ข้ารอท่านมาคุยนานแล้ว" นางยิ้มเชื้อเชิญ เดินนำไปยังหัองด้านในโดยมีกู้ไต้ฝู่เดินตามไปติดๆ หลังจากมื้อเที่ยงสิ้นสุดลงจื้อเหม่ยลี่เดินเข้ามาในห้องด้านในของเรือนหรูอวี้ สิ่งที่เห็นก็คือบุตรีกำลังปัดแจกันกระเบื้องงามใบหนึ่ง แจกันแตกกระจาย นางพลันขมวดคิ้วมุ่นถอนลมหายใจออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ แต่เพื่อมิให้บุตรีที่นางถนอมมาต้องได้รับบาดเจ็บภายหลัง นางจึงเรียกสาวใช้ข้างกายกู้หรูอวี้ที่ยืนก้มหน้าให้รีบเก็บกวาด ทันทีที่กู้หรูอวี้ได้ยินเสียงมารดา “ท่านแม่” “นี่เจ้ากำลังทำอะไร” จื้อเหม่ยลี่ระงับโทสะ เดินเข้ามามองหน้าบุตรี ส่ายหน้าพลางกล่าวว่า “หากผู้ใดมาเห็น สตรีอันดับหนึ่งแห่งแคว้นหนานจื้อแสดงกิริยาไม่งาม เป็นลูกผู้หญิงต้องระวังกิริยาและคำพูด เรื่องนี้เจ้าก็รู้” “ข้าไม่สน” กู้หรูอวี้ขบริมฝีปาก “หากใครนำไปโพนทะนา ก็คงเป็นบ่าวที่อยู่ในเรือนข้า” กู้หรูอวี้กวาดสายตามองสาวใช้ของตนและสาวใช้ของมารดาด้วยแววตาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ทำให้พวกนางรีบก้มหน้าเก็บเศษแจกัน แสดงให้นายรู้ว่าเรื่องเมื่อครู่พวกนางไม่รู้ไม่เห็นอะไร “ถ้อยคำที่เจ้าเอ่ยออกมา หากคนนอกได้ยินเข้า ไม่รู้ว่าจะต้องเดือดร้อนขนาดไหน” "เดือดร้อน แค่นี้ลูกเดือดร้อนไม่พออีกหรือเจ้าคะท่านแม่ เมื่อคืนท่านพ่อไม่กลับจวนคงไปหอคณิกา เช้ามาก็ต่อว่าข้าต่อหน้าบ่าวไพร่" หากกู้หรูอวี้ไม่พูดสะกิดใจ มีหรือที่จื้อเหม่ยลี่จะไม่ฉุกใจคิดแต่นางก็ไม่แสดงสีหน้าใดออกมา "แล้วเจ้าจะไปไหน" นางเห็นบุตรีเดินอ้อมตนไปทางประตูออกเรือน "ในเมื่อท่านแม่จัดการนางนั่นไม่ได้ ข้าก็จะไปจัดการนางเอง" นางเดินดุ่มๆ ไม่สนใจมารดาที่ร้องเรียกนาง จนกระทั่งนางเดินออกเกือบพ้นประตูจวน ทว่าสองขาต้องหยุดเพราะใบหน้าไปกระทบกับแผงอกแกร่ง ในใจนึกก่นด่าว่าต้องเป็นหนิงไช่กวง แต่เมื่อชายผู้นั้นก้าวถอยหลังและเป็นจังหวะเดียวกับที่นางเงยหน้า กู้หรูอวี้ถึงกับใช้สายตาจับจ้องบุรุษผู้นั้นอยู่นาน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD