ปลูกต้นถั่วแดง 3

2409 Words
กู้หรูอวี้เดินทางไปจวนเหนียนอ๋องแต่ไม่พบเจ้าของจวน นางรอแล้วรอเล่าก็ไม่มีทีท่าจะพบ แม้จะหงุดหงิดใจแต่นางก็ไม่ต้องการเสียกิริยาของสตรีที่พึงปฏิบัติ "ท่านพ่อบ้านไม่ทราบจริงๆ หรือเจ้าคะ ว่าเหนียนอ๋องเสด็จไปที่ใด" "ข้าน้อยไม่ทราบจริงๆ ขอรับ อีกอย่างท่านอ๋องยังไม่เสด็จกลับจวนตั้งแต่เมื่อค่ำวาน" พ่อบ้านใหญ่ผู้รู้งานกล่าวอย่างนอบน้อม ด้วยเวลาที่นางรอจ้าวยวี่เสียงหลายชั่วยาม นางจึงตัดสินใจกลับจวนแล้วค่อยมาอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น "ข้าน้อยคิดว่ายามนี้สมควรที่จะเดินทางกลับ ไม่รบกวนท่านพ่อบ้านแล้ว" "ขอรับ" นางลุกขึ้นเดินจากไปโดยมีพ่อบ้านหวังเดินไปส่ง พ้นร่างนางก็มีชายปิดหน้าที่ต่อสู้กับจ้าวยวี่เสียงเดินออกมาจากหลังผ้าม่าน เขาไม่ต่างอะไรกับกู้หรูอวี้ที่รอจ้าวยวี่เสียง กู้นหรูอวี้ ยังไม่ทันก้าวเท้าข้ามผ่านธรณีเรือน นางก็ได้ยินเสียงของจ้าวยวี่เสียงที่ไม่ไกล สองขาไม่อาจจะก้าวได้อีก บุรุษที่นางนั่งรออยู่นานบัดนี้ก็กลับมาเสียที "คุณหนูกู้"จมูกนางได้กลิ่นกายชายหนุ่มระคนอยู่กับกลิ่นหอมของต้นหนามแท่งที่ผู้คนมักใช้ชำระร่างกาย แต่นางก็หาได้แปลกใจ อีกประการหนึ่งตัวเขามิได้มาเพียงผู้เดียว บุรุษท่าทางราวบัณฑิตเดินมากับเขาด้วย แม้เขาบาดเจ็บยังอุทิศตนเพื่อบ้านเมือง หาได้สนใจอาการบาดเจ็บของตนเอง ยิ่งนางเห็นเขาเป็นเช่นนี้ ความประทับใจยิ่งฝังลึกลงในใจนาง ใบหน้านางร้อนผ่าว ร่างกายแข็งทื่อ ได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่กล้าขยับตัว ในใจเต้นรัวเพราะเขายืนใกล้ตัวนางกว่าครั้งใดๆ พ่อบ้านใหญ่เห็นท่าทีของกู้หรูอวี้ ย่อมรู้ว่าสตรีนางนี้คิดเช่นไรกับผู้เป็นนายตน แต่ก็ไม่ดีแน่หากจะให้เหนียนอ๋องยืนรอให้นางพูด คุณหนูกู้ เหนียนอ๋องเรียกท่านขอรับ" "เอ่อ...ขออภัยเพคะ หม่อมฉันแค่รู้สึกสงสัยว่าเหนียนอ๋องไม่พักผ่อนหรือเพคะ เมื่อวานนี้หม่อมฉันเห็นท่านอ๋อง..." นางจ้องใบหน้าที่ยิ้มเกียจคร้านหากแต่รู้สึกอบอุ่นในใจนาง เขามิได้สนใจบุรุษที่มากับเขาทำเพียงหันหน้าแจ้งบางอย่าง เพื่อให้ตนจะได้ต้อนรับสตรีเยี่ยงนางเสียก่อน บัณฑิตผู้นั้นก็ยินดี "คุณหนูกู้เชิญ" กู้หรูอวี้มองทิวทัศน์โดยรอบของอุทยาน วันนั้นนางมาถึงจวนเหนียนอ๋องแต่มิได้เดินชมโดยรอบแต่ก็ถือเป็นการดีที่ครั้งนี้นางไม่พลาด ทั้งได้อยู่กับเขาเพียงลำพัง "ขอบคุณคุณหนูกู้ ที่เป็นห่วง แต่ข้ามิเป็นอันใด" "แต่ดูแล้ว ท่านอ๋องเจ็บหนักนะเพคะ" "ก็เจ็บอยู่บ้างแต่ข้าทนได้ มีอย่างหนึ่งที่ข้าจะขอร้องคุณหนูกู้ คือ...ข้าอยากให้คุณหนูเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ คนรู้มากเท่าไหร่จวนของข้าก็จะยิ่งไร้ซึ่งความสงบ" "เพคะ หม่อมฉันจะทำตามพระประสงค์" นางรีบรับปากโดยไม่รั้งรอที่จะคิดอันใด ใช่! เหนียนอ๋องเพิ่งจะเริ่มจัดจวน หากใครทราบข่าวเขายิ่งพักผ่อนน้อยเท่านั้น "ขอบคุณเจ้ามาก” เขาเลื่อนจานขนมไปตรงหน้า พลางเอ่ยชวน “คุณหนูกู้ทานขนม อาจอร่อยไม่เท่าจวนของคุณหนู" นางยิ้มตื้นตันใจ รับจานขนมที่จ้าวยวี่เสียงยื่นส่งมาให้ นางเผลอมองไปยังสายตาของเขาเห็นความกระจ่างใสที่แววตาเปี่ยมสุข นางเผลอคิดไปว่าเขาคงมีสุขเป็นแน่ และความสุขก็คงเกิดจากนาง ด้านจ้าวยวี่เสียงเมื่อเลื่อนขนมไปให้กู้หรูอวี้ ในใจก็นึกถึงใบหน้าที่งอง้ำ หรือปั้นหน้าร้ายกาจ บ้างอมยิ้มหรือแสร้งออดอ้อน ฝีปากแกร่งกล้าร้ายกาจ ต่างจากสตรีที่เจอมานัก นางไม่ปิดบังกริยาของตัวเอง นางเป็นอย่างไรก็แสดงออกอย่างนั้น แต่หาใช่ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม นางเป็นสิงห์น้อยที่พร้อมกางกรงเล็บตะปบเหยื่อเสียจริง นางตักขนมเข้าปากเพียงสองสามคำ สายตาก็จ้องไปที่ชายตรงหน้า จู่ๆ จ้าวยวี่เสียงเอ่ยบางอย่างขึ้นแม้จะขัดหูขัดใจไปบ้าง ทว่าเหตุผลนั้นนางเข้าใจ จึงต้องขอตัวกลับ จ้าวยวี่เสียงเดินส่งถึงหน้าจวนทำให้ชาวบ้านที่ผ่านไปผ่านมาประปรายเห็นทั้งคู่เดินออกจากจวน ก็ส่งสายตาแลมอง แม้เดินผ่านไปแล้วก็ไม่ลืมเหลียวหลังแลมองอีกครา "ขอส่งคุณหนูกู้เพียงแค่นี้" "หม่อมฉันต้องเกรงใจท่านอ๋องเสียมากกว่า ทั้งที่มีธุระแต่ยังเจียดเวลาดูแลสตรีโง่เขลาอย่างหม่อมฉัน ช่างหน้าขายหน้านัก" "เป็นหน้าที่ของเจ้าของจวนต้องดูแล" "หากเหนียนอ๋องว่าง เชิญทานมื้อเที่ยงหรือมื้อค่ำที่จวนของหม่อมฉันได้นะเพคะ" นางเอ่ยชวนเขา ทำให้เขาขบคิดและยิ้มส่งให้ "แล้วข้าจะส่งจดหมายแจ้งข่าว วันนั้นหวังว่าคุณหนูกู้จะไม่รังเกียจที่อ๋องไร้ศักดิ์เช่นข้าจะไปฝากท้อง" นางย่อกายขึ้นรถม้า เขารอรถม้าเคลื่อนตัวออกไปไกลพอควรจึงหันหลังกลับเรือนเพื่อคุยธุระ กู้หรูอวี้สุขใจยิ่ง รถม้าขับผ่านถนนเส้นหลักที่ผู้คนเดินกันขวักไขว่ มือเปิดม่านเพื่ออยากเห็นภาพภายนอกให้ชื่นตาชื่นใจเหมือนกับยามนี้ที่อารมณ์นางดียิ่ง นางเหลือบเห็นใบหน้าชายที่เคยเข้านอกออกในภายในจวนตระกูลกู้ ดูครั้งใดก็เป็นถึงความหมองคล้ำบนใบหน้าของเขา ยิ่งมองยิ่งรู้สึกขัดตาแต่ก็แอบสงสัยว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกับเขากันแน่ พักหลังมานี้เขาก็ไม่แวะเวียนมาจวนของนางนานแล้ว แต่ก็อย่างว่าตัวนางเองก็ไม่ได้ชื่นชอบเขา แค่พึงใจที่บุรุษนิยมชมชอบตน ผ้าม่านปิดลงพร้อมรถม้าขับกลับจวนทิ้งภาพชายคุ้นตาไว้เบื้องหลัง ไม่ลงถามไถ่แต่อย่างใด หนิงไช่กวงเดินคอตก ไม่รู้จะทำเช่นใดในใจล้วนแต่กลัดกลุ้ม เงินที่จะแลกกับพรหมจารีย์สตรีที่หมายปองเขาก็ไม่มี ใช่ว่าความบริสุทธิ์นั้นสำคัญ ทว่าทรัพย์สินที่เป็นของนางนั่นแหละคือสิ่งที่เขาปรารถนา ทว่าเวลานี้สิ่งใดล้วนไม่สำคัญเท่าเงินที่เขาสูญเสียไปพร้อมกับหนี้สินก้อนโต ที่แม้แต่ตัวเขายังไม่รู้จะหาหนทางใดปลดหนี้และฉีกสัญญาเงินกู้นั้นลงได้ ร้านผ้าแพรที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวง ผู้คนที่มีฐานะมักแวะเวียนผ่านเข้าออกเป็นประจำ หลงจู๊ดูแลร้านนั่งดีดลูกคิดคิดเงินขาดทุนกำไร เห็นหนิงไช่กวงเดินเข้ามาในร้านอยู่พักใหญ่ไม่เอ่ยสิ่งใด ดวงตาเขามีแต่ความเลื่อนลอย เอาแต่เหม่อมองไปยังถนนเบื้องหน้า หลงจู๊แอบชำเลืองมองเป็นระยะแต่ก็ยังเห็นถึงอากัปกริยาของหนิงไช่กวงเป็นเช่นเดิม "คุณชาย" เขาหันหน้ามาตามเสียงเรียก หลงจู๊ยังไม่ทันเอ่ยถามหนิงไช่กวงกลับเอ่ยขัดขึ้นเสียก่อน "กำไรดีหรือไม่? " หลงจู๊ยิ้มรับ "เดือนนี้ได้กำไรหลายพันตำลึงอยู่ขอรับ ทั้งที่หักค่าแรงคนงาน" เขาพยักหน้ารับ และไม่กล่าวสิ่งใดอีก จู่ๆ เขาก็ลุกพรวดขึ้นมาแล้วเดินตรงไปยังหลงจู๊ "หยิบเงินมาให้ข้าสักสองพันตำลึง พอดีข้าลืมหยิบเงินมา"หลงจู๊ทำหน้าไม่ถูกเพราะเงินส่วนนี้เขาต้องนำส่งให้หนิงเหนียนอานในวันพรุ่งนี้ "เอามาเถอะน่า ข้าจะเป็นคนไปบอกมารดาข้าเองว่าข้านำส่วนนี้ไปเอง" "เอ่อ ..ขอรับๆ " หลงจู๊ไขกุญแจและหยิบเงินส่งให้ แม้จะกู่ร้องในใจเพราะเกรงว่าหนิงไช่กวงจะไม่ทำตามที่ลั่นวาจา แต่เขาเป็นเพียงลูกจ้าง จะขัดได้หรือ หนิงไช่กวงนำเงินส่วนนี้เดินเข้าโรงเตี๊ยม เพื่อนำอาหารลงกระเพาะเสียก่อน ระหว่างรออาหารสองหูได้ยินคำสนทนาของโต๊ะด้านหลังเขา บุคคลทั้งสองกำลังกล่าวถึงเรื่องเพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นไม่ไกลจากเมืองหลวง เขาต่างคาดเดากันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มาตรว่าเป็นการวางเพลิง คำสนทนาของบุคคลแปลกหน้าทั้งสอง แท้จริงไม่ได้มีความสำคัญใดๆ กับหนิงไช่กวง แต่ครั้งนี้กลับสร้างความสนอกสนใจให้เขาไม่น้อย หาใช่ว่าตัวเขาจะมีญาติพี่น้องอยู่ที่หมู่บ้านนั้นเสียเมื่อไหร่ แต่เพราะการวางเพลิงทำให้ทุกอย่างมอดไหม้ นั่นแหละคือสิ่งที่เขาต้องการ ทุกวันที่กู้หรูอวี้แวะมาหาจ้าวยวี่เสียงที่จวน หรือไม่ก็เป็นเขาที่ไปเยี่ยมนางที่จวน ทำให้ผู้คนที่พบเห็นต่างคิดกันไปทางเดียวกันว่าทั้งสองคงมีใจตรงกัน “สวนที่จวนคุณหนูกู้นี่ตกแต่งได้งดงาม” “ไม่หรอกเพคะ จวนเหนียนอ๋องงดงามยิ่งกว่า ทุกครั้งที่หม่อมฉันได้ชมมวลดอกไม้ที่จวนท่านอ๋อง ยิ่งมองยิ่งหลงใหล” เขายิ้มรับไม่เอ่ยสิ่งใด “ข้าเห็นทีต้องกลับแล้ว วันนี้รบกวนเวลาพักผ่อนของคุณหนูกู้ ต้องขออภัยด้วย” “หากเหนียนอ๋องเห็นว่าเป็นการรบกวน เช่นนั้นจะเป็นอะไรไหม หากหม่อมฉันจะให้ท่านอ๋องตอบแทนอะไรหม่อมฉันบ้าง” “ได้!” “หม่อมฉันอยากออกไปเดินเล่นข้างนอกกับเหนียนอ๋องเพคะ” “เชิญคุณหนูกู้” เขาผายมือยินยอมในคำขอของนาง ทั้งคู่เดินเที่ยวตลาด โดยที่จ้าวยวี่เสียงยังทิ้งระยะห่างไม่เดินใกล้นางมากนัก การมาเดินเที่ยวครั้งนี้กู้หรูอวี้ไม่คิดว่าจะเจอสตรีที่นางไม่ชอบหน้า แต่เมื่อคิดอีกทีนางก็กระหยิ่มใจ “ไม่คิดว่าจะได้เจอเจ้าที่นี่” นางเอ่ยทักจื้อซิ่งเหมี่ยนที่เดินมากับฮุ่ยกวงดรุณีน้อย “นึกว่าใครเสียอีก ที่แท้ก็คุณหนูกู้นี่เอง อ๊ะ! หม่อมฉันคารวะเหนียนอ๋องเพคะ” นางเห็นจ้าวยวี่เสียงที่มองนางอยู่เช่นกัน “ข้ากำลังจะเข้าไปดื่มชาที่โรงเตี๊ยม ไม่ทราบแม่นางจื้อจะไปกับเราด้วยหรือไม่” กู้หรูอวี้ไม่พอใจกับคำเชิญของจ้าวยวี่เสียง แต่นางก็มิอาจเอ่ยขัดใดๆ ได้ “ไปสิเพคะ หม่อมฉันก็กำลังกระหายน้ำอยู่พอดี ได้ดื่มชาร่วมโต๊ะกับเหนียนอ๋องและคุณหนูกู้ ย่อมเป็นสิ่งที่น่ายินดียิ่ง” เมื่อทั้งคู่ขึ้นมาด้านบนโรงเตี๊ยม ดูเหมือนว่าจะมีสงครามการแย่งเก้าอี้เกิดขึ้น เพราะเมื่อจ้าวยวี่เสียงนั่ง สตรีทั้งสองจะแย่งนั่งในตำแหน่งที่ใกล้เขา “ข้าไม่แย่งคุณหนูกู้ดีกว่า เชิญ!” นางผายมือให้หลังจากที่ทำให้กู้หรูอวี้แทบจะระเบิดโทสะออกมาต่อหน้าจ้าวยวี่เสียงได้ ด้านกู้หรูอวี้ทำได้เพียงกัดฟันล่าง ไม่เผยอารมณ์ต่อหน้าบุรุษแต่อย่างใด “แม่นางจื้อออกมาเที่ยวเช่นกันหรือ” “เพคะ อยู่แต่ในหอทั้งวันเบื่อแย่” นางตอบพร้อมกับใช้นิ้วเขี่ยปากถ้วยชาขึ้น สายตาก็ทอดมองไปยังเบื้องล่างถนน เห็นชายผ่ายผอมเดินขอเศษเงินอยู่ “ข้าไม่คิดว่าคนอย่างแม่นางจื้อจะเบื่อได้” หรูอวี้กดเสียงต่ำเอ่ยคำออกมา “ทำไมหรือจีหนี่ว์อย่างข้าเบื่อไม่ได้หรือคุณหนูกู้” นางไม่ตอบคำของจื้อซิ่งเหมี่ยน เพียงตวัดสายตาไม่พอใจ ยิ่งการกระทำของนางกระตุ้นให้จื้อซิ่งเหมี่ยนจะหักหน้านางต่อหน้าบุรุษ “ก็คงจะเป็นดังที่คุณหนูกล่าว การเป็นจีหนี่ว์จะว่าไปก็ไม่ได้น่าเบื่อหรอก” หรูอวี้ผินหน้ามามองส่งสายตาคมกริบให้ นางยิ้มรับหน้าชื่น “บุรุษโดยมากก็มีนางบำเรอกันทั้งนั้น แม้จะมีฮูหยินหรืออนุอยู่ที่จวน เหนียนอ๋องว่าสิ่งที่หม่อมฉันกล่าวมาถูกต้องไหมเพคะ” “จะว่าถูกต้องก็คงจะใช่” เขาเอ่ยตอบไม่เต็มเสียงนัก เพราะเขาเองก็รู้สึกว่าคำตอบของตนจะเป็นการเขวี้ยงงูไม่พ้นคออย่างไรอย่างนั้น “ย่อมต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วเพคะ จวนไหนก็มีสามภรรยาสี่อนุด้วยกันแทบทั้งนั้น แต่สิ่งหนึ่งที่หม่อมฉันรู้คือสิ่งที่บุรุษมักมาเที่ยวหอนางโลม เพราะนางโลมไม่ได้โง่เหมือนคุณหนูในห้องหอ” “เจ้า! มันจะเกินไปแล้วนะ” หรูอวี้เดือดดาลขึ้นมาทันที เพราะรู้ว่านางกำลังถูกจื้อซิ่งเหมี่ยนหลอกด่า “อุ้ย! ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะหมายถึงคุณหนู ข้าเพียงต้องการจะเปิดหูเปิดตาสตรีให้กว้างขึ้น ว่านางโลมไม่ได้เก่งแค่ศาสตร์ของสตรีเหมือนที่บรรดาคุณหนูสกุลใหญ่ร่ำเรียนมา หากแต่พวกข้าที่เป็นนางโลมตอบโต้กวีหากชายผู้นั้นจะกล่าวอ้างบทกลอน จะยกคำสอนของขงจื้อมาสนทนาหากบุรุษต้องการยึดคุณธรรม หรือเสวนาเรื่องการปกครองได้หากชายผู้เป็นขุนนางถูกฮ่องเต้ตำหนิติเตียนมา อ้อ! อีกประการที่สำคัญ บนเตียงตั่งพวกคุณหนูถูกสั่งสอนไม่ให้ครางตอน...ซึ่งต่างจากพวกข้ายังร้องเหมือนงิ้วเลย” “เรื่องน่าอายเช่นนี้เจ้าเอามาพูดได้อย่างไม่กระดากปาก ทั้งยังสนิทใจ คงเป็นที่สันดานที่ถูกเสี้ยมมาล่ะสิ” “ใช่! ถูกเสี้ยมสอนมา และข้าก็จดจำได้เป็นอย่างดีทีเดียว อีกประการหนึ่ง พวกนางโลมมักจะพูดจารู้เรื่อง เข้าอกเข้าใจบุรุษ ง่ายๆ คือพวกข้าฉลาดและเฉลียวจนผู้ชายรักที่สมอง ส่วนฮูหยินที่จวนนั่นน่ะหรือ...คือเอาไว้ผลิตลูก พอตั้งครรภ์เรื่องบนเตียงก็จบ...ข้าขอตัวลาก่อน เชิญพวกท่านปลูกต้นถั่วแดงกันต่อเถิดนะ หม่อมฉันทูลลาเพคะ เหนียนอ๋อง”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD