บทที่ 11 จ่ายจบ(?)

1340 Words
“ชัช ผมจะเอารถไปนะ” เสียงของติณณภพดังขึ้นในความเงียบสงบของค่ำคืน ขณะที่เขากำลังจะออกจากบ้าน “เอ่อ… แล้วคุณหญิงกรรณิการ์ล่ะครับ คุณติณ?” ชัชวาลถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสงสัยและความกังวล เขามองไปที่ติณณภพด้วยท่าทางที่แสดงถึงความไม่แน่ใจอย่างเห็นได้ชัด เขารู้ดีว่าทิศทางของเหตุการณ์ตอนนี้กำลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว “ชัช ขอกุญแจรถให้ผมด้วย” ติณณภพย้ำด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ เต็มไปด้วยอำนาจที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ ชัชวาลรับรู้ดีถึงสถานะของเจ้านาย เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมทำตามคำสั่ง “นี่ครับคุณติณ” ชัชวาลยื่นกุญแจรถยนต์เอสยูวีให้ไป เขามองตามร่างของติณณภพที่เดินไปหาใครบางคนที่เขาไม่รู้จัก สายตาของชัชวาลเต็มไปด้วยความสงสัยในเหตุผลที่หญิงสาวคนนี้มาพร้อมกับติณณภพแทนที่จะเป็นกรรณิการ์อย่างที่ควรจะเป็น ชัชวาลรู้ดีว่าเขาไม่สามารถสอบถามสิ่งที่เกิดขึ้นได้ การท้าทายอำนาจของติณณภพเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถแบกรับได้ไหว เขาจึงตัดสินใจโทรหาคนขับรถคนอื่นในตระกูลเพื่อจัดการกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้แทน “ให้คนขับรถมารับคุณหญิงที่บ้านคุณอัญชลีหน่อย…คุณติณแกเอารถออกไปแล้ว” ชัชวาลพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด ขณะที่เขามองไปที่บ้านหลังใหญ่ด้วยความกังวล เขารู้ว่ามีสิ่งที่ไม่ปกติเกิดขึ้น และเขาคิดว่าติณณภพคงมีเหตุผลบางอย่างที่ทิ้งแม่แท้ ๆ ไว้เบื้องหลังอย่างแน่นอน รถยนต์เอสยูวีคันสีดำขับเคลื่อนไปตามท้องถนนใหญ่อย่างมั่นคง ก่อนที่ติณณภพจะค่อย ๆ ชะลอความเร็วรถที่ขับอยู่ และหยิบโทรศัพท์มือออกมาจากกระเป๋ากางเกงพร้อมกับหันไปมองฐานิตาด้วยท่าทีที่เฉยเมย “ขอเลขบัญชีและค่าตัวของเธอด้วย” ติณณภพพูดขณะขับรถ เขาไม่แสดงความรู้สึกอะไรมากมาย ข้อความที่เขาพูดออกมาเหมือนเป็นการสั่งการมากกว่าการถาม “จะจ่ายตอนนี้เลยเหรอคะ?” ฐานิตาถามด้วยความสงสัย เธอไม่คาดคิดว่าก*********นจะเกิดขึ้นในทันทีเช่นนี้ แต่ติณณภพกลับไม่ใส่ใจ เขาหมุนพวงมาลัยไปจอดรถข้างถนนโดยไม่ดับเครื่องยนต์ เมื่อฐานิตาถามเสร็จสิ้น เขาก็เปิดโทรศัพท์ด้วยความรวดเร็ว “เธออยากได้เท่าไหร่บอกมาเลย” ติณณภพย้ำอย่างมั่นใจ สายตาของเขาที่มองฐานิตาไม่แสดงความรู้สึกอะไรที่ชัดเจน แต่เต็มไปด้วยความสงสัยและความเงียบสงบที่แฝงไปด้วยอำนาจ ฐานิตาสะดุดเล็กน้อยกับความกะทันหันนี้ เธอรู้สึกแปลกใหม่กับสถานการณ์ที่เธอเพิ่งเผชิญ เธอไม่เคยเจอเหตุการณ์ที่ต้องตั้งราคาให้กับการทำงานแบบนี้มาก่อน จึงไม่แน่ใจว่าควรจะเรียกค่าจ้างเท่าไหร่ดี “แล้วแต่ที่คุณติณสะดวกเลยค่ะ” เธอตอบด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่แน่ใจ “แล้วเธออยากได้เท่าไหร่?” ติณณภพกระตุกยิ้มเล็กน้อยและย้ำคำถามอีกครั้ง สายตาของเขาเต็มไปด้วยความจริงจังที่ทำให้ฐานิตารู้สึกถึงความกดดัน “งั้นบอกเลขบัญชีมาก็แล้วกัน” เสียงทุ้มของติณณภพดังแทรกผ่านห้วงความคิดของฐานิตา ไม่รอเวลาให้เธอตัดสินใจ ทำเอาเธอสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อรู้ตัวว่าเผลอคิดนานเกินไป “รอก่อนนะคะ” ฐานิตาพูด เธอล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงยีนขายาวอย่างช้า ๆ ด้วยมือที่เย็นเฉียบจากความตื่นเต้น เธอเปิดมันและบอกเลขบัญชีธนาคารของเธอให้กับติณณภพ “ฐานิตา ดาราประทีป…” ติณณภพอ่านชื่อเต็ม ๆ ของฐานิตาที่โชว์บนหน้าจอของเขาเพื่อยืนยันความถูกต้องของบัญชี “ใช่ชื่อของเธอหรือเปล่า?” “ใช่ค่ะ” ฐานิตาตอบยืนยัน เธอไม่กล้ามองหน้าเขาตรง ๆ เอาแต่มองค้างอยู่ที่หน้าจอมือถือ “โอเค” ติณณภพกดโอนเงินทันที การทำธุรกรรมเสร็จสิ้นในพริบตา ติ้ง! เสียงเตือนของโทรศัพท์ดังขึ้น ฐานิตาเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นจำนวนเงินที่ติณณภพโอนมาให้ “สามหมื่น” ฐานิตาพูดออกมาอย่างตกตะลึง จากที่ไม่กล้ามองหน้าก็รีบหันไปมองด้วยความตกใจ “พอไหม?” ติณณภพถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย เงินจำนวนแค่นี้ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นหรือหนักใจอะไร “ค่ะ พอค่ะ” ฐานิตาตอบเสียงตะกุกตะกักเล็กน้อย แต่ในใจของเธอรู้สึกดีใจอยู่ลึก ๆ “หวังว่าเธอจะพอใจนะ” ติณณภพกล่าว “ขอบคุณนะคะ” ฐานิตายิ้มให้กับติณณภพและยกมือไหว้ เธอเข้าใจว่างานของเธอเสร็จสิ้นแล้ว จึงคิดที่จะลงจากรถของติณณภพไป “จะไปไหน?” ติณณภพถามเมื่อเห็นฐานิตาพยายามเปิดประตู “กลับห้องค่ะ” ฐานิตาตอบ เธอชะงักเล็กน้อยและหยุดเปิดประตู หันกลับไปมองติณณภพด้วยความไม่เข้าใจ “เธอไม่กลัวเลยหรือไง?” ติณณภพถาม เขามองฐานิตาตั้งแต่หัวจรดเท้า สื่อให้เธอเห็นว่าเขาหมายถึงอะไร “ไม่เป็นไรค่ะ ตอนนี้ยังไม่ดึกมาก” ฐานิตาตอบอย่างมั่นใจ เธอมองออกไปผ่านกระจกทึบเห็นว่าข้างนอกยังมีคนที่รอรถอยู่บ้าง ไม่น่ามีอะไรที่เธอจะต้องกลัว...เธอคิดแบบนั้น “ระวังตัวไว้บ้างก็ดี” ติณณภพเตือนอีกครั้ง เขาไม่อยากทำให้เธอรู้สึกว่าเขาใส่ใจมากเกินไป แต่ภาพที่เขาเคยช่วยเธอไว้มันทำให้เขารู้สึกถึงความรับผิดชอบที่อยู่ในจิตใต้สำนึก “ค่ะ ขอบคุณนะคะ” ฐานิตายิ้มกล่าวคำขอบคุณ ทิ้งความข้องใจไว้ข้างหลังและเปิดประตูลงจากรถไป เพื่อไปยืนรอรถที่ป้ายรถเมล์ตามความต้องการ ขณะที่ติณณภพก็ขับรถของเขาออกไปในไม่ช้าเหมือนกัน ฐานิตายืนรอรถเมล์สักพักจนกระทั่งรถมาถึงป้าย เธอก็ก้าวขาขึ้นไปนั่งที่นั่งติดหน้าต่าง รถเริ่มเคลื่อนตัวออกไป ฐานิตาทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่างชมบรรยากาศท้องถนนยามค่ำคืน ปล่อยให้ความคิดของเธอล่องลอยจับต้องไม่ได้ แม้จะรู้สึกดีใจแต่ก็ยังมีความสับสนปนเปอยู่ภายในใจ เป็นจังหวะเดียวกับที่โทรศัพท์มือถือของเธอสั่นรัวขึ้นมา แต่ฐานิตาไม่สนใจจนมันหยุดลงไปเอง ก่อนที่ข้อความจะเด้งขึ้นมาแทน ฐานิตาถึงได้หยิบขึ้นมาดู เธอเห็นข้อความทุกประโยคที่โชว์อยู่บนหน้าจอล็อก มันถูกส่งมาจากอรไพลิน แต่ฐานิตากลับเลือกที่จะไม่อ่าน ไม่ตอบและเก็บมันลงในกระเป๋ากางเกงแทน ก่อนที่เธอจะลุกขึ้นยืนเพื่อเตรียมตัวลงจากรถเมล์ที่กำลังเข้าจอดเทียบท่าในไม่ช้า “ป่านนี้ร้านยาจะปิดหรือยังนะ” ฐานิตาพึมพำกับตัวเอง ขณะเดินลงจากรถเมล์ เธอหยุดยืนนิ่ง ๆ ครู่หนึ่ง แววตาของเธอดูว่างเปล่าแต่มีรอยยิ้มเล็ก ๆ ประดับใบหน้า ก่อนจะเริ่มเดินไปยังจุดหมายปลายทางของเธอผ่านทางที่เงียบสงบ ความมืดที่ปกคลุมรอบข้างถูกตัดด้วยแสงไฟจากเสาไฟฟ้าและตึกในย่านที่อยู่อาศัย ซึ่งให้ความสว่างตกกระทบบริเวณโดยรอบ ผู้คนไม่พลุกพล่าน สร้างบรรยากาศที่เงียบเหงาให้กับค่ำคืนนี้ ตอกย้ำความรู้สึกโดดเดี่ยวที่ฐานิตาต้องเผชิญ เป็นความรู้สึกที่เธอต้องแบกรับและพยายามรับมือให้ได้…ด้วยตัวของเธอเอง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD