ครืดด ครืดด
มือถือเครื่องแพงที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์หินอ่อนสีดำ สั่นอยู่อย่างนั้นเป็นสิบ ๆ รอบแล้วเห็นจะได้ แต่เจ้าของกลับไม่สนใจเลยสักนิดถึงแม้ว่ามันจะส่งสัญญาณเตือนอยู่นานสักเท่าไหร่ ติณณภพก็ทำเพียงแค่ปล่อยเบลอมันไปแบบนั้นพร้อมกับนั่งจิบเครื่องดื่มสีสวยที่ถืออยู่ในมือไปเรื่อย ๆ รอจนกว่าคนปลายสายที่โทรมาจะหมดความอดทนไปเอง
ติ้ง! แต่ใครจะไปคิด ว่าหลังจากโทรไม่ติด คนปลายสายจะเปลี่ยนเป็นส่งข้อความแทน ติณณภพได้แต่ส่ายหัวกับความพยายามอย่างสุดกำลังของกรรณิการ์ ผู้เป็นแม่ ที่ทุ่มเทอย่างหนักหน่วงในการตามตื๊อเขาไม่เลิกรา
‘พรุ่งนี้แกต้องไปทานมื้อเย็นที่บ้านคุณอัญชลีกับฉันเข้าใจไหม’
ติ้ง!
‘แล้วอย่ามาคิดที่จะทำอะไรแผลง ๆ ให้ฉันต้องเสียหน้าอีกล่ะ’
ติณณภพยกยิ้มมุมปากมองข้อความที่ถูกส่งมาจากแม่ของเขา กลัวเสียหน้า...ตลกสิ้นดี ทั้งที่ก็รักษาหน้าตัวเองขนาดนั้นแท้ ๆ แล้วทำไมถึงยังจะอยากหาเมียให้เขาอยู่ได้ล่ะ
“คุณติณจะรับเครื่องดื่มเพิ่มไหมคะ?” บลู บาร์เทนเดอร์สาวหมวยตัวเล็กผิวแทนเอ่ยถามพลางมองแก้วเครื่องดื่มที่ว่างเปล่าในมือของชายหนุ่ม ทั้งเธอยังเรียกเขาด้วยชื่อเล่นที่คุ้นเคย
“ไม่ล่ะ” ติณณภพปฏิเสธสั้น ๆ พร้อมคลี่ยิ้มบาง ๆ บลูเห็นดังนั้นจึงไม่เซ้าซี้อะไรต่อ
เธอพอจะเดาได้ถึงสถานการณ์ของชายหนุ่มตรงหน้า ที่นอกจากจะเป็นเจ้าของสถานบันเทิงชื่อดังแห่งย่านทองหล่อแล้ว ก็ยังเป็นเจ้านายของเธอที่นี่อีกด้วย ดูท่าเขาคงมีเรื่องให้กลุ้มใจอีกแล้ว ถึงได้มานั่งดื่มย้อมใจในผับของตัวเองแบบนี้ ซึ่งเป็นครั้งที่เท่าไรก็ไม่รู้ แต่ก็ครั้งแล้วครั้งเล่าจนพนักงานประจำอย่างพวกเธอเห็นกันจนชินตาไปหมดเสียแล้ว
“บลู เรนโบว์ช็อตเซตนึง” ความคิดของบาร์เทนเดอร์สาวที่กำลังล่องลอยไปกับเรื่องของเจ้านายหนุ่มต้องหยุดลง เมื่อพนักงานหนุ่มที่ทำหน้าที่เสิร์ฟเข้ามาสั่งเครื่องดื่ม
“ได้ดิ” บลูพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม ก่อนเริ่มผสมเครื่องดื่มอย่างคล่องแคล่ว ขณะนั้นเธอก็นึกบางอย่างขึ้นได้จึงถามเพื่อนร่วมงาน
“ใครสั่งอะ? เล่นของแรงซะด้วย” เธอสงสัยว่าลูกค้าโต๊ะไหนที่กล้าเลือกเครื่องดื่มเซตนี้ ซึ่งมีชื่อเสียงทั้งเรื่องความสวยและฤทธิ์ที่รุนแรง แม้จะมีสีสันสวยงามเหมือนสายรุ้ง แต่คนที่ลองมักจะหงายหลังแทบทุกคน
“วีไอพี โต๊ะน้องคนสวย” พนักงานหนุ่มตอบ พร้อมกับชี้ไปยังโซนวีไอพีที่เพิ่งเอ่ยถึง โดยหนึ่งในโต๊ะนั้นโดดเด่นสะดุดตากว่าคนอื่น แม้จะมีเพียงสามคนในโต๊ะก็ตาม
เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวท่ามกลางผู้ชายอีกสองคน ผู้หญิงที่งดงามสมกับฉายา ด้วยใบหน้ารูปไข่ คิ้วหนาเป็นทรง นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มที่ดึงดูดใจ จมูกโด่งเป็นสัน และริมฝีปากอิ่มแดงเย้ายวน รวมเป็นเครื่องหน้าที่น่าชมมาก
ยิ่งไปกว่านั้น เส้นผมสีดำขลับยาวสลวยขับผิวเนียนละเอียดให้ขาวผ่องราวหยวกกล้วย รูปร่างผอมเพรียวแต่มีส่วนโค้งเว้าโดดเด่น รวม ๆ แล้วเธอมีเสน่ห์ล้นเหลือ โดยเฉพาะในชุดเดรสผ้าซาตินเข้ารูปสีขาวบริสุทธิ์
ราวกับดอกกุหลาบสีขาวที่ใครต่อใครอยากได้มาครอบครอง…ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง
“แยมดื่มเป็นเพื่อนพี่หน่อยไม่ได้เหรอครับ”
แยม…เป็นชื่อที่คนรู้จักเธอดีกว่าชื่อจริงของเธอ ‘ฐานิตา’ หญิงสาวอายุยี่สิบสองปีเธอทำงานในฐานะ ‘เด็กเอ็น’ ที่ต้องใช้เงินของลูกค้าแลกกับการเอาใจใส่และสนองความต้องการของพวกเขา
“นี่พี่เสียเงินจ้างแยมมาเลยนะ…ดื่มเป็นเพื่อนพี่หน่อยนะครับ” เขากล่าวพร้อมกับมองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง
แต่ถึงแม้จะเป็นงานของเธอที่จะต้องรองรับอารมณ์และความต้องการของลูกค้า ฐานิตาก็ไม่จำเป็นต้องทำตามทุกอย่างเสมอไป…เธอมีขอบเขตเป็นของตัวเอง
“แยมขอโทษนะคะ” ฐานิตาพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ขณะที่ความรู้สึกจริง ๆ ของเธออยู่ตรงกันข้าม “แยมดื่มไม่ได้จริง ๆ ค่ะ”
“เสียใจว่ะค่าตัวก็ตั้งแพง” นายเก้าลูกค้าหนุ่มพูด น้ำเสียงเขาสื่อถึงความรู้สึกตัดพ้อ แต่แฝงไปด้วยความเอาแต่ในคำขอ “พี่ขอให้ดื่มด้วยกันแค่นี้ น้องแยมทำให้กันไม่ได้เลยเหรอครับ”
ประโยคนี้ทำให้ฐานิตาถอนหายใจยาว เหมือนกับว่าเธอได้ถอนหายใจไปสิบรอบแล้ว
“ขอโทษนะคะพี่เก้าแต่แยมคออ่อนจริง ๆ ค่ะ แยมดื่มไม่ได้เลย พี่เก้าเข้าใจแยมนะคะ” เธอพยายามปฏิเสธอย่างสุภาพ แม้จะรู้สึกอึดอัดจากคำพูดและท่าทางของเขามากก็ตาม
“น้องแยมเป็นคนแรกที่พี่ยอมจ่ายแพงกว่าคนอื่นเลยนะ…พี่ก็นึกว่าจะพิเศษกว่าคนอื่นซะอีก” นายเก้ากล่าวอย่างประชดประชัน
“เรนโบว์ช็อตที่สั่งได้แล้วครับ” เครื่องดื่มสีสวยถูกนำมาวางลงบนโต๊ะสี่เหลี่ยมสีดำเงา ท่ามกลางบรรยากาศที่อึมครึม
“อืม” นายเก้าตอบรับด้วยเสียงเรียบ สีหน้าเขาบ่งบอกถึงความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
“โธ่! มึงไม่เซ็งดิวะ” เสียงทุ้มของชายหนุ่มอีกคนเปล่งขึ้นมาทำลายความเงียบ เมื่อเห็นว่าเพื่อนของเขาทำหน้าซังกะตาย
“กูก็ไม่ได้อยากจะเซ็งหรอกว่ะไอ้นิก แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะเสียความรู้สึกจริง ๆ ว่ะ” นายเก้าตอบ เขาไม่แม้แต่จะมองฐานิตาด้วยซ้ำ
“พี่ไม่พอใจแยมหรือเปล่าคะ” ฐานิตาถาม แม้จะรู้คำตอบอยู่แล้วจากการกระทำที่เขาแสดงออก
“พี่จะไม่พอใจแยมได้ยังไงครับ พี่จ้างเรามาเป็นแค่เพื่อนเที่ยวอย่างเดียว…พี่ไม่พอใจน้องแยมคงไม่ได้หรอกค่ะ”
“…..” ฐานิตาเม้มปากเบา ๆ เธอก้มหน้าลงเล็กน้อย พร้อมกับสูดหายใจเฮือกยาว
ไม่พอใจบ้าอะไรล่ะ…ต่อให้มองจากนอกโลกก็เห็นชัดเจน ทั้งสายตา น้ำเสียง และคำพูดประชดประชัน คิดว่าฐานิตาจะดูไม่ออกหรือว่าเขากำลังไม่พอใจเธออยู่? แล้วยังมีประโยคต่อมาที่ทำเอาเธอถึงกับสะอึกอีก
“ขนาดเสียเงินเป็นหมื่นก็ยังไม่มีสิทธิ์เลย…ก็ต้องทำใจปะวะ”
“ไอ้เชี่ยเก้ามึงก็ประชดให้มันน้อยหน่อย พูดแบบนั้นน้องเขาหน้าเสียแล้วเห็นปะเนี่ย”
“ไม่เป็นไรค่ะพี่นิก” ฐานิตาเอ่ยปากบอก ก่อนจะส่งยิ้มให้ชายหนุ่มที่ออกตัวตำหนิเพื่อนของเขา เพื่อแสดงว่าเธอไม่เป็นอะไรแม้จะรู้สึกหน้าชานิด ๆ ก็ตาม
คำว่า ‘จ้างมา’ ‘จ่ายเงิน’ ‘เสียเงิน’ มันแทงใจดำของฐานิตาเข้าอย่างจัง แล้วเธอจะมีสิทธิ์มาจองหองอะไรได้อีก เงินที่ใช้ซื้อเธอ…เงินนี่แหละที่ชนะทุกสิ่ง
“เอาเป็นว่าเดี๋ยวแยมดื่มเป็นเพื่อนพี่ก็ได้ค่ะ” ฐานิตาปั้นยิ้มหวาน ดวงตาคู่สวยแม้จะอยู่ในที่แสงน้อยแต่ยังคงความงดงาม ทำให้ใบหน้าที่เคยบูดบึ้งของนายเก้าดูดีขึ้นอีกครั้ง
“พี่ไม่อยากบังคับแยม” ชายหนุ่มอ้างเสียงอ่อน แต่ใจลิงโลดที่ในที่สุดเธอก็ยอมดื่มด้วย
“ถือว่าเป็นเซอร์วิสพิเศษจากแยมก็แล้วกันค่ะ” ฐานิตายิ้มขำ ริมฝีปากอิ่มที่เคลือบด้วยลิปกลอสสีเชอร์รี่ระบายรอยยิ้มกว้างจนดวงตาหยีเล็ก
ฐานิตานั่งมองแก้วเครื่องดื่มสีสวยตรงหน้า ความรู้สึกขัดแย้งผุดขึ้นมาในใจ ริมฝีปากของเธอเม้มแน่น ขณะที่ในหัวกลับสะท้อนเสียงของความเป็นจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ‘เงิน’ ทุกอย่างในคืนนี้คือเงิน แต่เธอไม่เคยคิดว่าตัวเองจะต้องยอมจำนนให้กับสิ่งนี้
เธอหลับตาเพียงชั่วครู่ พยายามกลืนก้อนอะไรบางอย่างลงไปพร้อมกับความรู้สึกที่ค่อย ๆ บดขยี้เธอทีละนิด เธอรู้ว่าทางเลือกของเธอมีอยู่ไม่มากนัก สุดท้ายเธอจึงยกแก้วขึ้นมา น้ำหนักของแก้วเบากว่าที่คิดเมื่อเทียบกับภาระในใจ… เบาจนเธอแอบใจหวิวเล็กน้อย
‘แกเลือกของแกเองนะแยม…แกจะไปโทษใครเขาได้’