บทที่ 3 “ความแค้น... กับคำลาที่ไม่ได้ลา” 2

1268 Words
ต่อมาร่างของนายแม่ปริม ถูกเคลื่อนย้ายไปไว้ที่วัดใกล้บ้าน มีเพียงคนในหมู่บ้านและละแวกใกล้เคียงเท่านั้นที่รู้ว่าเสียชีวิตแล้วอย่างสงบ เพราะปราชญ์ไม่ได้ป่าวประกาศให้คนได้รู้มากนัก ไม่อยากให้คนเยอะวุ่นวาย แม้เขากับมารดาจะเป็นคนกว้างขวางในจังหวัดก็ตาม แต่เวลานี้เขาไม่มีกำลังใจจะต้อนรับใคร อยากฟังสวดเงียบๆ และสวดเพียงสามวันก็เผาตามประเพณี ทำทุกอย่างให้เรียบร้อย เรียบง่าย เพื่อที่จะได้เคลียร์หนี้แค้นแบบไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง “ต่อไปนี้ กูจะรออยู่ที่นี่ พวกมึงไปจัดการตามแผนที่เราวางเอาไว้ได้เลย” ปราชญ์พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “คงต้องใช้เวลาสักอาทิตย์นะครับนาย กว่าจะบรรลุผล” ผู้ช่วยหนุ่มกล่าวเสียงเรียบแต่ยิ้ม ผู้ช่วยคนนี้คือ ชรันทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยของปราชญ์ และเป็นผู้จัดการของชิลมอนเต้ซึ่งก็คือชื่อไร่ เป็นทั้งมือปืน บอร์ดี้การ์ด รวมไปถึงเก็บกวาดขยะให้เรียบร้อยในบางครั้ง “กูรอได้ แต่ต้องไม่นานกว่านั้น ไม่ได้ด้วยเล่ห์กูก็จะเอาด้วยกล ของมีค่าของมัน กูจะเอามา ดูซิว่ามันจะกล้าเอาของมีค่าของเราที่ขโมยไปมาแลกไหม” น้ำเสียงของปราชญ์เหี้ยมเกรียมร้ายกาจ อาฆาตมาดร้ายมากเลยทีเดียว “หึๆ มันจะหมดหน้าตักแล้วครับนาย ไม่เหลืออะไรแล้ว” “กูจะเป็นเจ้ากรรมนายเวรมันไปแบบนี้ จนกว่ามันจะมีจุดจบเหมือนแม่ เข้ากรุงเทพได้แล้ว เอาเด็กๆ ไปด้วยสักสองคน” “ครับนาย” ชรันรับคำและก้มศีรษะเล็กน้อย ก่อนจะออกไปจากห้องทำงาน โดยมีลูกน้องอีกสองคนตามออกไปด้วย เมื่อลูกน้องออกไปหมด ปราชญ์จึงลุกขึ้นยืนแล้วเอี้ยวตัวหันหน้าไปทางด้านหลังของตัวเอง ซึ่งเป็นกระจากบานใหญ่ เบื้องหน้าคือถนนหน้าบ้านและสวนหย่อมปลูกดอกไม้นานาพันธุ์ เพื่อไม่ให้บ้านดูไร้ชีวิตชีวาเกินไปนัก ทว่าสิ่งที่ล้อมรอบบ้านเอาไว้นั้นกลับไม่ใช่ดอกไม้ แต่เป็นไร่องุ่นกว่า 300 ไร่ ซ้ายขวาหน้าหลังเป็นไร่องุ่นทั้งหมด แต่บ้านของปราชญ์คือสูญกลางของไร่ เขาเป็นนายใหญ่ของที่นี่ ควบคุมดูแลลูกน้องหลายร้อยคน สร้างบ้างแต่ละหลังห่างออกไปเป็นสัดส่วน เน้นกระจกใสทำให้ดูโปร่งสบายใจน่าอยู่ เพื่อผู้ทำงานจะได้รู้สึกถึงความอบอุ่นเหมือนอยู่บ้านตนเอง ถัดจากบ้านของปราชญ์คือออฟฟิศขนาดใหญ่ มีชั้นเดียวหลังคาสูง กว้าง เป็นจุดอำนวยความสะดวกลูกค้า มีทั้งร้านอาหารสไตล์อิตาลีและห้องพักหรูไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยว ด้านหลังของบ้านหลังนี้เป็นภูเขา มีบ้านของนายแม่ บ้านคนงาน และโรงบ่มโวน์ขนาดใหญ่ บ้านแต่ละหลังอยู่ห่างกันไม่มากนัก ไปมาหาสู่กันได้ทุกวัน แต่ตอนนี้ปราชญ์คงไม่ได้ไปหามาสู่บ้านของนายแม่แล้ว คงต้องเปลี่ยนบ้านหลังนั้นให้เป็นอย่างอื่นเพื่อจะได้มีประโยชน์ เขาจะเก็บท่านเอาไว้ในความทรงจำเท่านั้นพอ แทนที่จะเก็บสิ่งต่างๆ ของท่านเอาไว้ให้เจ็บปวดเสียใจ แต่เขาไม่ลืมที่จะเก็บความแค้นไว้ ซึ่งต้องรอวันสะสางเท่านั้น กรุงเทพฯ โรงแรมระดับสามดาวแห่งหนึ่ง กำลังประสบปัญหาเศรษฐกิจอย่างหนัก ผลกระทบจากหลายๆ อย่างที่ทำให้นักท่องเที่ยวบางตาลง ตามข่าวคือหนีไปเที่ยวประเทศอื่นกันหมด สถานเคยมีคนพุกพล่านก็เงียบเหงา ไม่ก่อให้เกิดรายได้ พอไม่มีนักท่องเที่ยง ธุรกิจห้องพัก โรงแรมต่างซบเซากันไปถนัดตาเช่นกัน หนึ่งในนั้นคือโรงแรมสยามวลัย ที่ยอมแพ้ต้องปิดกิจการแบบไม่มีกำหนด เพราะไม่มีรายได้เข้ามา แต่หนี้สินไม่หยุดนิ่ง นักท่องเที่ยวไม่มีสักคน จึงต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายรวมถึงค่าจ้างพนักงาน ปัญหานี้กำลังรุมเร้าโรงแรมหนักหนาเอาการ “เอายังไงดีครับ พนักงานกำลังรอการตัดสินใจของเรา เพราะถ้าเราไม่ทำอะไรเลย มีหวังเรื่องได้กระจายลงโซเชียลแน่ๆ เราปล่อยเขาลอยแพไม่ได้” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการหนุ่มให้ความเห็น “แต่เราไม่มีรายได้ เราก็เลี้ยงพวกเขาไม่ได้เหมือนกันนะคุณรัน” เจ้าของโรงแรมกล่าว “ระหว่างนี้ถ้ารายได้ไม่เกิด ทางที่ดีที่สุด คือปิดทางน้ำไหลของเราเอาไว้ชั่วคราว ขืนเปิดไปเราก็จะเสียค่าใช้จ่ายบานเบอะทุกเดือน โดยรายรับไม่เข้า คราวนี้เงินเราติดลบแน่ๆ ครับ” “คุณจะให้เราปิดโรงแรมไปก่อนเหรอ” “ผมก็คิดอย่างนั้น คิดเหมือนคุณรัน คือปิดโรงแรมชั่วคราว” เจ้าหน้าที่ชายอีกคนแทรกขึ้น “ตอนนี้โรงแรมกลายเป็นโรงแรมร้างแล้วนะครับท่าน มีแต่พนักงานซึ่งเราต้องรับผิดชอบเขาด้วย” ผู้ช่วยฯ แทรกขึ้น “หลายล้านเลยนะคุณรัน ไหนจะหนี้ธนาคารที่ไม่ได้รับการลดหย่อน” “ถ้าท่านจะฟังแผนของผม คือให้เงินเดือนพนักงานเต็มเดือนนี้ แล้วให้พวกเขาพักกลับบ้าน หรือหางานใหม่ แล้วก็นำเงินบางส่วนจ่ายค่าน้ำค่าไฟ ค่าจิปาถะ” “ตั้งหลายล้าน เงินทุนหมุนเวียนก็ไม่เกิด เราติดลบแน่ๆ” “ผมไม่รับเงินเดือนจากท่านก็ได้ครับ เอาไปจ่ายพนักงานเถอะ” ผู้ช่วยหนุ่มบอก “แต่... คุณรัน แน่ใจเหรอ” “ผมพอมีเงินเก็บ แต่พวกเขาแค่พนักงานเงินเดือนหมื่นกว่าบาท ในกรุงเทพฯ จะเอาเงินที่ไหนมาเก็บ แต่พวกเขาต้องมีเงินติดตัว” “ผม... เฮ้อ! ให้ตายเถอะ เมื่อสิ้นปียังค้างค่าโบนัสอยู่เลย คุณก็รู้” “ท่านพูดอย่างนี้ เหมือนจะไม่จ่ายพนักงานเลยนะครับ” “ก็มันไม่มีไงคุณรัน ถ้าเราจ่ายทั้งหมดที่ว่ามานี่ เราไม่มีเงินเลยนะธนาคารผิดนัดเดือนเดียวมันก็จะเอาเรื่องเราแล้ว” “เรื่องนั้นค่อยว่ากันครับ ผมมีผู้ใหญ่ใจดีพอที่จะให้ความช่วยเหลืออยู่ ถ้าผมเอ่ยปาก” “ผู้ใหญ่ใจดีเหรอ” “ครับเรื่องเงิน เรื่องโรงแรม ถ้าผมขอเขาก็อาจจะช่วยไม่มากก็น้อย แต่ตอนนี้ท่านฟังผมและทุกคน ว่าต้องให้เงินพนักงานเสียก่อน จากนั้นเราค่อยมาคุยกันเรื่องแผนต่อไป” “เอางั้นเหรอ เอ่อๆ ให้ก็ได้ เดี๋ยวจะให้บัญชีเคลียร์ให้ภายในอาทิตย์นี้ จะได้ครบทุกคน” “ดีครับ ขอบคุณแทนพนักงาน” “ว่าแต่ผู้ใหญ่ใจดีเนี่ย คือยังไง” “เผื่อเราหมุนเงินไม่ทัน ฟื้นตัวยังไม่ได้ หรือเผื่อธนาคารจะมายืดซึ่งผมเชื่ออยู่ข้อหนึ่งตามที่ท่านบอกคือ เราจะฟื้นตัวยากกว่าจะมีนักท่องเที่ยว กว่าจะมีรายได้เข้ามาน่าจะเป็นปี ฉะนั้นเราต้องหาความช่วยเหลือล่วงหน้า” “คุณหมายถึงเรื่องเงินๆ ทองๆ” “ครับ ผู้ใหญ่ที่ผมเคารพรักน่ะ ท่านรู้ว่าผมทำงานที่นี่ รู้ว่าผมได้รับผลกระทบ ท่านพร้อมที่จะช่วยเหลือหากเราไม่ไหว” “ผมกลัวอย่างเดียว กลัวหมุนเงินไม่ทันแล้วธนาคารจะมายึดน่ะสิ” “ไว้เราค่อยแก้ปัญหาไปทีละเปราะกันครับท่าน คุยกับผู้บริหารคนอื่นต่อละกันครับ เดี๋ยวผมไปแจ้งพนักงานก่อน เขาคงดีใจ” “เอ่อ ไปเถอะ” ว่าแล้วผู้ช่วยหนุ่มก็ขอตัวออกไปทันที
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD