บทที่ 5 “หรือนางฟ้าจะปีกหัก” 1

1226 Words
“แล้วเราจะได้เจอกันขจร” ปราชญ์เอ่ยออกมาลอยๆ น้ำเสียงเหี้ยมเกรียม และหยักยิ้มแบบอย่างร้ายกาจ พอได้รับข่าวดีหน่อยก็ทำให้เขาอารมณ์ดี จนต้องออกจากห้องไปหาอะไรมาดื่ม บ่ายๆ แบบนี้คนงานก็ลงไปดูแลไร่องุ่นที่อยู่หน้าบ้าน พอเห็นเขาออกมายืนรับลมทุกคนก็หันมามองเป็นตาเดียว ก็แหงล่ะเขาใส่แค่ชุดคลุมแถมยังใส่ไม่เรียบร้อยอีกต่างหาก ทว่าได้คนงานผู้ชายที่สนิทกับเจ้านายปรามเอา ไม่งั้นเป็นตากุ้งยิงกันแน่ๆ แต่จังหวะเดียวกันนั้น ก็มีนักท่องเที่ยวเดินผ่านหน้าบ้านไปอีก พวกเธอมากันสี่ห้าคน และกำลังเดินไปยังอาคารสำนักงานเพื่อจะได้พักผ่อน รับประทานอาหาร แต่สาวๆ ก็มองเขาไปตาเป็นมัน ใบหน้าแดงก่ำเสียอย่าง ด้วยความเจ้าชู้ในสายเลือดเขาก็ยิ้มให้หนึ่งทีก่อนจะยกแก้วไวน์เพื่อเป็นการทักทาย “ตายแล้ว เขาทักฉัน” สาวคนอื่นหันไปทำเสียงคิกคักกับเพื่อน “ทักฉันย่ะ” เพื่อนอีกคนบอกยิ้มๆ “หล่อเนอะ หล่ออ่ะแม้จะเซอร์ก็เถอะ” “หล่อมาก” ต่างคนต่างระริกระรี้มีคนหล่อทัก แต่ไม่มีใครรู้ว่าปราชญ์เป็นใคร จากนั้นก็เดินผ่านไปจนถึงร้านอาหารโน่นแหละ พอเจอพนักงานต้อนรับก็ทำให้พวกเธออยากรู้ ว่าเขาคนนั้นเป็นใคร ทำไมดื่มไวน์ชิลๆ ที่บ้านหลังนั้น “เอ่อ พี่ ผู้ชายคนที่อยู่บ้านหลังนั้นเป็นใครคะ” “บ้านหลังไหนครับ” “หลังแรกที่เรามาถึงไงคะ บ้านชั้นเดียวกระจกเยอะๆ อ่ะ” “อ่อ บ้านนาย... เจ้าของไร่ครับ ชื่อคุณปราชญ์” พนักงานบอก “หล่อมาก แม้จะมีหนวดเครา ผมยาวนิดๆ แต่ออร่ามาก ถึงว่าไม่เหมือนคนธรรมดา” “หึๆ ครับ เชิญด้านในครับ” พนักงานบอกยิ้มๆ ซึ่งเขาชินกับอาการแบบนี้ของสาวๆ แล้วล่ะ แต่สงสัยเจ้านายจะอารมณ์ดีออกมายืนรับลมเวลานี้ แล้วคนที่ทำให้อารมณ์ดี คือชรันนั่นแหละ ซึ่งชรันเป็นมือขวาระดับพระกาฬ เก่งที่บู๋ทั้งบู๊ ฉลาด รู้ทัน และเอาเจ้านายที่ขึ้นชื่อว่าร้ายกาจอยู่หมัด เพราะปกติแล้วปราชญ์ไม่ให้ใจกับใครง่ายๆ และชรันคือคนที่ปราชญ์ฟังคนเดียวเท่านั้น แต่ก็อีกนั่นแหละชรันก็ฟังแค่ปราชญ์คนเดียวเหมือนกัน ทั้งคู่สนิทกันมากจนเหมือนพี่น้อง อยู่ด้วยกันตั้งแต่เด็ก แต่ลูกน้องคนอื่นปราชญ์ก็ให้ใจเหมือนกัน เพียงแต่ว่าจะให้คะแนนชรันมากกว่า บัดนี้ชรันกำลังจะไปทำตามแผนที่วางเอาไว้หลายปี “นี่... นี่มันอะไรกันครับเนี่ย จะไปไหนกัน” ชรันถามด้วยความสงสัยเมื่อเห็นคนงานกำลังขนเฟอร์นิเจอร์บางตัว ออกมาจากบ้านหลังใหญ่ของขจร “อ้าวคุณรัน วันนี้วันเสาร์นึกว่าพักผ่อนซะอีก” ขจรถามพลางขมวดคิ้ว “ก็ว่าจะพักผ่อนครับ แต่เป็นกังวลเลยมาหาท่าน แล้วนี่เอาเปียโนออกมาทำไมครับ” “ขายน่ะ มีคนซื้อก็ขาย มันไม่จำเป็นอีกแล้ว ถ้าเป็นไปได้ก็ว่าจะขนของมีค่าที่ไม่ได้ใช้ออกมาขายได้” “งั้นเหรอครับ” ชรันตอบก่อนจะมองเข้าในบ้านก็เห็นคุณหนูคนงามยืนกอดอกมองออกมา “ว่าแต่มีอะไรเหรอคุณรัน” “เชิญข้างในดีกว่าครับ” ชรันผายมือเชิญเจ้าของบ้านซะก่อน เพื่อให้ขจรเดินนำ และตรงไปยังห้องรับแขก “ยัยหนู ไปเอาน้ำมาให้คุณรันหน่อยสิไป” บิดาหันมาใช้บุตรสาวเสียอย่างนั้น “อ้าว เกี่ยวอะไรกับขวัญ ใช้ขวัญทำไม” “แม่บ้านไม่ว่าง” “แล้วเด็กรับใช้ไปไหนหมดครับ” “ก็ให้ออกน่ะ เหลือไว้แค่สองสามคน” “ไหวไหมครับท่าน มีอะไรให้ช่วยไหม” “พยายามอยู่ ไปสิยัยขวัญไปเอาน้ำมาให้คุณรัน” บิดาสั่งอีกครั้ง ทำให้เธอสะบัดหน้าใส่แล้วเดินฉับๆ เข้าครัว “พูดถึงเรื่องให้ช่วย เรื่องขายโรงแรม” “อืม อย่างที่ผมบอกท่าน เขาเป็นคนต่างจังหวัดที่ไม่ค่อยสันทัดกับการเทคโอเวอร์โรงแรม ส่วนใหญ่จะซื้อที่ดินเก็บไว้เกงกำไรก็มี แล้วก็เล่นของเก่า แก้วแหวนเงินทองเก่า เครื่องเพชร เขาเก็บหมด ขอแค่มูลค่า” “เครื่องเพชรเหรอ ของเก่าก็มีแต่คงทำให้เราอยู่ได้ไม่นาน แต่ถ้าเป็นโรงแรมเราก็อยู่ได้จนตาย” “ระหว่างนี้ท่านก็ใช้ทรัพย์สินที่มีอยู่ไปพลางๆ ก่อนน่าจะดีครับ จะได้ประหยัดไปในตัว” ชรันกล่าว จังหวะเดียวกันนั้นของขวัญเดินเอาน้ำเข้ามาเสิร์ฟพอดี เขาจึงเหน็บแนมซะเลย “อันไหนที่เคยซื้อแพงๆ หลักแสนขึ้นไป ก็คงต้องลองลดเกรดลงมาเป็นกระเป๋าผ้าลดโลกร้อน” เขาจงใจพูดประชดของขวัญสินะ “แล้วนี่ได้งานทำหรือยังครับคุณขวัญ” “จริงสิ พูดเรื่องงานนั่งลงซิยัยขวัญ เผื่อจะให้คุณรันฝากงานให้” “ค่ะ” ของขวัญตอบส่งๆ ก่อนจะเดินไปนั่งข้างบิดา “ช่วงนี้ขวัญยังไม่มีเวลาไปสมัครงานเลยค่ะ ก็บ้านเราเป็นแบบนี้ ขวัญเลยคิดอะไรไม่ออก” “คิดเร็วๆ หน่อยก็ดีนะครับ เดือนนี้อาจจะไม่มีเงินใช้” เขาก็แกล้งพูดไปงั้นแหละ กระตุ้นอารมณ์โกรธเธอ เพราะรู้ว่าเธอไม่ชอบขี้หน้าเขา “แล้วที่ไหนเขาจะรับเล่าเศรษฐกิจแบบนี้ มีแต่เงินเดือนถูกๆ หมื่นห้าหมื่นหก ขวัญไม่เอาหรอกค่ะ” “เคยอยู่เฉยๆ แล้วมีเงินใช้เดือนละหลายแสนจนชินสินะครับ อะไรๆ มันก็ต้องปรับตัว คุณโชคดีแค่ไหนแล้วที่มีปริญญาติดตัว พอจะทำให้เจ้าของกิจการเขาสงสารให้เงินเดือนหลักหมื่น ลองคิดดูว่าคนที่เรียนน้อยเขาแทบจะไม่มีทางเลือกเลย นายจ้างให้เท่าไหร่ก็ต้องเอา ตอนนี้คุณเองก็เหมือนกัน จบแค่ ป.ตรี จะเอามากกว่านี้ก็ตลกแล้วล่ะครับ” “ทีคุณ คุณพ่อให้ตั้งหลายหมื่น” “ผมจบโทจากออสเตเรีย มีประสบการณ์ด้วย แล้วคุณมีประสบการณ์หรือยัง” เขาตั้งใจตอกหน้าเธอและขจรไปในตัวนั่นแหละ “เอาน่าเอาน่า หนูต้องฟ้งคุณรันบ้าง เขามาช่วยเรา” “ผมจะมาให้คำปรึกษาท่านอีกเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ผมจะต้องไปหางานทำใหม่เหมือนกันครับ” “ก็ขอบใจที่อย่างน้อยยังไม่ทิ้งกัน ว่ามาเลยจะช่วยอะไร” “ก็เรื่องที่คุยกันเมื่อกี้ เรื่องงานคุณขวัญ ถ้ายังไม่ได้สมัครงานที่ไหน ผมมีที่แนะนำฝากฝังให้ได้” พอฟังอย่างนี้สองพ่อลูกถึงกับหูผึ่งเลยทีเดียว “ฝากเหรอ ที่ไหน” “ก็ผู้ใหญ่ที่ผมเคารพนั่นแหละครับ ธุรกิจของเขาอยู่ที่โคราช ธุรกิจไร่องุ่นและผลิตไวน์ส่งออกต่างประเทศ” “เกี่ยวกับองุ่น แล้วจะให้ฉันไปทำตำแหน่งไหนอ่ะ” “ตำแหน่งไหนก็เอาไว้ก่อน ท่านมีหลายส่วนให้ดูแล เช่น งานออฟฟิศ ร้านอาหาร ที่พัก ดูแลโรงบ่มไวน์ หรือ... เก็บองุ่น” “ไม่เอาหรอกเก็บองุ่นอ่ะ แดดร้อน”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD