“ว่าแต่กวีนี่ชื่อเดิมมึงเหรอ”
“ชื่อพ่อกู” ไม้ซุงบอกเพื่อนแล้วตวัดค้อนมาทางหญิงสาวหน้าทะเล้น “เรียกให้มันดีๆ”
“ค่ะ พี่ไม้ขีด” เธอหัวเราะอย่างเป็นต่อ
“ไม่ได้ดีขึ้นเลย” ไม้ซุงส่ายหัว
“พี่ไม้ขีดครับ มื้อนี้น้องยักษ์เลี้ยงเองครับ” ยักษ์ได้ทีรีบขยี้ต่อ จับหมับตรงที่ถูกประณามว่าเป็นไม้ขีด “ไม้ขีดจริงๆ ด้วยอะตัวเอง แบบนี้หญิงไม่ฟินนะ”
“ทะลึ่ง” ไม้ซุงด่าเพื่อน
เมื่อรู้ว่าสาวน้อยคนนี้เป็นน้องของเพื่อน...น้องภาษาอะไรของมันก็ไม่รู้ ยักษ์ก็ไม่อยากยุ่ง เขาจึงวกกลับไปที่เป้าหมายแรก “น้องเรียนคณะอะไรคะ”
“มนุษย์ฯ ค่ะ”
“ชื่ออะไรคะ” ยักษ์เริ่มกระบวนการจีบ
“หนูชื่อบัว คนนี้เป้ย นั่นขนมผิง” บัว หรือบัวบูชา สาวหมวยผมยาวที่ยักษ์ต้องการลงหลักปักหมุดส่วนตัว เอ่ยแนะนำเพื่อนทีละคน
“ชื่อบัวเหรอคะ น่ารักแล้วยังชื่อเพราะอีก”
ระหว่างที่ยักษ์กำลังแจกขนมจีบป้อนคำหวาน กระทิงก็มองน้องสาวเพื่อนไม่วางตา
“ขนมผิงเหรอจ๊ะ ชื่อน่ากินจัง” กระทิงเพ้อ แต่ขนมผิงไม่ได้เคลิ้ม เธอเพียงแค่ยิ้มให้เขา คนที่เธอสนใจกลับเป็นอีกคน
“พี่ไม้ขีด ผิงขอเบอร์โทร.หน่อยสิ” ขนมผิงหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมา
“ถ้าจะเอาไปแล้วโทร.มาวุ่นวาย พี่ไม่ให้นะ อยากอยู่อย่างสงบ” ไม้ซุงทำหน้าเบื่อ
“เอาของพี่ทิงไหมจ๊ะ” กระทิงแทรกเข้ามา
“ไม่ต้อง น้องยังเด็ก” พอเพื่อนพูดแบบนั้น ไม้ซุงจึงคว้าโทรศัพท์จากมือเล็กมาแล้วกดเบอร์ตัวเองโทร.ออก จากนั้นก็วางสาย ส่งโทรศัพท์คืนสาวน้อย “ตั้งใจเรียนนะ ยังไม่ต้องมีแฟน มันไม่มีประโยชน์”
“หูย เข้มงวดกับน้อง ทีตัวเองล่ะ...”
“หุบปากเน่าๆ ของมึงซะไอ้ทิง”
ด่าเพื่อนเสร็จ เงยหน้ามาอีกทีก็เห็นน้องยืนอมยิ้มมองโทรศัพท์ของตัวเอง
“ขอบคุณนะพี่ไม้ขีด ไปกันเถอะ บัว เป้ย” ขนมผิงพยักหน้าให้เพื่อน
“เดี๋ยวพี่ยักษ์เดินไปส่งนะจ๊ะ” ยักษ์ลุกพรวด “ฝากจ่ายเงินด้วยนะเพื่อน”
“นั่ง” ไม้ซุงกระตุกเพื่อนให้นั่งลง
“อะไรวะ”
“ตกลงกันไว้แล้วไงว่าวันนี้มึงเลี้ยง ห้ามชักดาบ” ไม้ซุงทวง
“โธ่โว้ย ไอ้งก” ยักษ์ล้วงกระเป๋าสตางค์ หยิบธนบัตรสีแดงฟาดลงบนโต๊ะสองใบ แล้วพาสามสาวเดินไปทางหอหญิง
ไม้ซุงหันไปมองตามระหว่างที่ยักษ์พาน้องๆ ข้ามถนน แล้วก็โดนเพื่อนที่นั่งฝั่งตรงข้ามยิงคำถาม
“น้องจริงเหรอซุง ทำไมไม่มีเบอร์มึง”
“บอกว่าน้องก็น้องสิ”
“งั้นกูจีบนะ ต้องจีบมึงก่อนใช่เปล่า” กระทิงไม่เกรงกลัวเพื่อนที่ชักสีหน้าใส่
“แล้วแต่ความสามารถของมึง จะจีบกูก่อน หรือจีบน้องก่อนก็แล้วแต่”
“กูถือว่ามึงอนุญาตแล้ว” กระทิงมัดมือชก
ไม้ซุงแค่ไหวไหล่ให้เพื่อนเป็นคำตอบ
*********
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด
เสียงโทรศัพท์ของไม้ซุงดังขึ้นตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า
ชีวิตเด็กหอในวันที่ไม่มีเรียนจะมีอะไรมีความสุขไปกว่าการนอนเกือบเช้า แล้วตื่นเกือบบ่าย
นี่เขาเพิ่งจะหลับไปได้สองชั่วโมง เพื่อนร่วมห้องเริ่มกระดุกกระดิก เอาหมอนมาปิดหูมั่ง คลุมโปงมั่งเพราะเสียงโทรศัพท์ของเขารบกวนการนอน
ไม้ซุงเผยอเปลือกตาขึ้นมองเบอร์แปลก ไอ้พวกคอลเซนเตอร์ไม่รู้จักเวล่ำเวลา มุกด่าพ่อล่อแม่ใช้จนเบื่อ วันนี้ไม้ซุงขอจัดแบบซอฟต์ๆ
“ว่าไงจ๊ะที่รัก” ไม้ซุงหยอด จะหญิงหรือชายไม่สนแหละ จีบก่อนเลย
“รับสายได้หวานจัง” เสียงผู้หญิงปลายสายตอบกลับมา
“หวานได้กว่านี้อีกนะจ๊ะ” ไม้ซุงตอบไปเสียงละมุนที่สุด
“กินข้าวเช้าด้วยกันนะ” คอลเซนเตอร์สาวชวนเสียงหวาน
“หืม” สมองของไม้ซุงประมวลผล เสียงคุ้นๆ แต่ยังไม่แน่ใจ “กินอะไรดีจ๊ะ”
“อะไรก็ได้จ้ะพี่จ๋า กริ๊ด”
จะกรี๊ดก็ไม่กรี๊ดให้เต็มเสียง ไม้ซุงทำปากแบะ
“ไม่ชอบคำตอบแบบนี้เลยจ้ะที่รัก ระบุมาเลยได้ไหมคะคนดี พี่ตามใจน้องจ๋าทุกอย่าง” เขาจ๊ะจ๋าคะขากลับ
“อืมมมมมม เอ่ออออออ”
เขาได้ยินอีกฝ่ายเอาแต่ส่งเสียงอืม อืม อืม ไม้ซุงจึงพลิกตัวนอนตะแคงข้าง วางโทรศัพท์ไว้บนหู ใช้ใบหน้าอันหล่อเหลาเลี้ยงเครื่องมือสื่อสารไว้ไม่ให้ตก รออย่างใจเย็นระหว่างคอลเซนเตอร์เลือกร้านอาหาร จนกระทั่งหลับไป
และมารู้ตัวอีกทีตอนที่รูมเมตปลุก
“เฮ้ย เที่ยงแล้วเพื่อน นัดแพรไว้ไม่ใช่เหรอ” ยักษ์พูดเสียงดังระหว่างหยิบเครื่องอัฐบริขารขึ้นมาใส่ ทั้งนาฬิกา แหวน สร้อย พร้อมฉีดน้ำหอมอบอวลจนฉุน
ไม้ซุงงัวเงียขึ้นมานั่ง ไม่ใช่แค่ยักษ์ที่แต่งตัวเสร็จแล้ว กระทิงเองก็ด้วย
“อ้าว อาบน้ำกันหมดแล้วเหรอ” เขาวาดเท้าลงจากเตียงไปโดนสิ่งแปลกปลอมบนพื้นเข้า
ทำไมโทรศัพท์ของเขาถึงลงมานอนแอ้งแม้งแบบนี้ได้ล่ะ ไม้ซุงหยิบมันขึ้นมาจากพื้นข้างเตียง กดดูเวลา
“ฉิบหาย แบตหมด กี่โมงแล้ววะ”
“เที่ยงห้านาที” กระทิงเป็นคนตอบ
“ป่านนี้แพรคอยแย่แล้ว” ไม้ซุงผลุนผลันจัดการเอาโทรศัพท์ไปชาร์จ
“กูไปก่อนนะ นัดน้องบัวไว้” ยักษ์ตะโกนบอกเพื่อนที่ตาลีตาเหลือกคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำ
“กูก็ไปด้วย มีน้องบัวก็ต้องมีน้องผิง” กระทิงเดินตามยักษ์ไปที่ประตูห้อง
*********
สองชั่วโมงแล้วที่ขนมผิงมานั่งในโรงอาหาร หน้าร้านขายอาหารญี่ปุ่น ตรงตำแหน่งอย่างที่นัดแนะเป๊ะๆ แต่รอแล้วรอเล่าคนที่เธอนัดก็ยังไม่มาสักที โทร.ไปก็โทร.ไม่ติด ทำอะไรไม่ได้จึงได้แต่นั่งคอยอยู่ที่โต๊ะ
เนื่องจากวันนี้ยังไม่เปิดเทอม ร้านอาหารจึงเปิดแค่บางร้าน ทุกร้านมีคนต่อคิวค่อนข้างยาวเพราะนักศึกษาทยอยมากินอาหารมากขึ้นเรื่อยๆ แม่ค้าเริ่มมองขนมผิงด้วยสายตาไล่ที่เมื่อโต๊ะหน้าร้านเต็ม เธอจึงต้องสั่งข้าวหน้าแซลมอนย่างมากินไปพลางๆ กันแม่ค้าด่า