ในตอนที่คุณนายขอให้ไอศูรย์แต่งงานกับเธอ และจดทะเบียนด้วย ชายหนุ่มตอบรับทันที ใบข้าวก็ประหลาดใจว่าเป็นเพราะอะไร
ที่จริงเขาอยากทำให้คุณแม่ของเขาสมหวังก่อนตายเท่านั้น เพราะคุณพ่อได้บอกกับไอศูรย์แล้วว่า คุณนายผดุงรัตน์น่าจะอยู่ได้อีกไม่นาน ถ้าทำอะไรเพื่อแม่ได้ คนเป็นลูกอย่างเขาก็ควรทำ
เมื่อได้จดทะเบียนเป็นเมียของเขา คุณนายก็ได้แต่เฝ้าถามใบข้าวว่า... “เมื่อไรจะท้องเสียทีหนูข้าว”
เธอก็อยากจะบอกท่านจริง ๆ ว่าตั้งแต่ได้ชื่อว่าเป็นเมียตีตรา ไอศูรย์ยังไม่แตะต้องตัวเธอเลย
เอาเรื่องจริงมาพูด ใบข้าว... เธอไม่ได้ฝันเฟื่องและอยากเป็นเมียของไอศูรย์หรอก แต่ทว่าใบข้าวก็อยากจะทำเพื่อคนป่วยอย่างคุณนาย ที่ทุกข์ทรมานกับโรคที่เป็นให้มีความสุขบ้างเท่านั้น
อนึ่งเธอก็หลงในรูปร่างหน้าตาของไอศูรย์ ก็หล่อราวกับหลุดมาจากนิตยสารแฟชั่น เธอมารู้ที่หลังว่า ไอศูรย์เป็นลูกครึ่ง พ่อของเขาที่จากไปเมื่อสองปีก่อน เป็นถึงลูกสุลต่านของเมืองหนึ่งในดูไบที่ร่ำรวยขั้นมหาเศรษฐี
แต่พอสามีเสียชีวิต คุณนายจึงกลับมาที่บ้านเกิด คือจังหวัดเชียงราย และมาขอใช้ชีวิตบั้นปลายที่นี่ ทว่าเวลาที่จะมีความสุขของท่านก็ช่างแสนสั้นเหลือเกิน
ตอนนั้นคุณนายผดุงรัตน์ป่วยหนักและกำลังจะจากไป แม้จะมีเงินทองกองท่วมฟ้า ก็ไม่สามารถยื้อชีวิตได้ มะเร็งที่มีอยู่ในร่างกายของท่านเริ่มลุกลาม
การยื้อยุดชีวิตจากน้ำมือของหมอ ก็ทำให้คุณนายอยู่ต่อได้ถึงสามปี สองปีแรกเธอได้อยู่ดูแลท่าน ปีที่สามเธอได้แต่งงานจดทะเบียนกับเขา และหลังจากที่คุณนายเสียเธอก็ยังคงอยู่ในบ้านหลังนั้นอีกสักพัก ก่อนที่จะหย่าขาดจากกัน
ในตอนนั้นเอง วิชัยหรือว่าเปี๊ยกเด็กชายวัยสิบเอ็ดขวบที่เธอให้ลูกชายไปเล่นด้วย
เปี๊ยกวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในบ้าน
“น้าข้าวครับ น้าข้าว แย่แล้ว แย่แล้ว” เปี๊ยกหน้าตาตื่นเลยทีเดียว
ใบข้าวถึงถลันเข้าไปหา เปี๊ยกยืนหอบแฮก ๆ หน้าซีดจางไปหมด “มีอะไร”
“น่านฟ้าครับ หกล้ม แล้วเห็นอะไรขาว ๆ ด้วย”
“หา! แผลลึกมากเลยเหรอ” คิดว่าคงจะเห็นไปถึงชั้นไขมันแล้ว
“ครับ เลือดท่วมเลย ฮือ…” เปี๊ยกคงจะสงสารน้องมาก และรู้สึกเจ็บแทน
“แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหน”
“พ่อพาไปอนามัยแล้วครับ” ถึงตอนนี้ทุกคนในหมู่บ้านก็ยังเรียกอนามัยอยู่ แม้จะเปลี่ยนชื่อเป็นโรงพยาบาลชุมชนแล้วก็ตาม
ในเวลาต่อมา
“ซนจนได้เรื่องนะเรา” ใบข้าวโอบกอดน่านฟ้า
โดยไม่ดุด่าสักคำ เธอสงสารลูกน้อยจับใจ แผลแตกที่หัวเข่าเย็บไปตั้งสิบสองเข็ม หน้าตาของเด็กชายซีดเผือด ทั้งกลัวแม่จะดุด่า และทั้งเจ็บเจียนขาดใจ ดวงตาละห้อยมองแม่แบบขอโทษ
“มันก็ซนตามประสา แต่ว่าพี่ต้องขอโทษด้วย ไม่ทันได้ดูมัน ถ้าเห็นมันเล่นเสี่ยง ๆ ขึ้นไปบนยุ้งข้าวและกระโดดลงมา เฮ้อ… แต่ทำไม ๆ ไม่ยักกะเห็นหรือก้อนหินฮึ” พิชัยพ่อของเปี๊ยกยกมือขึ้นขยี้หัวของน่านฟ้า
“ลุงครับ ถ้าน่านเห็นจะกระโดดลงมาใส่ก้อนหินทำไม จริงไหมล่ะ” น่านฟ้ายังมีแรงเถียง เล่นเอาทุกคนตรงนั้นถึงกับหัวเราะออกมา
“ให้มาล้างแผลทุกวันนะ เดี๋ยวจะติดเชื้อได้ และอย่าเล่นซนจนเอาแผลไปคลุกฝุ่นล่ะ” คุณหมอสุนทรีบอก
“ขอบคุณนะคะหมอ”
“ห้ามซนอย่างนี้อีกล่ะ” ใบข้าวกำกับกับลูกชายของตนอีกครั้ง
“เข็ดแล้วครับ” คนที่ตอบคือเปี๊ยกเอง
“ฮึ… เอ็งนั่นแหละตัวดี ตัวนำน้องดีนัก เดี๋ยว ๆ ไปถึงบ้านก่อน พ่อจะชำระโทษเอ็ง”
พ่อทำท่าจะเพียะเข้าให้ ชี้หน้าปรามาสเขาเอาไว้แล้ว แต่เปี๊ยกรีบเข้าสวมกอดที่เอวพ่ออย่างแน่นขนัด
“ต่อไปเปี๊ยกจะไม่เล่นอะไรแผลง ๆ อีกแล้วครับ เนอะน่านเนอะ” หันไปพยักพเยิดกับน้อง
“ครับ” สองคนพยักพเยิด เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย
“นี่ขนาดเจ็บตัวกันน่ะ” แม่ทำหน้าดุขึ้นมานิดหน่อย
“เป็นลูกคู่กันดีจริง ๆ ดีนะที่อวัยวะยังอยู่ครบ นี่ถ้าหากขาหักละก็ จะเป็นอีกเรื่องหนึ่งเลยแหละรู้ไหม? เฮ้อ... ได้ลำบากกันหมดทุกคน ภาระ”
ลุงพิชัยดุทั้งสองคน เอาเป็นว่าที่ดุด่าก็เพราะเป็นห่วงนั่นแหละ
ใบข้าวโล่งอกที่ลูกชายแข้งขาไม่หัก เธอจึงได้แต่เช็ดน้ำตาให้ลูก “ลูกผู้ชายใครร้องไห้กัน”
“น่านนี่แหละครับ”
ทำให้ทุกคนได้หัวเราะกันอีกหนึ่งกรุบ
“ไปรับยาแก้ปวดและแก้อักเสบไปกิน คืนนี้แหละจะต้องได้เรื่องแน่ ๆ” หมอสุนทรีพูดอีก
จากนั้นก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
แผลสดไม่เจ็บหรอก แต่ตอนที่แผลเริ่มแห้งและงวดรัดเข้า มีได้โอดครวญเพราะทั้งเจ็บและก็ทั้งคัน บ่นอุบว่าเข็ดหลาบแล้ว
บ้านไอศูรย์
ณ คฤหาสน์หลังหนึ่งที่อยู่ในเนื้อที่มากกว่าห้าสิบไร่ ภายในห้องรับแขกตกแต่งด้วยสไตล์ทันสมัย ซึ่งเป็นการปรับตกแต่งขึ้นมาใหม่
หญิงสาวรูปร่างสมส่วนนั่งหน้าเคร่งเครียด ณธิชากำลังพูดคุยอยู่กับเพื่อนของเธอทางมือถือ หัวคิ้วขมวดแข็งเข้าหากัน
“ฉันไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว ฉันอยู่เป็นนางบำเรอบนเตียงกับเขาก็หลายปี แต่เขาไม่มีทีท่าจะขอฉันแต่งงาน แม้ว่าฉันจะขอร้องก็แล้ว พูดอ้อนวอนก็แล้ว อ้อม ๆ อะไรทุกอย่างฉันทำมาหมดแล้ว”
ปลายสายตอบด้วยน้ำเสียงปลอบโยน และก็เห็นใจเพื่อนของเธอมาก
(“รออีกสักหน่อยจะเป็นไรไปล่ะเธอ ชาช่า… เธอก็รอมาหลายปีแล้วนะ”)
“จะบ้าไหม ให้รอ ให้รอ ให้รอ แล้วเมื่อไร ฉันจะไม่ไหวแล้วนะ มันเบื่อ และไม่มีอิสระอะไรเลย หกปีกว่าแล้ว” เพิ่งจะมาคิดได้เอาปีนี้ มันมีกินมีใช้ สุขสบาย ได้เที่ยวต่างประเทศ แต่ไม่มีอิสระ และไม่ได้มีเกียรติอะไร เพราะไอศูรย์ไม่ได้ให้
(“ชาช่าทำไมเธอไม่ปล่อยให้ท้อง”)
>>><<<