“มันไม่ใช่เรื่องจริง...ใช่ไหม”
มือของสการ์เล็ตต์ที่จับเอกสารสัญญาการซื้อตุ๊กตาหนึ่งร้อยตัวกำลังสั่นระริก น้ำตาเอ่อคลอจนแทบจะทนกลั้น เธอไม่อยากเชื่อเลยว่าคนที่เชื่อใจและไว้ใจจะทำกับเธอขนาดนี้
ยามาทมองหญิงสาวที่อ่อนแอแต่ฝืนทำแข็งแกร่งตรงหน้าด้วยหัวใจที่อ่อนโยน เขาไม่ได้สนใจเงินจำนวนนั้นที่เสียไปเลยเพราะมันช่างน้อยนิดนัก ทว่าถ้าเปรียบเทียบกับคนตรงหน้าที่กำลังเสียขวัญแล้วนั้นมันเลวร้ายยิ่งกว่า
“สัญญาถูกต้องทุกอย่างค่ะ แล้วเท่าที่ทางเราตรวจสอบกับธนาคารเช็คฉบับนั้นก็ถูกเบิกเงินสดเรียบร้อยแล้ว”
เลขาฯ ของยามาทรายงานด้วยสีหน้าราบเรียบ เธอมักจะเคยชินกับการถูกตามตัวกะทันหันเพื่อแสดงเอกสารต่างๆ แม้จะเห็นน้ำตาของสการ์เล็ตต์เธอก็ไม่รู้สึกรู้สาอะไรนัก
“ทำไมเลวอย่างนี้นะ” อายะได้แต่กระทืบเท้าเร่าๆ ไม่สนใจว่าใครจะมองเธออย่างไร แม้ว่ารู้จักคบหากับสการ์เล็ตต์ได้ไม่นาน แต่เธอรู้สึกผูกพันราวกับรู้จักกันมาเป็นสิบปี เพราะฉะนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่อายะจะเป็นเดือดเป็นร้อนแทนมากมายขนาดนี้
“แบรด...แบรดคงมีเหตุผลบางอย่าง” สการ์เล็ตต์ฝืนทำใจเย็น “ฉันจะโทรหาลุงคูเป้...เอ่อ...ฉันไปหาลุงคูเป้ดีกว่า...”
สการ์เล็ตต์ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่กลับหน้ามืดขึ้นกะทันหัน ร่างบางเสียการทรงตัว แต่โชคดีที่มีมือใหญ่ประคองไว้ทันก่อนที่ล้มลงศีรษะฟาดพื้นเข้าเสียก่อน
“ช่างมันเถอะ! คุณหัดห่วงตัวเองก่อนที่จะคิดถึงเรื่องอื่นได้ไหม!”
เขารู้สึกหงุดหงิดกับท่าทางของหญิงสาวตรงหน้า จะเรียกว่าอะไรดีนะ ความรักมันบังตาจนตาบอดหรือไง เรื่องเกิดขึ้นขนาดนี้เธอยังจะมีกะจิตกะใจเชื่อใจคนพรรค์นั้นอีก
“แต่...แต่...” เธออึกอักรู้สึกเหมือนหายใจติดขัด ไม่รู้ว่าเพราะร่างกายที่อ่อนแอหรือว่าเพราะอยู่ใกล้ชิดชายร่างใหญ่คนนี้นะ
“หน้าคุณซีด” หมอยามาทพึมพำแล้วจับหญิงสาวนั่งตักตัวเอง นิ้วมือใหญ่ทว่าทำงานอย่างรวดเร็ว พลิกเปลือกตาหญิงสาวดูเพื่อตรวจโรค แล้วพลิกฝ่ามือของหญิงสาวดูผิวหนังและเล็บของเธอ
“คุณ...คุณทำอะไร” เธอถามเสียงแผ่วทั้งที่ตกใจ
“คุณเป็นโลหิตจาง” เขาสรุป “ถ้าจะให้ดีต้องไปตรวจที่โรงพยาบาลให้แน่ใจ”
“ไม่! ไม่! ฉันไม่ไปโรงพยาบาล” สการ์เล็ตต์ส่ายหน้าอย่างหวาดกลัว ตั้งแต่เธอไปรับศพแม่ที่โรงพยาบาลเมื่อสองปีก่อน เธอไม่เคยพาตัวเองไปเฉียดใกล้โรงพยาบาลอีกเลย
“คุณกลัวเสียเงินมากกว่าห่วงสุขภาพตัวเองหรือไง”
ยามาทคิดไปเรื่องอื่น แต่อดแปลกใจตัวเองไม่ได้ว่าทำไมถึงห่วงใยหญิงสาวคนนี้นัก หรือเพราะความเป็นหมอที่คอยดูแลคนอื่นที่ทำให้เขาทนเห็นความลำบากของคนอื่นไม่ได้ มันคงไม่ใช่ความรู้สึกอื่นหรอก เพราะดูแล้วอายุของเจ้าหล่อนคงอ่อนกว่าเขาเป็นสิบปี
“ฉัน...ฉัน” สการ์เล็ตต์ส่ายหน้าไปมา แค่พูดว่าโรงพยาบาลเธอก็กลัวจนตัวสั่น
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว” เขาประกาศเสียงกร้าวเลือดชาวทะเลทรายทำให้เขาแสดงความเป็นผู้นำ และการใช้อำนาจซึ่งมันมีอยู่ในทุกอณูของจิตวิญญาณ มือใหญ่ช้อนร่างบอบบางที่สั่นสะท้านเพราะความสับสนแล้วก้าวยาวๆ มาที่รถยนต์ซึ่งเมื่อครู่มันเพิ่งพาเลขาฯ ของเขามาเมื่อชั่วโมงที่ผ่านมา
“คุณจะพาฉันไปไหน” สการ์เล็ตต์แทบจะหวีดร้องออกมาอย่างตื่นตระหนก ทว่าความสับสนทั้งหลายทั้งปวงที่ประเดประดังเข้ามาทำให้เสียงที่ผ่านรอดไรฟันเป็นเพียงเสียงแผ่วเบา
“โรงพยาบาล! คุณต้องการการตรวจอย่างละเอียด”
ยามาทพาร่างบอบบางและแสนจะเบาหวิวเข้าไปในรถ ดันร่างบางชิดด้านในและพาตัวเองเข้าไปนั่งเขาสั่งให้คนขับออกรถก่อนจะปิดประตูด้วยซ้ำ รถออกตัวอย่างรวดเร็วเหมือนรู้ใจผู้เป็นนาย ทำเอาคนที่ไม่ทันตั้งตัวถึงกับผงะตื่นตกใจรู้สึกเหมือนตัวเองถูกลักพาตัว
“คุณจะทำอะไร!”
“พูดประโยคอื่นบ้างก็ได้มิสสการ์เล็ตต์ รูธ” เขาถอดเสื้อนอกของตัวเองออกอย่างรำคาญ เขาเคยชินกับเสื้อกราวนด์มากกว่าเสื้อสูทแบบนักธุรกิจ แต่ต้องยอมรับว่าสองสถานะนั้นใช้ความรับผิดชอบมากพอๆ กัน
“ก็...” เธออึกอักและยิ่งรู้ว่ารถแล่นบนถนนอย่างรวดเร็วก็ยิ่งใจสั่น
“ผมไม่ได้ลักพาตัวคุณ” เขาพูดน้ำเสียงยานคางเหมือนแมวง่วงนอน “แต่คุณต้องได้รับการรักษา”
“ฉันไม่ได้ป่วย!” ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเครียดจัด
“ผมเป็นหมอ” เขาย้ำเธอรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ “และรู้ดีว่าคุณกำลังป่วย”
“ฉันไม่ต้องการไปโรงพยาบาล...ฉันหาซื้อยากินเองได้!”
“นั่นยิ่งจะทำให้อาการคุณแย่ลง” เขาถอนหายใจหนักๆ รู้สึกเหมือนตนเองกำลังเผชิญหน้ากับเด็กดื้อที่กลัวการกินยาขม
“ไม่! คุณไม่เข้าใจ” เธอเริ่มเสียงแผ่วลงอย่างอ่อนล้าและสิ้นหวัง เพียงแค่คิดว่าตัวเองต้องเข้าโรงพยาบาลร่างกายก็เหมือนจะเยียบเย็นจนกลายเป็นน้ำแข็ง
“ผมยอมรับว่าไม่เข้าใจ” เขาหันหน้ามาเผชิญกับหญิงสาวตรงๆ “คุณนี่เหมือนเด็กจริงๆ”
“ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะ! ฉันอายุยี่สิบสองแล้ว” สการ์เล็ตต์ยังอุตส่าห์เถียงเขาอีก
“ยี่สิบสองเหรอ” เขาครางออกมา “ทำไมคุณทำตัวเหมือนเด็กอายุสิบสองที่ไม่ยอมฟังเหตุผลอะไรเอาเสียเลย”
“คุณต่างหากที่ไม่ฟังฉัน” เธอสบตาเขาตรงๆ และรู้ว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ผิดเพราะการมองลึกเข้าไปในดวงตาสีเทาคู่นี้กลับยิ่งทำให้เธองุนงงสับสนหนักกว่าเดิม
“มิส...ผมเป็นหมออายุสามสิบหกแล้ว มีวุฒิภาวะทางอารมณ์มากกว่าคุณเป็นร้อยเท่า!”
น้ำเสียงแข็งกร้าวของเขามีแววอาทรอยู่เต็มเปี่ยม ยามาทรู้สึกสงสารเธอขึ้นมาจับใจหญิงสาวผู้แสนสับสนคนนี้อายุน้อยกว่าเขา 14 ปี ท่าทางที่แสนสับสนของเธอแล้ว คงมีบาดแผลบางอย่างในชีวิตที่ไม่อาจเปิดปากได้ จนสิ่งนั้นกัดกร่อนจิตใจจนร่างกายเจ็บป่วย เขาขยับร่างใหญ่ของตนเข้าใกล้ จนได้กลิ่นหอมละไมจากเรือนกายของหญิงสาว สการ์เล็ตต์ถอยหลังหนีรัศมีที่เต็มไปด้วยอำนาจของเขา ทว่าแผ่นหลังของเธอชิดประตูรถแล้ว
“คุณทำแบบนี้ทำไม” น้ำเสียงแผ่วเบาของเธอลอยปนลมหายใจที่ผ่าวร้อนปะทะใบหน้าของเขา
ยามาทเหลือบตามองไปที่กระจกส่องหลัง เขารู้ดีว่าคนขับรถของเขาหลบสายตาที่เขามองผ่านกระจกนั่น ความอยากรู้อยากเห็นของมนุษย์มีมากเกินกว่าจะควบคุม ที่นี่ไม่ใช่บาฮาเนีย มันไม่ใช่สถานที่ที่เขาจะสั่งให้ใครทำอะไรตามใจได้แม้ว่าปกติเขาก็ไม่ค่อยได้ใช้ ‘อำนาจ’ ที่ว่านั่นนักหรอก
“เพื่อนมนุษย์” เขาพึมพำออกมาแล้วขยับตัวนั่งในท่าปกติ “ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับคุณ แต่ในเมื่อคุณกำลังเดือดร้อนอยู่ตรงหน้า ผมย่อมต้องช่วยเหลือ ครั้งหนึ่งผมเองเคยตกที่นั่งลำบากและมีคนยื่นมือเข้าช่วยเหลือทั้งที่ไม่รู้จักผม ถ้าคืนนั้นไม่มีใครเข้ามาช่วย ผมก็คงพิการหรือไม่ก็ตายไปแล้ว”
ยามาทรู้สึกหายใจลำบากในอกเจ็บร้าวไปหมด สองครั้งในชีวิตที่เขาได้รับการช่วยเหลือจากคนแปลกหน้าจนรอดพ้นจากเงื้อมือมัจจุราช เมื่อครั้งที่เขาตัดสินใจเรียนแพทย์ก็เพราะสำนึกที่เคยถูกช่วยเหลือในวัยเด็กให้รอดพ้นจากความตายกลางทะเลทราย เขาตอบแทนพระคุณของผู้ช่วยชีวิตด้วยการทำหน้าที่แพทย์ประจำพระวรกายกษัตริย์แห่งประเทศบาฮาเนียอย่างเต็มกำลัง โดยไม่สนใจว่าตัวเองจะต้องอยู่อย่างเดียวดายในทุกค่ำคืน เขาไม่ได้เป็นแค่แพทย์ที่ถวายการรับใช้ฝ่าบาทเท่านั้นแต่ยังต้องดูคอยดูแลโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวกับการแพทย์ ยิ่งมีองค์หญิงนักพัฒนาอย่างองค์หญิงจัสมิน ที่ทรงเข้ามาปรึกษาเกี่ยวการโครงการโรงพยาบาลในชนบท ทำให้หน้าที่ของเขาเพิ่มมากขึ้น ทว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกเหนื่อยหน่ายแต่อย่างใด
ความเงียบที่แผ่กระจายมาจากตัวชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ ทำให้สการ์เล็ตต์อึดอัดอย่างบอกไม่ถูก แต่จะให้เธอกระโจนออกจากรถเหมือนในหนังแอ็กชั่นที่เคยดูได้ คงทำไม่ได้ หญิงสาวจึงได้แต่กอดตัวเองแน่นไม่ให้อาการสั่นสะท้านแผ่กระจายออกให้เขาได้รับรู้
มือใหญ่เอื้อมมือโอบไหล่บางและออกแรงผลักเพียงนิดเดียว ร่างบางของหญิงสาวก็เซถลาเข้าซุกอกกว้างของเขา
“คุณต้องพักผ่อน” น้ำเสียงอ่อนโยนของเขาทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น “จิตใจที่อ่อนล้าของคุณจะทำให้ร่างกายคุณย่ำแย่ลง”
“ฉัน...”
“คุณยังไม่ต้องพูดอะไรตอนนี้หรอก” เขาเอ่ยบอกแล้วกดศีรษะของเธอให้แนบอกของเขา น้ำเสียงต่ำและนุ่มของเขาทำให้หัวใจเธอสงบลง “เราต่างมีเรื่องมากมายในชีวิต คุณไม่ต้องกังวลเรื่องตุ๊กตาหนึ่งร้อยตัวหรือผู้ชายที่ชื่อแบรดนั่นหรอก”
“แบรด...” เธอพึมพำออกมา “เขาเป็นคนดี...เขาอยู่เป็นเพื่อนฉันมาตลอดสองปีที่แม่ฉันตายจากไป เขากับลุงคูเป้ช่วยจัดงานศพให้แม่ของฉัน ในขณะที่ฉันแทบจำไม่ได้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น ถ้าไม่มีแบรดกับลุงคู้เป้ ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง”
“คุณแค่ไม่รู้ว่าจะใช้ชีวิตยังไงต่างหาก” เขาเอ่ยอย่างเข้าใจ “อย่าทำตัวเป็นคนไม่มีทางเลือกเพียงเพราะคุณไม่รู้ว่ามีหนทางให้เลือก”
คำพูดของเขาทำให้สการ์เล็ตต์เงยหน้าขึ้นมองแต่ก็เห็นแค่คางเขียวครึม แล้วจู่ๆ เธอก็รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนอยู่ที่กระเป๋าเสื้อ และเขาก็รู้สึกเช่นกันจึงสอดมือเข้ามาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา
“อยู่ไหนคะที่รัก”
“บนรถ...ผมกำลังจะไปโรงพยาบาล” เขาตอบด้วยน้ำเสียงปกติ ไม่ได้ผลักหรือหลบไม่ให้หญิงสาวออกห่าง
“คุณไม่สบายหรือคะคุณหมอยามาท” เรอิโกะถามปนหัวเราะเสียงใส
“ผมพาเพื่อนที่ไม่สบายไปโรงพยาบาล”
‘เพื่อน...นี่เธอกลายเป็นเพื่อนของมหาเศรษฐีคนนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่’
สการ์เล็ตต์ได้แต่นิ่งเงียบฟังเสียงพูดคุยผ่านโทรศัพท์มือถือ ทั้งที่รู้ว่ามันเป็นเรื่องเสียมารยาท แต่ว่าเธออยู่บนอกกว้างของเขาอย่างนี้ต่อไม่ให้แอบฟังก็ได้ยินเต็มสองหู
“ฉันไม่ยักรู้ว่าคุณมีเพื่อน” เรอิโกะถาม
“ก็แค่เพื่อน” เขาไม่ได้โกหก แม้ว่าปกติเขาจะไม่เรียกใครว่า ‘เพื่อน’นักหรอกแถมเพื่อนคนนี้อายุต่างจากเขาตั้ง14 ปี “คุณมีเรื่องด่วนหรือเปล่า”
“ไม่ค่ะ ฉันแค่โทรมาขอบคุณเรื่องที่เลขาฯของคุณช่วยจัดการซื้อที่ดินแปลงที่ฉันอยากได้ให้เรียบร้อยแล้ว”
“ต้องขอสารภาพว่าผมยังไม่รู้เลยว่าร้านจิวเวอรี่สาขาใหม่ของคุณอยู่ตรงไหน” เขาเป็นคนพูดจาตรงไปตรงมาแบบนี้เสมอ
“จริงหรือคะ” เรอิโกะหัวเราะคิกคัก “มันก็แค่ตึกเก่าๆ ตึกหนึ่งที่ตอนนี้เปิดเป็นร้านขายสินค้าแฮนด์เมด”
‘ตึกเก่าๆ ขายสินค้าแฮนด์เมด!!!’
ยามาทรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง เขาก้มหน้ามองหญิงสาวในอ้อมอกและเมื่อสบตากับดวงตาสีน้ำตาลที่จ้องมองเขานิ่ง เขาถึงกับต้องกลั้นใจถามออกไป
“ร้าน Once ค่ะ ร้านเชยระเบิดเลย แต่ช่างเถอะยังไงฉันก็จะจัดการรื้อเอาของเก่าสกปรกแบบนั้นทิ้งอยู่แล้ว”
“ไม่จริง! นั่นมันร้านของฉันนะ! ฉันไม่เคยขายให้ใคร!!!” สการ์เล็ตต์หวีดร้องอย่างลืมตัว
“เสียงผู้หญิงนี่! คุณอยู่กับใครคะหมอยามาท” เรอิโกะถามเสียงแหลมออกมา เธอไม่เคยเห็นเขาอยู่กับหญิงอื่นเลยสักครั้ง
“ผมติดต่อกลับนะเรอิโกะ” ยามาทรีบตัดสายทิ้งและปิดมือถือทันที
“ไม่จริง! มันต้องเข้าใจอะไรผิดแน่ๆ”
สการ์เล็ตต์ส่ายหน้าไปมา เธอรู้สึกวิงเวียนจนต้องหลับตาแน่น ยามาทกอดร่างบางเข้าไว้แนบอกและลูบศีรษะเบาๆ อย่างปลอบโยน เขารู้สึกชื้นที่อกเสื้อ หญิงสาวตรงหน้าไม่ยอมให้เสียงร้องไห้เล็ดรอดออกมาแต่เขารู้ดีว่าเธอกำลังร้องไห้
“ไม่เป็นไร...ทุกอย่างต้องผ่านไปด้วยดี”.