สการ์เล็ตต์ถอนหายใจหนัก แม้พยายามทำใจมาตลอดว่าคงไม่สามารถตามหา ‘แหวนของพ่อ’ คืนกลับมาได้ ทว่าเมื่อมีเวลาหญิงสาวก็จะต้องเดินหาแหวนวงนั้นเสมอ
เธอเคยไปแจ้งความและตามหาตามร้านขายของเก่าแต่ก็ไม่พบ เพราะความสะเพร่าของเธอแท้ๆ ที่ทำให้ ‘ของต่างหน้า’ ชิ้นสำคัญหายไป เธอสวดภาวนาอ้อนวอนพระเจ้าอยู่ในใจให้ตามหาของมีค่าชิ้นสำคัญนั้นให้พบ
ตั้งแต่จำความได้ เธอมีเพียงแม่เท่านั้นที่คอยดูแลเธอมาตลอด แม้ว่าฐานะของเธอค่อนข้างมีความเป็นอยู่ที่ลำบากแต่กระนั้นก็ยังมีสมบัติมีค่ายิ่งคือตึกเก่าที่เป็นที่ตั้งร้าน Once ก่อนหน้าที่จะทำร้านนี้ขึ้นมา แม่ของเธอทำงานหลายอย่างเพื่อให้เธอได้เรียนหนังสือและกินอิ่มทั้งสามมื้อ เธอจำได้อย่างเลือนรางว่ามีญาติอยู่เหมือนกัน แต่แม่ไม่ยอมย้ายที่อยู่ไปไหนราวกับจะรอคอยใครบางคน หญิงสาวยังจำได้ว่าทุกครั้งที่เธอเอ่ยปากถามเรื่องพ่อ น้ำตาของแม่จะเอ่อคลอทุกครั้ง เธอจึงเลิกถามตั้งแต่นั้นเรื่อยมาจนเมื่อลมหายใจสุดท้ายของแม่มาเยือนสร้อยที่เธอสวมติดคออยู่ตลอดเวลาตั้งแต่เด็ก มีแหวนวงหนึ่งห้อยอยู่ในวันที่แม่จากไปนั้น มือที่ไร้เรี่ยวแรงของแม่ยื่นมาแตะสร้อยเงินที่มีแหวนวงเล็กๆ แล้วเอ่ยกับเธอว่า
‘ของพ่อลูก...มันคือสิ่งเดียวที่จะยืนยันว่าลูกคือ...ลูกของชายคนนั้น’
‘ใครคะ ใครเป็นพ่อหนู’
ยังไม่ทันแม่จะเอ่ยปากเล่าเรื่องราวที่เก็บงำเป็นความลับมาเนิ่นนาน แม่สิ้นลมหายใจไปเสียก่อน ตลอดพิธีศพเธอแทบกลายเป็นตุ๊กตาที่ไร้ความรู้สึก แทบจำไม่ได้เลยว่าผ่านช่วงเวลานั้นได้อย่างไร
‘แม่ของหนูเคยคบหากับผู้ชายอาหรับอยู่คนหนึ่ง ตอนที่แม่ของหนูเดินทางไปเที่ยวบาฮาเนียถ้าจำไม่ผิด แม่ของหนูอยู่ที่นั่นเป็นหลายเดือนเชียว’
‘พ่อของหนูเป็นคนอาหรับเหรอคะ’ เธอเอ่ยถามอย่างงุนงงเมื่อฟังลุงคูเป้เล่าเรื่องราวที่เป็นส่วนหนึ่งของความลับนั้น
‘ลุงก็รู้แค่นั้น แม้แต่ชื่อแม่ของหนูยังไม่เล่าเลย’ คูเป้ถอนหายใจหนักๆ เขาเองก็แอบหวังว่าหลานสาวนอกไส้คนนี้ อาจจะมีพ่อเป็นมหาเศรษฐีและจะได้ช่วยให้ยัยหนูสการ์เล็ตต์ของแกพ้นความทุกข์ยากได้บ้าง
สการ์เล็ตต์ค้นหาข้อมูลประเทศนี้จากอินเตอร์เนท แม้ว่าจะเป็นประเทศเล็กๆ ที่แทรกตัวอยู่ในดินแดนแห่งทะเลทราย แต่ก็ใช่ว่าเธอจะเดินถือสร้อยที่ห้อยแหวนของพ่อเพื่อตามหาผู้ให้กำเนิด แต่เธอไม่รู้จะตามหาชายคนนั้นทำไม เพราะเขาเองคงไม่รู้ว่ามีเธออยู่บนโลกใบนี้ด้วยซ้ำ ถึงมีความคิดเช่นนั้น แต่ในวินาทีที่รู้ว่าแหวนของพ่อหายไป หัวใจเธอก็เหมือนไร้เรี่ยวแรง ราวกับตัวเองล่องลอยในสุญญากาศ
“เมี๊ยวววววว เมี๊ยวววววววว”
สการ์เล็ตต์หันซ้ายแลขวาตามเสียงที่ได้ยิน แล้วเธอก็ต้องแหงนหน้าคอตั้งบ่า เมื่อเจ้าของเสียงที่ร้องขอความช่วยเหลือดังอยู่เหนือศีรษะของเธอเอง
“นั่นแมวของคุณนายแพรี่นี่น่า”
มือเรียวขยับแว่นตากรอบหนาให้ชิดใบหน้าอีกครั้ง เจ้าแมวลายเสือตัวนั้นขึ้นไปบนต้นไม้อีท่าไหนนะ? ทำไมถึงลงไม่ได้ต้องร้องขอความช่วยเหลืออย่างนี้ สการ์เล็ตต์พยายามเขย่งตัวขึ้นเพื่อจะจับลูกแมวที่อยู่บนกิ่งไม้เหนือศีรษะ ทว่ารูปร่างที่ผอมบางของเธอดูเหมือนจะช่วยอะไรไม่ได้เลย
“สงสัยต้องปีนแล้วละมั้ง” เธอพึมพำบอกกับตัวเองแล้วรวบชายกระโปรงยาวรุ่ยร่ายของตนทำท่าจะปีนต้นไม้จริงๆ แล้วจู่ๆ มือใหญ่ก็คว้าเอวบางของเธอไว้ก่อน
“คุณจะทำอะไร” เสียงดุๆ เอ่ยถามที่ข้างหู
กลิ่นหอมอ่อนๆ จากกายของชายหนุ่มที่ซ้อนมาด้านหลังทำให้สการ์เล็ตต์รีบหันขวับไปมองทันที แล้วดวงตาของเธอก็ต้องเบิกกว้างอย่างตกใจเมื่อเห็นหนุ่มอาหรับมาดเข้มยืนหน้าบึ้งตึงอยู่ด้านหลัง
“ผมถามว่าคุณจะทำอะไร” ยามาทเผลอดุหญิงสาวตรงหน้าราวกับว่าเธอเป็นเด็กเล็กๆ ในการดูแลของเขา
“ลูกแมวค่ะ” เธอตอบไปอย่างขลาดๆ
“ลูกแมว?” ยามาทขมวดคิ้วอย่างฉงนแต่เมื่อเงยหน้าขึ้นตามสายตาของสการ์เล็ตต์ก็เห็นลูกแมวน้อยตัวสั่น รอคอยความช่วยเหลืออยู่พอดี
“ฉันจะไปเอาลูกแมวของคุณนายแพรี่ลงมา” เธอย้ำเจตนาดีของตนเอง
“คุณน่าจะหาคนช่วย” เขาพึมพำแล้วปล่อยเอวคอดออกอย่างเสียดาย “คุณควรขอความช่วยเหลือในสิ่งที่คุณทำเองไม่ได้”
“แต่ก่อนที่เราจะร้องขอความช่วยเหลือจากใครเราก็ควรลองลงมือทำก่อนไม่ใช่หรือคะ” น้ำเสียงที่ตอบกลับเต็มไปด้วยความท้าทาย
“แต่เราก็สามารถประเมินความสามารถของตนเองก่อนที่จะลงมือทำไม่ใช่หรือ” เขาพูดขึ้นโดยไม่มองหน้าบึ้งตึงของหญิงสาว เขาเขย่งปลายเท้าเพียงนิดเดียวก็สามารถจับลูกแมวน้อยลงมาได้สำเร็จและยื่นมันส่งให้สการ์เล็ตต์
“ขอบคุณค่ะ” เธอไม่รู้จะเอาเหตุผลอะไรมาเถียงเขา ในท่าทีเคร่งขรึมเหมือนพวกนักวิชาการแต่ดวงตาของเขาซ่อนความเจ้าชู้กรุ้มกริ่ม “คุณมาทำอะไรแถวนี้คะ”
“นี่ถนนส่วนบุคคลหรือ?” เขาเลิกคิ้วอย่างตั้งคำถาม
“ฉันแค่แปลกใจที่เห็นคุณอยู่ตรงนี้” เธอชักรำคาญเขานิดๆ ที่เขาช่างเต็มไปด้วยพลังในการควบคุมเสียเหลือเกิน
“บางทีเราอาจเคยเดินสวนทางกันนับครั้งไม่ถ้วน เพียงแต่เราไม่รู้จักกันมาก่อน” เขาเอ่ยน้ำเสียงทุ้มนุ่มลอยในอากาศ
ถ้อยคำของเขาทำให้เธอเถียงไม่ออก เพราะมันคือเรื่องจริงที่เธอรู้สึกอยู่เสมอๆ บ่อยครั้งที่ที่มองออกมานอกหน้าต่างแล้วรู้สึกโดดเดี่ยว กี่ครั้งกันนะที่เคยตั้งคำถามว่าในผู้คนมากมายเหล่านั้น มีใครบ้างไหมที่จะเข้ามาทำให้จิตใจของเธออบอุ่น
“คุณใส่แว่น?”
ยามาทถามอย่างแปลกใจครั้งก่อนเขาไม่เห็นหญิงสาวร่างเล็กนี่สวมแว่นตา เมื่อครู่ที่เขาเดินผ่านมา เขายังไม่แน่ใจว่าเป็นเธอด้วยซ้ำ ทว่าที่เขาปราดเข้ามาช่วย ก็เพราะกลัวว่าเธอจะปีนต้นไม้แล้วตกลงมาแข้งขาหักมากกว่า
“ฉันใส่แว่นแล้วผิดกฎหมายข้อไหนไม่ทราบคะ” เธอตอบน้ำเสียงขึ้นจมูก พาลูกแมวน้อยในอกที่ยังตัวสั่นเดินตามถนนเส้นเล็กๆ เพื่อนำมันไปส่งที่บ้านคุณนายแพรี่ซึ่งอยู่ห่างไปไม่กี่เมตร
“ฮะฮ่า” ชายหนุ่มหัวเราะพลางหยิบแว่นสายตาในกระเป๋าเสื้อขึ้นมาสวมบ้าง “ผมแค่คิดว่าอะไรดึงดูดให้เราได้มาเจอกัน อาจจะเป็นเพราะสวมแว่นตาแบบเดียวกันก็ได้”
สการ์เล็ตต์หันมาตามคำพูดของเขา ใบหน้าคมเข้มดูแปลกไปเมื่อสวมแว่นตากรอบหนาสีดำแสนเชย แม้ว่ารูปทรงจะแบบเดียวกัน ทว่าเธอมองเพียงแวบเดียวก็รู้ได้ในทันทีว่า นั้นเป็นแว่นตายี่ห้อดัง ส่วนของเธอมันแค่แว่นตาราคาถูก
“ฉันน่าจะเป็นฝ่ายถามคุณมากกว่า เพราะว่าคุณเป็นลูกค้ารายใหญ่ของฉัน” เธอตอบเหมือนจะเตือนตัวเองมากกว่าจะหาเรื่องปะทะคารมกับเขา
สการ์เล็ตต์เดินไม่กี่นาทีก็ถึงบ้านคุณนายแพรี่ เธอกดออดเรียกอยู่ครู่หนึ่ง ไม่นานนักร่างอุ้ยอ้ายของคุณนายแพรี่ในชุดผ้ากันเปื้อนก็เดินมาเปิดประตู เพียงเธอเห็นลูกแมวน้อยในอ้อมกอดของสการ์เล็ตต์หล่อนก็แทบจะกรีดร้องอย่างดีใจ มืออวบอูมรีบยื่นไปประคองลูกแมวน้อยของตนไว้ในอกอย่างปลอบขวัญ
“ขอบใจมากจ๊ะหนูสการ์เล็ตต์”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“ฉันอบขนมอยู่ รอเดี๋ยวนะ ฉันจะแบ่งให้”
“ไม่เป็นไรค่ะ” ยังไม่ทันพูดจบประโยคคุณนายแพรี่ก็พาลูกแมวตัวน้อยเข้าไปในบ้าน เธอหันมามองทางชายหนุ่มที่ยืนด้านหลังเหมือนขอคำปรึกษาแต่เขากลับยักไหล่แล้วยิ้มทะเล้นให้ เธอทำหน้าไม่ถูกและเพียงไม่ถึงห้านาทีขวดแก้วใบใสใส่คุ้กกี้หน้าตาประหลาดก็ถูกยัดใส่มือของเธอ
“เอาไปกินกับพ่อหนุ่มสุดหล่อคนนั้นก็ได้”
“ขอบคุณค่ะ”
สการ์เล็ตต์จำใจรับขนมของคุณนายแพรี่แล้วเดินจากมา ยามาทเห็นสีหน้าเป็นกังวลของเธอจึงอดเอ่ยถามไม่ได้
“ก็...ขนมของคุณนายแพรี่ขึ้นชื่อในความเค็มที่สุด”
“เค็ม? มิน่าล่ะคุณทำหน้าเลี่ยนๆ ชอบกล”
เขาหัวเราะเสียงดัง “สงสัยเจ้าแมวตัวนั้นมันคงทนความเค็มไม่ได้ถึงได้หนีออกจากบ้าน”
“คุณลองเอาไปกินดูสิค่ะ” เธอทำจมูกย่นอย่างน่ารัก “แล้วคุณเดินตามฉันมาทำไม”
“ผมก็มาตรวจดูสินค้าที่ผมสั่งซื้อไง” เขายิ้มเหมือนถือไพ่เหนือกว่า “แต่บังเอิญเจอคุณไปช่วยลูกแมวเสียก่อน”
สการ์เล็ตต์ขมวดคิ้วอย่างแปลกใจในคำถามของเขา เธอผลักบานประตูเข้าร้านของตน ให้เขาเดินตามเข้ามาด้านใน อายะจังที่กำลังห่อสินค้าใส่กล่องให้ลูกค้าเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงกรุ๋งกริ๋งที่ประตู สการ์เล็ตต์ชอบเสียงน่ารักๆ นี่มากกว่าเสียงออด แต่เธอก็จำเป็นต้องติดออดเพราะบ่อยครั้งที่เธออยู่ชั้นบนไม่ได้เฝ้าด้านล่าง หญิงสาวตาเรียวเล็กยิ้มจนตาหยีเมื่อเห็นหนุ่มหล่อมาดเข้มเดินตามหลังเพื่อนสาวเข้ามาในร้าน
“ฉันก็รอเงินล่วงหน้าครึ่งหนึ่งของคุณอยู่นี่ไงคะ” อาจจะเป็นคำพูดที่ดูเสียมารยาทไปสักหน่อย แต่ความตรงไปตรงมาของเธอคือเสน่ห์อย่างหนึ่งที่เธอไม่เคยรู้
“คุณกำลังพูดเรื่องตลกอะไรอยู่เหรอ” คราวนี้น้ำเสียงของเขาจริงจังจนเกือบจะกลายเป็นแข็งกร้าว “ผมเซ็นจ่ายเช็คล่วงหน้าให้คุณไปหมดแล้ว”
“จ่ายเงินล่วงหน้าอะไรกัน ฉันไม่รู้เรื่อง” สการ์เล็ตต์ส่ายหน้าไปมาจนผมสีน้ำตาลแดงที่ขมวดยุ่งๆ เหนือท้ายทอยรุ่ยร่ายลงมา
“เกิดอะไรเหรอจ๊ะ” อายะรีบเข้ามาหาเพื่อน ตอนนี้ในร้านไม่มีใครแล้ว
“ผมเซ็นจ่ายเช็คเป็นค่าตุ๊กตาหนึ่งร้อยตัวเรียบร้อยแล้ว” เขาเอ่ยย้ำที่ละคำชัดๆ และช้าๆ อย่างใจเย็น “คุณสามารถดูหลักฐานก*********นจากเลขาฯ ของผมได้”
“เดี๋ยวก่อน!มันเรื่องอะไรกัน!เงินอะไรฉันยังไม่ได้รับสักดอลล่าร์” สการ์เล็ตต์แทบจะร้องกรี๊ดออกมา
“คุณคือคนที่มาสั่งซื้อตุ๊กตาหนึ่งร้อยตัวกับสการ์เล็ตต์ใช่ไหมคะ” อายะพยายามลำดับเรื่องราว “ตุ๊กตาทำมือที่สการ์เล็ตต์ขายตัวละหนึ่งร้อยนี่สิบแปดดอลล่าร์”
“ซึ่งก็เป็นเงินทั้งสิ้นหนึ่งหมื่นสองพันแปดร้อยดอลล่าร์” เขาต่อประโยคให้อย่างรวดเร็ว “ถ้าคุณต้องการดูหลักฐานผมสามารถให้เลขาฯ นำให้ที่นี่ได้ทันทีในครึ่งชั่วโมง”
“ไม่จริง! ฉันยังไม่ได้รับเงินหรืออะไรเลย” สการ์เล็ตต์เข่าอ่อนแทบจะทรุดตัวลงนั่งกับพื้น แต่เพราะความหยิ่งทระนงทำให้เธอฝืนทำใจแข็ง
“แบรดบอกว่า คุณยังไม่ตกลงทำสัญญาซื้อขาย ฉันชะลอการทำตุ๊กตาเพิ่มให้ครบตามจำนวนที่คุณสั่ง”
“แบรด? แบรดอีกแล้วเหรอ!” อายะกระทืบเท้าเต้นเร่าๆ “ฉันเคยพูดแล้วไงว่าอีตานี่ไว้ใจไม่ได้”
สการ์เล็ตต์ยกมือขึ้นทาบอก รู้สึกเย็นเยียบไปทั้งตัว
ในวินาทีแห่งความสับสนวุ่นวาย เธอไม่เคยคิดเลยว่าคนที่เธอไว้ใจที่สุดจะทำร้ายเธอได้
‘ไม่จริง! แบรดต้องไม่ใช่คนแบบนั้น!’
“ฉันต้องการดูหลักฐานของคุณค่ะ มิสเตอร์ยามาท อัลบา”
ยามาทเกือบจะยิ้มออกมา เขารู้สึกได้ทันทีว่ามีพลังแข็งแกร่งซ่อนเร้นในความอ่อนแอของหญิงสาวตรงหน้า เขาจำได้ลางๆ ว่าเลขาฯของเขารายงานแล้วว่าผู้ชายที่ชื่อแบรดซึ่งอ้างเป็นคนรักของสการ์เล็ตต์เป็นคนมาติดต่อธุรกรรมต่างๆ แทนหญิงสาว เงินจำนวน12,800 ดอลล่าร์นั้นสำหรับเขาแล้วมันเป็นเศษเงินด้วยซ้ำไป
ทว่าดวงตาเด็ดเดี่ยวคู่นี้ของเธอ ที่ท้าทายให้เขากระหายใคร่รู้ว่าเธอจะจัดการกับปัญหาของตัวเองได้อย่างไร.