บทที่ 4
ร่างเล็กบอบบางต้องคอยตั้งรับความใหญ่โตโอฬารที่โจนจ้วงเข้าหาอย่างไม่บันยะบันยัง เบนเหมือนคนบ้าคลั่งและพร้อมทำลายทุกอย่างไม่ต่างจากพายุคลื่นในทะเลนอร์วีเจียน
ชายหนุ่มเฟ้นฟอนใบหน้าคร้ามเข้มไปบนทรวงอกอวบสล้างทั้งสองและจับขาเรียวงามแยกออกเพื่อจะได้รุกล้ำความเป็นชายเข้าไปในแก่นกายร้อนระอุ
พลอยพิชญาน้ำตาซึมเพราะยังไม่ชินชากับสิ่งแปลกใหม่ที่ถูกบีบบังคับให้มาพานพบ หญิงสาวจ้องนัยน์ตาสีน้ำเงินข้นคลั่กไม่ต่างจากพายุโหมที่กำลังทำลายตัวเธอ
“อา...คุณคับมาก...คุณยังคับมาก”
เสียงครางนั้นดังขึ้นเรื่อย ๆ มันจี้เข้าไปในหัวใจอันเจ็บปวดของร่างเล็ก ภายในกลีบเนื้อสีแดงเข้มจากการเสียดสีเหมือนจะปริแยกออกจากกัน เธอกำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยงเมื่อเขาเสือกไสแก่นกายชายเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า
“อ๊ะ...อ๊า...อุ๊ย...เบนคะ”
พลอยพิชญาครางอย่างหวั่นหวามในจังหวะสุดท้ายที่เขาแยกขาเธอออกกว้างเพื่อรับความอลังการที่เสียดกระแทกราวจะให้เธอแหลกเป็นจุณ
ร่างสูงใหญ่แหงนเงยใบหน้าขึ้น กล้ามเนื้อหน้าท้องเป็นลอนขมวดแน่นจนเกร็ง เบนเป็นผู้ชายที่หล่อเหลาและสมบูรณ์แบบ หญิงสาวอยากจะคิดเช่นนั้นหากเขาไม่ใช่ผู้ลงทัณฑ์เธอด้วยพิศวาสดิบเถื่อน
“โอว...อา....พระเจ้า!...อา”
เรือนร่างที่เคร่งเครียดไปด้วยมัดกล้ามของไวกิ้งหนุ่มทิ้งตัวลงนอนข้าง ๆ หญิงสาวเมื่อทุกอย่างสิ้นสุด เขาปลดปล่อยบางอย่างที่ยังอุ่นซ่านในกายอรชร ทุกอย่างสงบแล้วหรือ?...เบนคงแตะถึงขอบสวรรค์แต่เธอเองที่ยังอยู่กับความทรมานยากเกินจะรับ
น้ำตาหยดหนึ่งร่วงหล่นลงทางหางตา ผ่านขมับบางและซึมลงไปบนเรือนผมดำขลับเปียกชื้น พลอยพิชญามีเวลาเศร้าได้เพียงไม่นานก็รู้สึกว่าคนข้าง ๆ ผุดลุกขึ้น
“ใส่เสื้อผ้าของคุณซะ!”
เบนออกคำสั่ง เสียงของเขาดังซะจนหญิงสาวไม่อาจทนนอนอยู่ไหว ถึงจะทรมานแต่ก็ต้องฝืนขยับตัวลุกขึ้นแม้เจ็บปวดแทบตายเพื่อหยิบเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นและถูกทิ้งกระจายข้างเตียงขึ้นมาสวมใส่
ในขณะที่ร่างเล็กบอบบางเลื่อนตัวลงจากเตียงนั่นเองจึงทำให้เบนได้เห็นอะไรบางอย่าง รอยเลือดสีแดงเข้มเป็นจุดบนผ้าคลุมเตียงเป็นประจักษ์พยานว่าพลอยพิชญาไม่เคยผ่านมือใครมาก่อนเลย
“เบนคะ...ฉัน...”
หญิงสาวไม่ทันพูดอะไรต่อหลังจากสวมชุดให้เสร็จอย่างลวก ๆ ก็ถูกเขากระชากแขนให้เดินตามออกไปจากห้องนั้น
“เบน...นี่คุณจะพาฉันไปไหน...ปล่อยนะ!”
พลอยพิชญาร้องออกมาอย่างตื่นกลัวเมื่อร่างสูงใหญ่ฉุดกระชากลากเธอออกจากบ้านสีขาวแสนสวยตรงไปที่ชายหาด
“เบน...”
“ผมยังไม่ฆ่าคุณหรอก..พลอยพิชญา!”
แบนดึงร่างแน่งน้อยเข้ามาไว้ในอ้อมแขนพร้อมทั้งแผดเสียงอย่างเกรี้ยวกราด หญิงสาวสะอื้นไห้น้ำตาไม่ยอมเหือดแห้ง เธอไม่เคยกลัวอะไรในชีวิตมากเท่าครั้งนี้
“แล้วก็หยุดร้องไห้ซะที! ถ้าอยากมีชีวิตอยู่รอดที่นี่ต้องเข้มแข็งอดทน”
“เบน คุณมันบ้า! คุณบังคับฉันมาที่เกาะนี้ ขืนใจฉันยังไม่พอคุณยังจะทรมานอะไรฉันอีก”
“นี่มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ! ฆาตกรอย่างคุณต้องถูกทรมานให้ตายอย่างช้า ๆ ผมจะใช้งานคุณ จะข่มขืนคุณทุกคืน จนวันหนึ่งคุณทนไม่ไหวอาจจะคิดฆ่าตัวตายไปเสียก่อนก็ได้!”
“ไม่มีวัน...เบน คุณบังคับฉันไม่ได้!”
“ก็เลือกเอา!”
ชายหนุ่มเหวี่ยงร่างบอบบางลงไปนั่งทรุดอยู่กับพื้นหญ้าก่อนตะโกนเสียงดัง
“ว่าจะว่ายน้ำจากสกรูวากลับไปแผ่นดินใหญ่ หรือจะมีชีวิตอยู่บนเกาะนี้อย่างทาสเพื่อที่วันหนึ่งถ้าผมสงสารก็อาจจะปล่อยคุณกลับบ้านเร็วขึ้นก็ได้ แต่ย้ำนะ ว่าอาจจะ!”
ทางเลือกของเบนทำให้หญิงสาวตาวาวโรจน์ เธอหันออกไปยังเวิ้งน้ำมืดทะมึนเบื้องหน้าทว่าก็ได้ยินเสียงของเขาข้างหลัง
“ถ้าคุณรู้จักพวกวาฬที่มีชุกชุมในน่านน้ำแถบนี้ แค่คุณว่ายเร็วก็จะไปถึงฝั่ง แต่ถ้าว่ายช้าอาจจะโดนมันทั้งฝูงไล่ล่าและกลืนเข้าไปแทนคริลล์เล็ก ๆ “
“อย่ามาโกหกกันหน่อยเลย!”
พลอยพิชญาหันมาแหวใส่ เธอแทบกลั้นสะอื้นไห้ไม่ได้เลย
“วาฬที่ไหนจะกินคน คุณน่าจะเอาเรื่องแบบนี้ไปหลอกเด็ก อย่าคิดว่าฉันจะรู้ไม่ทันคนบ้าอย่างคุณ”
“เก่งนักก็ว่ายไปสิ! ถ้าพวกวาฬไม่ทึ้งคุณหลุดเป็นชิ้น ๆ ก็คงเป็นพวกปลาตัวใหญ่ที่มันหากินแถวนี้”
“เบน!”
ร่างบอบบางตวาดกลับเมื่อชายหนุ่มเข้ามาดึงคอเสื้อด้านหลังแล้วผลักเธอจนซวนเซลงไปคลุกฝุ่น เธอไม่เคยเห็นใครกักขฬะและป่าเถื่อนแบบนี้มาก่อน เขามองเธออย่างจะกินเลือดกินเนื้อในขณะที่หญิงสาวทรงตัวลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล
“ทำไมไม่ว่ายไปล่ะ เก่งนักไม่ใช่หรือ ไปซี้!”
“โอ๊ย! คนบ้า!”
พลอยพิชญาร้องเสียหลงเมื่อคนใจหินเข้าไปจับมือเธอแล้วบิดมันเต็มแรง หญิงสาวถึงกับทรุดลงแต่เขากลับรั้งร่างนั้นให้ลุกขึ้นยืนเผชิญหน้า
“ฆาตกร!” เขาโพล่งใส่หน้าหญิงสาวที่น้ำตาไหลพราก
“คุณมันฆาตกร พลอยพิชญา ผมจะพิสูจน์ให้คุณเห็นว่าคุณคือคนที่ฆ่าน้องชายผมให้ตายไปแล้วจริง ๆ “
พูดจบเขาก็ลากมือให้เธอตามไปอีกด้านที่มีเนินเขาเต็มไปด้วยโขดหินขรุขระ กระทั่งถึงบริเวณซึ่งเป็นลานกว้างแต่หญ้าบนพื้นถูกตัดแต่งอย่างดี