ประตูไม้หนานมู่ลายฉลุส่งเสียงแอ๊ดและเปิดออก
มี่อิงเดินเข้ามาในเรือนพักของจวงมามาที่ถูกสร้างแยกไว้ท้ายสวนแปลงสมุนไพรด้านหลังจวนสือโฮ่ว
เมื่อก้าวเข้ามาด้านใน ก็พบว่าจวงมามายามนี้กำลังนั่งพิงหมอนอิงสีแดงชาดใบใหญ่ ปิดตาหลับสนิทอยู่ นางจึงเรียกปลุกบ่าวอาวุโสด้วยน้ำเสียงค่อย "จวงมามาเจ้าคะ...มี่อิงมาแล้วเจ้าค่ะ"
สิ้นเสียง จวงมามาก็ค่อย ๆ เบิกตาลืมขึ้นอย่างเนิบช้า แต่พอเห็นใบหน้าของมี่อิงชัดเจนนางก็เอ่ยตำหนิไม่ยั้งปาก "ข้าไม่เข้าใจเจ้าจริง ๆ เหตุใดถึงได้สร้างเรื่องเช่นนี้ เจ้าไม่คิดบ้างหรือว่า หากจ ..."
"พะ พอก่อนเจ้าค่ะ ข้ายอมรับผิดทั้งหมดแล้ว ในยามนี้ข้าไม่มีทางเลือก ก็จวงมามาเล่นหลบหน้าข้าเสียอย่างนั้น แล้วข้าจะเข้าหาท่านได้อย่างไรล่ะเจ้าคะ"
จวงมามาสงบท่าทีลง “แล้วเจ้าต้องการอะไรจากข้า”
“ต้องการความเป็นธรรมเจ้าค่ะ”
จวงมามาหน้านิ่วเอ่ยตอบ “ความเป็นธรรมอะไรของเจ้า”
“จวงมามาบอกข้าว่า คุณชายดื่มชาขิงหลังทานอาหาร แต่ในความเป็นจริงแล้ว คุณชายดื่มชาขิงก่อนอาหาร ข้าอยากรู้ว่าจวงมามาจงใจกลั่นแกล้งข้าหรือไม่”
สีหน้าและแววตาของมี่อิงฉายแววนักสู้ตรงข้ามกับจิตใจนางที่รู้สึกกล้าครึ่ง ไม่กล้าครึ่ง การที่ต้องมายืนต่อกรกับบ่าวอาวุโสเช่นนี้เป็นอะไรที่เสี่ยงนัก แต่ยามนี้...ไม่มีผู้ใดช่วยนางได้อีกแล้ว หากคุณชายโจวยังปฏิบัติต่อนางเช่นนี้ มีหวังจะต้องโดนไล่ออกในอีกไม่ช้าเป็นแน่
“นี่เจ้า! เหตุใดข้าต้องกลั่นแกล้งเจ้า ในเมื่อคุณชายอยากจะดื่มเมื่อไหร่ ตอนไหนก็ย่อมได้”
“แต่จวงมามาไม่ยอมบอกข้านี่เจ้าคะ เพราะเหตุนี้คุณชายเลยโกรธที่ข้าไม่เตรียมชาขิงเอาไว้ให้ก่อน หากข้ารู้แต่แรก คุณชายคงไม่โกรธข้าปานนี้”
“ยังไงก็ไม่ใช่ความผิดของข้า เจ้าอยากจะหาเรื่องกันอย่างนั้นหรือ”
“จวงมามาเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ได้อยากมีปัญหา แต่จวงมามาบอกข้าได้หรือไม่ ว่าข้าควรจะเข้าหาคุณชายอย่างไร คุณชายชื่นชอบสิ่งใดหรือชอบทานสิ่งใดเป็นพิเศษหรือไม่เจ้าคะ เพราะคุณชายเจอข้าก็เอาแต่ไล่ จวงมามาบอกเองไม่ใช่หรือว่าหน้าที่หลักของข้าคือดูแลคุณชาย หากเป็นแบบนี้ต่อไป ข้าจะดูแลคุณชายได้อย่างไรกันเจ้าคะ”
“นี่เจ้าเข้าหาข้าเพราะอย่างนี้น่ะหรือ" จวงมามาด้วยใบหน้าสงสัย
มี่อิงระบายยิ้มเบาบาง ผงกศีรษะเล็กน้อย “เจ้าค่ะ...ขอเพียงจวงมามาให้คำแนะนำข้าเท่านั้น จะให้ข้าทำงานเพิ่มเป็นสองเท่าก็ย่อมได้”
เมื่อเห็นแววตาที่มุ่งมั่น จวงมามาก็พลันเห็นภาพตัวเองเมื่อยามวัยสาวแวบเข้ามาในความคิด ยามนั้นนางเปรียบเสมือนดั่งบุปผาที่เจิดจ้าสดใสทว่าทนแดดทนฝน ไม่เกรงกลัวต่อผู้ใด ทำทุกวิถีทางเพื่อเอาชีวิตรอด ยามนี้มี่อิงช่างเหมือนกับนางเหลือเกิน “ข้าสงสารเจ้าหรอก ข้าเลยจะยอมช่วยเจ้า”
“จริงหรือเจ้าคะ” มี่อิงฉีกยิ้มกว้างดีใจ
"แต่ต้องแลกกับอย่างหนึ่ง"
"แลก...แลกกับอะไรหรือเจ้าคะ" มี่อิงรู้สึกสังหรณ์ใจเล็กน้อย
"เจ้าต้องไปทำความสะอาดเรือนยวี่สือทางทิศประจิม เจ้าทำได้หรือไม่ล่ะ"
พอได้รู้ว่าเป็นเพียงแค่เรื่องนั้น นางก็รู้สึกโล่งใจและยิ้มแย้มตอบ "เหตุใดจะไม่ได้กันล่ะเจ้าคะ"
"เรือนนั้นไม่มีผู้ใดเข้าไปทำความสะอาดนานแล้ว มีฝุ่นและหยากไย่เต็มไปหมด เจ้าเข้าไปอาจจะเปลี่ยนใจก็เป็นได้"
"งานหนักกว่านี้ข้าก็จะสู้เจ้าค่ะ ขอแค่จวงมามาแนะนำข้าอย่างจริงใจก็เพียงพอ"
"เช่นนั้นก็ตกลง..." จวงมามากระแอมเสียงให้โล่งคอ ปรับสีหน้าขบคิด “คุณชายโจวของข้ายามนี้ยังไม่อาจละวางจากอดีต หากช่วยให้คุณชายหวนรำลึกถึงอดีตได้คงจะดีไม่น้อย”
“หวนรำลึกถึงอดีตหรือเจ้าคะ”
“ใจจริงข้าอยากจะทำสิ่งนี้ให้คุณชายโจว แต่ข้าชรามากแล้ว สติเลอะ ๆ เลือน ๆ เลยไม่ได้ลงมือทำเสียที”
“สิ่งนั้นคืออะไรหรือเจ้าคะ”
“ขนมเทียนเอ๋อต้าน”
“ขนมเทียนเอ๋อต้าน…” มี่อิงเอ่ยตามพลางนึกภาพในหัวสมอง ขนมก้อนกลม ๆ เคลือบน้ำตาลโรยงาขาวอย่างนั้นน่ะหรือ?
“เจ้ารู้จักใช่หรือไม่”
“รู้เจ้าค่ะ ขนมเทียนเอ๋อต้าน ข้าเคยกินมาตั้งแต่เด็ก ๆ แต่ข้าไม่เข้าใจว่าเหตุใดขนมชนิดนี้ถึงทำให้คุณชายยอมรับข้าได้”
“ขนมเทียนเอ๋อต้านจะต้องเป็นสูตรเฉพาะของฮูหยิน ที่มีแต่ฮูหยินเท่านั้นที่สามารถทำรสชาตินี้ได้”
“สูตรลับเฉพาะนั้นคืออะไรหรือเจ้าคะ”
จวงมามานิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ ก่อนจะเอ่ยตอบสั้น ๆ “ข้าก็ไม่รู้”
“ทะ ทำไมเป็นอย่างนั้นไปได้ล่ะเจ้าคะ จวงมามาเอ่ยมาขนาดนี้แล้ว”
“ข้าก็ไม่เคยลิ้มลองฝีมือของฮูหยินเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่ข้ายังจดจำใบหน้าของคุณชายโจวยามนั้นได้ดี บนใบหน้าอันไร้เดียงสานั้น ช่างดูมีความสุขยิ่งเมื่อยามที่ได้ลิ้มรสขนมเทียนเอ๋อต้านจากฮูหยิน พอเข้าวัยหนุ่ม คุณชายก็มักจะขอให้ฮูหยินทำขนมชนิดนี้ให้ทานก่อนไปออกทัพอีกด้วย เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ” จวงมามายิ้มไปเล่าไป ใบหน้าฉายความอิ่มเอมใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
“ข้าเห็นด้วยกับจวงมามา แต่...ขนมเทียนเอ๋อต้านมีส่วนผสมไม่กี่อย่าง เป็นเพียงแค่แป้งข้าวเหนียวปั้นเป็นก้อนกลม ๆ เท่านั้น สูตรลับพิเศษนั้นคืออะไรกันแน่เจ้าคะ”
“ข้าบอกเจ้าไปแล้ว...ว่าข้าไม่รู้”
มี่อิงหรี่ตามองจวงมามาอย่างไม่ไว้วางใจ “แน่ใจนะเจ้าคะ ว่าคราวนี้จวงมามาไม่ได้แกล้งข้าอีก”
“อะไรของเจ้า! ข้าเล่าถึงที่มาขนาดนี้ เจ้ายังจะกังขากับข้าอีกหรือ...”
"เช่นนั้น...ข้าก็ขอบคุณจวงมามาเจ้าค่ะ หากจวงมามาไม่หลอกข้า ข้าสัญญาว่าจะตอบแทนจวงมามาตามที่ตกลงเอาไว้"
ถึงปากจะเอ่ยออกไปเช่นนั้น แต่ในใจกลับหวาดระแวงเล็กน้อย แต่เอาเถิด...ยามนี้ก็ไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว
โรงครัวสกุลโจว
"เจียวซือ...แป้งข้าวเหนียวอยู่ที่ใด"
"นี่! "
"น้ำตาลล่ะ"
"นี่ๆ "
"งาขาว"
"นี่ๆ ๆ "
มี่อิงและเจียวซือช่วยกันทำขนมเทียนเอ๋อต้าน คว้าหยิบข้าวของเครื่องใช้และเครื่องปรุงภายในครัวจนมือเป็นระวิง
"มี่อิง...แล้วเจ้าจะทำขนมเทียนเอ๋อต้านนี่ให้พิเศษยังไงหรือ ข้าไม่เห็นว่ามันจะแตกต่างจากที่ข้าเคยซื้อกินที่ตลาดตรงไหน"
"ข้าคงทำตามสูตรดั้งเดิมไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร"
"แล้วเจ้าจะทำให้คุณชายประทับใจได้อย่างไรล่ะ"
"ข้าไม่รู้...ข้าไม่ได้มีพลังวิเศษ ข้าไม่อาจร่ายมนตร์เสกคาถาให้ขนมนี้มีรสชาติเหมือนดั่งที่ฮูหยินเคยทำเอาไว้ได้ จะให้ข้าเปลี่ยนงาขาวเป็นงาดำก็กระไรอยู่"
"ที่เจ้าพูดมาก็ไม่ผิด ขนมก้อนกลม ๆ วิธีทำแสนจะง่ายดาย ข้าว่าฮูหยินคงทำอาหารไม่เป็นหรือเกียจคร้านกระมัง ไม่เช่นนั้นคงทำอะไรที่ยุ่งยากกว่านี้ไปแล้ว"
มี่อิงเปิดตาโต มองเจียวซืออย่างไม่เชื่อสายตาว่านางจะเอ่ยออกมาเช่นนั้น "เจียวซือ…เจ้าร้ายกาจกว่าที่ข้าคิดเสียอีก"
"ก็จริงนี่...ข้าพูดไปตามที่คิด หวังว่าฮูหยินจะไม่โกรธบ่าวนะเจ้าคะ" พอโดนทักท้วงเจียวซือก็เริ่มจะระแวงคำพูดตัวเอง
มี่อิงระบายยิ้มบาง ๆ ใช้มือปั้นแป้งข้าวเหนียวเตรียมลงไปทอดในน้ำมัน "ฮูหยินไม่โกรธหรอก เจ้าเป็นบ่าวรับใช้ที่ซื่อตรง ไม่ได้คิดชั่วร้ายต่อสกุลโจวเสียหน่อย"
"จริงสินะ! เจ้าเคยเป็นหมอดูมาก่อน แสดงว่าเจ้าสื่อสารกับวิญญาณได้ใช่หรือไม่"
สิ้นเสียง แป้งก้อนสุดท้ายก็ปั้นเสร็จพอดี มี่อิงนำกระทะไปตั้งไฟ เทน้ำมัน ทยอยหย่อนก้อนแป้งข้าวเหนียวลงไปในกระทะอย่างคล่องแคล่วพลางเอ่ยตอบ "ข้าไม่เคยสื่อสารกับวิญญาณ"
"ไม่จริง! หากสื่อสารกับวิญญาณไม่ได้แล้วเป็นหมอดูได้อย่างไรกัน"
"ข้าเป็นหมอดูหยั่งรู้คาดเดาอนาคต ไม่ใช่หมอปราบวิญญาณ เจ้าเข้าใจผิดแล้ว" มี่อิงเอ่ยพลางใช้ไม้พายคนขนมเทียนเอ๋อต้านในกระทะอย่างระมัดระวัง
"เฮ้อ…น่าเสียดาย" เจียวซือทอดถอนหายใจ นั่งพิงหลังลงบนเก้าอี้ไม้
"เจ้าถอนหายใจทำไมกัน"
"ข้าอยากติดต่อกับวิญญาณของบรรพบุรุษได้ ข้านึกว่าเจ้าจะมีพลังวิเศษเสียอีก"
"หากข้าเจอภูตผีวิญญาณ ข้าคงจะวิ่งหนีนำเจ้าไปแล้ว เลิกคิดเรื่องนั้นเสียเถิดเจียวซือ"
เจียวซือยื่นปาก ทำหน้าผิดหวัง หันไปมองอีกทีขนมก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว
"จะ เจ้าทำเสร็จแล้วหรือ" เจียวซือมองด้วยสายตาตะลึงงัน
มี่อิงตอบอื้ม ในขณะที่กำลังจดจ่อกับการจัดวางขนมเทียนเอ๋อต้านบนจานกระเบื้องอยู่
โดยปกติแล้วขนมเทียนเอ๋อต้านจะนำมาเรียงกัน เคลือบด้วยน้ำตาลแล้วเสียบด้วยไม้ แต่นางดัดแปลงโดยการค่อย ๆ ราดน้ำตาลเชื่อมลงบนขนมแต่ละชิ้นเพื่อไม่ให้ขนมติดกันเป็นแพ แล้วค่อย ๆ นำมาจัดวางลงบนจานอย่างประณีตเพื่อที่คุณชายโจวได้หยิบทานง่าย ๆ
"ทุกครั้งเวลาเจ้าทำอาหาร เจ้าเหมือนมีประกายแสงเจิดจ้าออกมาเลย" เจียวซือจ้องมองมี่อิงด้วยแววตาชื่นชม
"ประกายอะไรของเจ้า"
"ก็เจ้าดูมุ่งมั่นตั้งใจ ข้าไม่เคยเห็นคนเช่นเจ้ามาก่อน มี่อิง...ข้าถามเจ้าได้หรือไม่ เหตุใดเจ้าถึงทุ่มเทเพื่อคุณชายเช่นนี้"
"หากคุณชายคิดว่าข้าไม่มีความสามารถพอที่จะเป็นบ่าวรับใช้ได้ ไม่นานข้าก็คงจะถูกไล่ออกจากจวนเป็นแน่ นั่นก็แสดงว่า เบี้ยที่ข้าวาดฝันเอาไว้ก็จะกลายเป็นแค่อากาศธาตุที่ไม่อาจจับต้องได้"
"แล้วเหตุใดเจ้าถึงยอมเชื่อใจจวงมามาเป็นครั้งที่สองล่ะ"
"ข้าก็ไม่รู้ เหมือนมีบางอย่างสั่งให้ข้าขอความช่วยเหลือจากนาง ข้าก็หาคำตอบไม่ได้"
เอ่ยจบ ขนอ่อนที่แขนของเจียวซือก็พร้อมใจกันลุกเกรียวอย่างควบคุมไม่ได้
มี่อิงยกถาดขนมหวานขึ้นมาอยู่ในระดับสายตา คลี่ยิ้มออกมาด้วยความภาคภูมิใจ "เจ้าเอาใจช่วยข้าก็แล้วกันเจียวซือ…"
หลังจากนั้น นางก็ยกถาดขนมหวานมุ่งหน้าไปยังเรือนประธานจ้วนสือทันที
ในเรือนจ้วนสือ คุณชายโจวยามนี้อยู่ในอิริยาบถผ่อนคลาย ใช้มือคลี่พัดพับเข้าออกเป็นจังหวะ คิ้วตาขมวดเล็กน้อย เหมือนดั่งกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่
มี่อิงสูดลมหายใจลึกสองสามที รวบรวมความกล้าเอ่ยขึ้นขัดบรรยากาศที่เงียบงัน "คุณชายเจ้าคะ…มี่อิงทำขนมหวานมาให้เจ้าค่ะ"
"ข้าบอกเจ้าว่าอย่างไร" เฟิ่งเจี๋ยเอ่ยเสียงเข้มดุ
"คะ คุณชายบอกมี่อิงว่า ให้ออกไปไกล ๆ ไม่อยากเห็นหน้าเจ้าค่ะ แต่อย่างไรคุณชายก็ไม่เห็นบ่าวอยู่ดีไม่ใช่หรือเจ้าคะ เพราะฉะนั้น บ่าวก็ไม่ได้ทำอะไรผิด"
เอ่ยจบ มี่อิงก็กลืนน้ำลายอึกใหญ่ด้วยอาการประหม่า
แต่สิ่งที่ตอบรับมาจากคุณชายโจวนั้น กลับทำให้นางรู้สึกประหลาดใจ
"เอาวางไว้บนโต๊ะ ข้าหิวอยู่พอดี"
มี่อิงทอยิ้มเจิดจ้า นัยน์ตากลมโตเป็นประกายระยิบระยับ นางวางจานขนมเทียนเอ๋อต้านไว้บนโต๊ะไม้ เลื่อนมือเรียวสวยของตนไปจับมือของคุณชายโจวมาแตะบนขอบจานเบา ๆ เพื่อเป็นนัยว่าจานขนมอยู่ด้านหน้าของเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เฟิ่งเจี๋ยใช้มือหยิบขนมเทียนเอ๋อต้านเข้าปากอย่างเชื่องช้า
หัวใจของมี่อิงเต้นรัวไม่หยุดจนแทบจะเด้งหลุดออกมาจากกาย นางจ้องมองเฟิ่งเจี๋ยด้วยความลุ้นระทึกเหมือนดั่งกำลังเดิมพันขนมจานนี้ด้วยชีวิต
ชิ้นที่สอง…
ชิ้นที่สามผ่านไป…
ดวงตาสีหินเย่าของเฟิ่งเจี๋ยค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ เพียงไม่นาน หยาดน้ำตาใส ๆ ก็เริ่มเอ่อล้นที่ขอบตา
สวรรค์! นี่คุณชายกำลังร้องไห้อย่างนั้นหรือ?
หรือเป็นเพราะว่า...จริง ๆ แล้ว ขนมเทียนเอ๋อต้านทำให้คุณชายระลึกถึงฮูหยินกับนายท่านได้จริง ๆ
"คุณชาย…" มี่อิงเอ่ยขัดเสียงแผ่ว
เฟิ่งเจี๋ยยังคงจดจ่อกับการใช้มือหยิบขนมเทียนเอ๋อต้านกินไปเรื่อย ๆ จนหมดจานในที่สุด
"อร่อยหรือไม่เจ้าคะ" มี่อิงเอ่ยถามลองเชิง ทั้ง ๆ ที่ในใจเชื่อไปเกินครึ่งแล้วว่าคุณชายโจวจะต้องพึงพอใจกับขนมจานนี้เป็นแน่
"ไม่อร่อย"
คำตอบยังทำร้ายจิตใจเช่นเดิม….
ยามนั้นความรู้สึกเห็นใจก็พลันมลายหายไปจนสิ้น "ไม่จริง…คุณชายปากแข็ง หากไม่อร่อยจริง ๆ คุณชายจะทานหมดหรือเจ้าคะ"
"เจ้าทำเองหรือไปซื้อมาจากที่ใดกันแน่"
"ทำเองจริง ๆ เจ้าค่ะ มี่อิงตั้งใจทำขนมนี้เองกับมือ ต่อไปหากคุณชายต้องการสิ่งใด เรียกใช้มี่อิงได้เสมอเลยนะเจ้าคะ"
เฟิ่งเจี๋ยนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ จนลมอ่อน ๆ พัดเข้าไปที่ใบหน้าวูบหนึ่ง เขาก็พยักหน้าเบา ๆ เอ่ยตอบ "งั้นเจ้าก็เริ่มดูแลข้าตอนนี้เลยก็แล้วกัน"
"ดูแลอย่างไรเจ้าคะ" มี่อิงคลี่ยิ้มสดใส ดีใจที่คุณชายโจวยอมรับนางแล้ว
"อาบน้ำให้ข้าที..."
"วะ ว่าอย่างไรนะเจ้าคะ!!! "