“จวงมามา…ข้าได้ยินมาว่า มี่อิงโดนคุณชายโจวเล่นงานเสียจนอ่วมไปเลยเจ้าค่ะ” คำพูดของเซี่ยวเซี่ยวทำให้จวงมามาชะงักมือนิ่งจากการปักผ้า
นางกระตุกมุมปากขึ้น ยิ้มเยาะอย่างพอใจ ก่อนที่จะทิ่มแทงเข็มแหลมปักลวดลายบุปผาลงบนผ้าสีขาวนวลต่อ “ข้าคิดเอาไว้แล้ว...ว่าคุณชายจะต้องจัดการนางผู้นั้นเป็นแน่”
เซี่ยวเซี่ยวหัวเราะในลำคอ มีสีหน้าชอบอกชอบใจ “ใช่เจ้าค่ะ! ข้าเห็นนางที่โรงครัวครั้งหนึ่ง รู้สึกไม่ถูกชะตาตั้งแต่แรกเห็น ผิวพรรณของนางเหมือนไม่เคยต้องแสงแดด ไม่เหมือนกับสาวใช้คนอื่น ๆ จวงมามาคิดว่านางจะเป็นพวกแอบแฝงเข้ามาอีกหรือไม่เจ้าคะ”
“ไม่เห็นมีสิ่งใดน่ากังวล นางคงอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน หากนางประสงค์ไม่ดี ไม่ได้อยากเป็นบ่าวรับใช้เพื่อสกุลโจวอย่างแท้จริง บรรพบุรุษจะลงโทษนาง”
“บ่าวก็คิดเช่นนั้นเจ้าค่ะจวงมามา” เซี่ยวเซี่ยวยิ้มแย้มตอบ
“คุยอะไรกันอยู่หรือเจ้าคะ...” สุ้มเสียงใสไพเราะดุจเสียงพิณดังขึ้น ก่อนที่มี่อิงจะเดินเข้าไปหาพวกนางทั้งสอง
จวงมามาและเซี่ยวเซี่ยวตื่นตระหนก ตกใจ เก็บสีหน้าเอาไว้ไม่อยู่
“ระ ไร้มารยาท! นี่เจ้าแอบฟังข้ากับจวงมามาคุยกันอย่างนั้นหรือ…” เซี่ยวเซี่ยวเอ่ยด้วยท่าทางลนลาน ไม่เป็นธรรมชาติ
“ข้าเปล่าเสียหน่อย! นี่เจ้ากำลังพูดถึงข้าอยู่หรือ เหตุใดถึงดูร้อนรนนัก”
“นี่เจ้า! ”
“พวกเจ้าหยุดได้แล้ว! ” จวงมามาโพล่งตัดบทสนทนาด้วยสีหน้าระอา ก่อนจะเอ่ยต่อ“มี่อิง...เจ้ามีอะไรหรือ”
“ข้าขอคุยกับจวงมามาแค่สองคนเท่านั้นเจ้าค่ะ” มี่อิงหรี่ตามองไปที่เซี่ยวเซี่ยว เป็นนัยว่านางเป็นส่วนเกินที่ต้องตัดออกไป
“ข้าไม่ไป! ” เซี่ยวเซี่ยวเอ่ยเสียงแข็ง
“หากไม่ไป ข้าก็จะยืนอยู่ตรงนี้ ติดตามเจ้าไปทุกที่เลยดีหรือไม่เล่า”
“นี่เจ้า! ”
"นี่เจ้า! นี่เจ้า! นี่เจ้า! เจ้าพูดเป็นแค่คำนี้คำเดียวหรืออย่างไร"
"กรี๊ดดด ด!! "
จวงมามาถอนหายใจเฮือกยาว ก่อนที่จะแผดเสียงตวาดลั่น “พวกเจ้ากล้าดีอย่างไรมาทะเลาะกันต่อหน้าข้า"
"ข้ามาที่นี่ก็เพราะอยากคุยกับจวงมามา ไม่ได้อยากมาทะเลาะกับนาง"
"จวงมามาอย่าไปคุยกับนางนะเจ้าคะ นางไม่น่าไว้ใจ ทำตัวแปลก ๆ ไม่ต่างอะไรกับปีศาจ"
"ตรรกะอะไรของเจ้า! เดี๋ยวข้าก็จับเจ้าฉีกเป็นชิ้น ๆ เลยดีหรือไม่"
"จวงมามา…" เซี่ยวเซี่ยวเคลื่อนตัวย้ายไปหลบด้านหลังบ่าวใช้อาวุโส
"มี่อิง! เจ้าว่างหรืออย่างไร ข้าแบ่งเขตแบ่งหน้าที่ให้เจ้าชัดเจนแล้ว ยามนี้ข้าไม่มีอะไรจะคุยกับเจ้าทั้งสิ้น"
"แต่จวงมามา…"
ยังไม่ทันจะเอ่ยคำใดต่อ จวงมามาและเซี่ยวเซี่ยวก็เดินออกไปจากตรงนั้นเสียแล้ว ปล่อยให้มี่อิงยืนตะลึงงันอยู่เพียงผู้เดียวพร้อมกับคำถามยุ่งเหยิงที่อยู่ในใจมากมาย
เหตุใดจวงมามาถึงไม่ใจดีเหมือนท่านย่าข้าบ้างนะ?
เรือนจ้วนสือ
ในเรือนที่เงียบสงัด เสียงลมหายใจของเฟิ่งเจี๋ยคือเสียงเดียวที่ได้ยินชัดเจนที่สุดในยามนี้
จวงมามาเดินเข้ามาในเรือนพร้อมกับชุดน้ำชาที่ชงเอาไว้ นางนำมันไปวางบนโต๊ะไม้สูงด้านใน ก่อนที่จะเดินเข้าไปประคองกายเฟิ่งเจี๋ยมานั่งลงบนเก้าอี้
เฟิ่งเจี๋ยใช้มือควานหาถ้วยชา ก่อนที่จะใช้มือยกขึ้นดื่มท่าทางงกเงิ่น
ไอร้อนจากน้ำชาลอยขึ้นมาปะทะเข้าที่ใบหน้า ทำให้ผิวหน้าเนียนละเอียดของชายหนุ่มปรากฏเป็นเม็ดเหงื่อเล็ก ๆ หลายส่วน ขับเน้นสีผิวให้ผ่องยิ่งนัก
"จวงมามา...บ่าวผู้นั้นยามนี้เป็นเช่นไร" เฟิ่งเจี๋ยเอ่ยถามเสียงเข้มทุ้ม
จวงมามาค้อมศีรษะรายงาน "บ่าวคิดว่า...บ่าวใช้ผู้นั้นคงทนไม่ไหวเหมือนกับบ่าวใช้คนอื่น ๆ ที่ออกไปเจ้าค่ะ"
"งั้นหรือ…ไฉนท่านถึงคิดเช่นนั้น"
“ถึงแม้สายตานางจะมุ่งมั่น แต่นางยังสาวนัก คงจะมีความอดทนไม่มากพอ และหากนางอดทนได้จริง คุณชายให้นางมารับใช้ใกล้ชิดจะดีหรือเจ้าคะ"
"จวงมามาคิดว่าข้ามองคนผิดอย่างนั้นหรือ..."
"บะ บ่าวมิกล้าเจ้าค่ะ"
"ข้ารู้ว่าจวงมามาห่วงใย แต่ข้ากลับคิดแตกต่าง"
"แตกต่าง...แตกต่างอย่างไรหรือเจ้าคะ"
"ข้าคิดว่า...บ่าวใช้ผู้นั้นน่าสนใจอยู่ไม่น้อย"
คำพูดของเฟิ่งเจี๋ยแค่เพียงประโยคเดียวสยบได้ทุกคำโต้แย้ง น้ำเสียงของเขาเย็นเยียบราวกับน้ำแข็งที่มีอานุภาพแช่แข็งจิตใจให้ตายได้ทั้งเป็น บ่าวอาวุโสทำได้แต่ก้มหน้ารับฟังอย่างไร้ปากเสียง ถึงแม้ในใจจะรู้สึกไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก
"จวงมามา….จวงมามา" พ่อบ้านหยางมู่วิ่งกุลีกุจอหน้าตาตื่นเข้ามาในเรือนด้วยท่าทางกระวนกระวาย
แต่พอเห็นว่าคุณชายโจวยืนอยู่ เขาก็สงบท่าทีลงและเอ่ยขอโทษด้วยใบหน้าสลด "ข้าน้อยขออภัยที่ส่งเสียงดังขอรับคุณชาย"
"ไม่เป็นไร" เฟิ่งเจี๋ยกล่าวนิ่ม ๆ
"พ่อบ้านหยางมู่...มีอะไรอย่างนั้นหรือ เหตุใดถึงวิ่งหน้าตั้งมาหาข้าเช่นนี้" จวงมามาเอ่ยถามด้วยใบหน้าสงสัย
"บ่าวใช้คนใหม่นะสิ...ชื่อ มี่ อะไรสักอย่างหนึ่งข้าจำไม่ได้" พ่อบ้านหยางมู่แสดงสีหน้ากระอักกระอ่วน อยากที่จะคายคำที่ติดอยู่ในลำคอออกมาใจแทบขาด แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก
"บ่าวใช้คนใหม่...มี่อิง นะหรือ"
พ่อบ้านหยางมู่ตาเป็นประกายเอ่ยตอบ "ใช่ ๆๆ นางผู้นั้นนั่นแหละ"
เมื่อได้ยินเช่นนั้น จวงมามาก็รู้สึกใจไม่ดี เหมือนมีลางสังหรณ์ "ทำไมหรือ! เกิดเรื่องอะไรขึ้น!! "
"ตอนนี้มี่อิงนางร่ำไห้อาละวาดลั่นจวน คุกเข่าขอความเป็นธรรมต่อเทพเจ้า นางบอกว่าหากจวงมามาไม่ไปหานาง นางจะคุกเข่าแบบนั้นจนกว่าสวรรค์จะลงโทษเจ้า"
"จะ เจ้าว่าอะไรนะ" จวงมามาเบิกตากว้าง ยกมือขึ้นทาบอกด้วยความตกใจ "ข้าไปทำอะไรให้นาง เข้ามาทำงานไม่นานก็แผลงฤทธิ์แล้วงั้นหรือ"
"ข้าก็ไม่รู้...รู้แต่หากเจ้าไม่ไปจัดการนาง จวนจะต้องวุ่นวายไปกว่านี้เป็นแน่"
เฟิ่งเจี๋ยที่ยืนฟังอยู่นั้นลอบกระตุกยิ้มเบา ๆ
จวงมามากำมือทั้งสองข้างแน่น หันไปเอ่ยกับเฟิ่งเจี๋ยด้วยน้ำเสียงเจือแววโทสะ "คุณชายได้ยินหรือไม่...นางผู้นี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ คุณชายจะให้ข้าไล่นางออกไปจากจวนตอนนี้เลยดีหรือไม่เจ้าคะ"
"ไม่" เฟิ่งเจี๋ยเอ่ยตอบด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
จวงมามาหน้าเจื่อนและผิดหวังในใจเล็กน้อยที่คุณชายโจวไม่คล้อยตาม นางค้อมกาย เอ่ยทิ้งท้ายก่อนที่เดินจะออกไปจัดการปัญหาวุ่นวายให้หมดเสีย "เช่นนั้น...บ่าวขอตัวไปสะสางปัญหากับบ่าวใช้ผู้นี้ก่อนเจ้าค่ะ"
ทางด้านลานกว้างจวนสกุลโจว
"องค์เทพได้โปรดคุ้มครองข้าด้วย ข้าทำผิดอันใด ไฉนชีวิตข้าถึงต้องเจอกับอุปสรรคซ้ำแล้วซ้ำเล่า"
มี่อิงเปล่งเสียงออกมา ขณะที่กำลังนั่งทับส้นเท้า ประสานมืออ้อนวอนร้องขอต่อหน้ารูปปั้นพระโพธิสัตว์ ใบหน้าขาวกระจ่างดุจหยกมีคราบน้ำตาเปื้อนอยู่จาง ๆ นางสะอื้นไห้ไปใคร่ครวญไประหว่างรอให้จวงมามาปรากฏตัว
"มี่อิง...เจ้าทำอะไรน่ะ" เจียวซือฝ่าดงเหล่าบ่าวรับใช้นับสิบที่ยืนมุงดูอยู่ เดินเข้าไปสะกิดแขนมี่อิงเบา ๆ
"ไม่! เจียวซือเจ้าอย่ามาห้ามข้า" มี่อิงเอ่ยพลางปัดมือของเจียวซือออก
"โธ่...ลุกมาเถิดนะมี่อิง อย่าทำแบบนี้เลย" เจียวซือยังคงคะยั้นคะยอต่อ
จนกระทั่ง…
"เจ้ากำลังทำอะไรของเจ้า! " เสียงแหบพร่ามีเอกลักษณ์ดังสะท้อนก้องไปทั่วทั้งจวน
เซี่ยวเซี่ยวเดินนำจวงมามาเข้ามาหามี่อิงด้านใน
บรรดาบ่าวรับใช้แตกตื่น เดินแยกแตกกระจายออกจากกลุ่มก้อน เอ่ยเรียกชื่อนางกันอย่างพร้อมเพรียง "จวงมามา…"
มี่อิงยกมุมปากยิ้มข้างหนึ่งอย่างมีเลศนัย ก่อนที่จะเอ่ยรำพึงรำพันต่อ "สวรรค์...ขอความเป็นธรรมให้แก่ชีวิตข้าด้วย หากผู้ใดจงใจกลั่นแกล้งข้า ยุยงปลุกปั่น ว่าร้ายข้า ข้าขอให้ผ…"
"หยุดเดี๋ยวนี้นะ! "
ยังไม่ทันได้เอ่ยคำใดต่อ เซี่ยวเซี่ยวก็ตะโกนเสียงเล็กแหลมออกมาด้วยท่าทางไม่พอใจ
มี่อิงหันไปค้อนตามองพลางเอ่ย "เจ้ามาขัดข้าทำไมเซี่ยวเซี่ยว ข้ากำลังพูดคุยสวรรค์อยู่ เจ้าไม่กลัวชะตาขาดงั้นหรือ"
เซี่ยวเซี่ยวกระทืบเท้าด้วยความไม่พอใจ แต่ไม่อาจทำอะไรได้ นอกเสียจากเกลี้ยกล่อม
จวงมามาให้เห็นด้วยกับนาง "จวงมามา...จัดการนางเลยดีหรือไม่เจ้าคะ ไล่นางออกไปเลยเจ้าค่ะ"
"ไม่ได้...หากคุณชายไม่ให้ไล่นางออก ข้าก็ไล่นางออกไม่ได้" จวงมามาใบหน้านิ่งเอ่ย
เมื่อรู้ว่าทำอะไรไม่ได้ นางก็หันไปสร้างสงครามกับมี่อิงทางสายตาแทน
"มี่อิง...เจ้าต้องการอะไรกันแน่" จวงมามาเอ่ยถามเสียงขรึม
"คุยกับจวงมามาเจ้าค่ะ"
"เจ้าว่าอะไรนะ! เจ้าอยากคุยกับข้าแล้วต้องทำเช่นนี้เลยหรือ"
มี่อิงพรูลมหายใจยาว ลุกขึ้นหันกายมาคุยกับจวงมามาด้วยใบหน้าหน่าย "ก็จวงมามาเอาแต่หนีหน้าข้า ข้าเลยต้องมาใช้วิชาอ้อนว้อนขอร้องต่อเทพเจ้า ดลใจให้ท่านเห็นใจยังไงล่ะเจ้าคะ"
จวงมามาผงะ ใบหน้าฉายแววตกตะลึง "จะ เจ้าหมายความว่าอย่างไร เจ้ามีวิชางั้นหรือ เจ้าไม่ได้กำลังโดนวิญญาณเข้าสิงใช่หรือไม่"
"วิญญาณอะไรกันเจ้าคะ วิชาข้าคือนี่ต่างหาก" เอ่ยจบ มี่อิงก็ใช้มือไล่จับไปที่เบ้าตาและริมฝีปากเบา ๆ พลางเอ่ยบรรยาย "ดวงตาข้า...สวรรค์มอบมันมาให้ข้า ส่วนวาจาข้า...สวรรค์ก็มอบมันมาให้ข้าเช่นกัน ข้าได้ยินคนในนี้พูดกันไปต่าง ๆ นานา ถึงที่มาว่าข้าเป็นใคร ทำอะไรมาก่อนที่จะมาเป็นสาวใช้ ข้าจะบอกให้ทุกคนในนี้ได้รับรู้ทั่วกัน ว่าข้าเคยเป็น 'หมอดูหยั่งรู้' มาก่อน"
สิ้นเสียง ทุกคนก็พากันเบิกตาโตด้วยความตกใจ เพราะไม่นานมานี้...เพิ่งจะมีข่าวลือเกี่ยวกับความเชื่อแปลก ๆ อย่างไม่รู้ที่มาที่ไปว่า หมอดูคือ 'ผู้วิเศษ' เป็นคนของสวรรค์ หากผู้ใดแตะต้อง คนผู้นั้นจะต้องมีอันเป็นไป
"ข้ารู้ ข้าเห็น ข้าได้ยินทุกอย่างในจวนแห่งนี้ ผู้ใดที่นินทาข้า ต่อว่าข้าเสียหาย สร้างเรื่องโกหกหลอกลวง ชะตาเจ้าจะต้องขาดเป็นแน่” มี่อิงเอ่ยข่มขู่พลางกวาดสายตามองบ่าวรับใช้คนอื่นที่ยืนมุงดูนางอยู่ หาใช่ทำเป็นเรื่องสนุก ทว่านางจงใจที่จะข่มขู่คนเหล่านั้นจริง ๆ เพราะความเบื่อหน่ายเต็มทีกับการเป็นผู้บริสุทธิ์ที่ต้องถูกพูดถึงในทางที่เสียหาย
คำพูดของมี่อิงทำให้จวงมามามีเหงื่อเม็ดใหญ่ไหลท่วมศีรษะอย่างไม่รู้ตัว ปฏิเสธไม่ได้เลยว่านางเป็นคนหนึ่งที่มีความเชื่อเรื่องดวงชะตาและสิ่งเร้นลับอยู่ไม่น้อย
"หากจวงมามายังยืนกรานที่จะไม่พูดคุยกับข้า ข้าก็อยู่ตรงนี้ อยู่อ้อนวอนขอร้องเบื้องบนต่อ วาจาของข้าศักดิ์สิทธิ์นัก หาก..."
"พอได้แล้ว! หยุดก่อเรื่องวุ่นวายเสียที หากอยากคุยกับข้านักก็ตามข้ามาที่เรือน ทุกคนแยกย้ายกันไปทำงาน ไม่เช่นนั้นข้าจะไม่จ่ายเบี้ยให้สักตำลึงเดียว" เอ่ยจบ จวงมามาก็หันหลังย่ำเท้าเดินจากไปด้วยอาการโทสะ
“ขอบคุณเจ้าค่ะจวงมามา….” มี่อิงตะโกนเสียงยืดยาวตามหลังไปด้วยท่าทางดีใจ
เมื่อสถานการณ์เข้าสู่สภาวะปกติ บ่าวรับใช้ทุกคนก็สลายตัวออกไปทำงานของตน ยกเว้นเจียวซือที่เดินเข้ามาหามี่อิงและเอ่ยถามด้วยความสงสัย “นี่เป็นแผนการของเจ้าใช่หรือไม่”
“ใช่ที่ไหนกันเล่า เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว”
“ไม่จริง! เจ้าหลอกข้า”
"ใช่ข้าหลอกเจ้า"มี่อิงแค่นเสียงหัวเราะเอ่ยตอบและเดินหนีไป
เจียวซือยืนอึ้งเล็กน้อย ก่อนที่จะได้สติวิ่งตามหลังมี่อิงไป "มี่อิง...เจ้าเล่ามาให้ข้าฟังเดี๋ยวนี้นะ มี่อิง…"