ตอนที่ 12 : เรือนอาถรรพ์

1614 Words
  มี่อิงเดินออกมาจากเรือนจ้วนสือด้วยใบหน้าทอยิ้มแจ่มใส เก็บซ่อนความรู้สึกดีใจเอาไว้ไม่อยู่ นางก้มหน้าก้มตาเดินลัดเลาะไปตามทางเดินยาวเพื่อเชื่อมต่อไปยังห้องโถงใหญ่ สติที่เลื่อนลอยทำให้ไม่ทันได้สังเกตเห็นว่า นางได้เดินผ่านสวนทางกับจวงมามาและเซี่ยวเซี่ยวเข้าโดยบังเอิญ “คุณชายอาละวาดใส่เจ้าหรือไม่" เสียงของจวงมามา ทำให้มี่อิงชะงักฝีเท้า "เก็บข้าวของให้ครบล่ะ หากเหลือไว้แม้แต่อย่างเดียว ข้าจะเอาไปเผาทิ้งให้หมด" เซี่ยวเซี่ยวเอ่ยเสริม จ้องมองด้วยแววตาเย้ยหยัน มี่อิงเงยหน้าขึ้นช้า ๆ หันกายไปตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม โดยทำเหมือนเซี่ยวเซี่ยวเป็นเพียงวิญญาณล่องลอยอยู่ตรงนั้น ไร้ซึ่งตัวตน "คุณชายทานขนมเทียนเอ๋อต้านจนหมดเลยเจ้าค่ะ ต้องขอบคุณจวงมามาที่ช่วยข้าไว้" "งะ งั้นหรือ...เช่นนั้นก็ดีแล้ว" จวงมามาเกร็งสีหน้าตอบ "หากไม่มีอะไรแล้ว ข้าขอตัวก่อนนะเจ้าคะ" มี่อิงค้อมศีรษะนอบน้อม ในขณะที่กำลังจะม้วนตัวออกไป เสียงเข้มดุของจวงมามาก็ดังขึ้นอีกครั้ง "เจ้าอย่าลืมที่ตกลงกับข้าเอาไว้เสียล่ะ...เรือนเยว่สือกำลังรอเจ้าอยู่" เรือนเยว่สือหรือ? มี่อิงกลอกตาครุ่นคิด พอย้อนนึกถึงคำพูดของจวงมามา ปมในใจก็ถูกคลายออก... คงเป็นข้อแลกเปลี่ยนระหว่างข้ากับจวงมามาในวันนั้นสินะ วิธีทำให้คุณชายโจวเปิดใจแลกกับการทำความสะอาดเรือนเยว่สือ เรื่องง่าย ๆ แค่นี้ เหตุใดต้องเอ่ยย้ำกันด้วย...กลัวว่าข้าจะผิดคำพูดงั้นหรือ? เมื่อคิดได้เช่นนั้น รอยยิ้มสดใสก็ฉายบนใบหน้าอีกครั้ง "ไม่ลืมเจ้าค่ะ" . . . ณ เรือนเยว่สือ นะ นี่มันอะไรกัน!! ถังไม้ร่วงหล่นจากมือกระแทกลงบนพื้นส่งเสียงดังก้อง มี่อิงยืนนิ่งแข็งทื่อ ดวงตาสีดำอำพันฉายแววตกตะลึงอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เพราะภาพที่ฉายเข้าสู่สายตานางยามนี้คือ ภาพของเรือนร้างหลังหนึ่งที่มีฝุ่นและหยากใหย่โยงใยเต็มไปหมด นี่นะหรือ...เรือนเยว่สือ หากบอกว่าเป็นเรือนผีสิงข้าก็เชื่ออย่างสนิทใจ มี่อิงรวบรวมสติ สูดลมหายใจลึก เก็บถังไม้ขึ้นมาถืออีกครั้ง ก่อนที่จะค่อย ๆ ก้าวเท้าเดินเข้าไปด้านในเรือนอย่างเชื่องช้า หลังจากที่ประตูของเรือนถูกเปิดออก กลิ่นเน่าเหม็นรุนแรงก็พวยพุ่งขึ้นมาเตะที่ปลายจมูกอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว มือเล็กเรียวพลันยกขึ้นปิดจมูกทันใดตามสัญชาตญาณ สวรรค์! นี่มันกลิ่นอะไรกัน? ไฉนถึงได้มีกลิ่นเหม็นรุนแรงถึงเพียงนี้ ยังไม่ทันได้หาคำตอบ… สายลมยามเย็นก็ส่งเสียงหวืดพัดกรรโชกแรงมากขึ้น ทำให้หน้าต่างแต่ละบานของเรือนพร้อมใจกันเปิดปิดส่งเสียงเอี๊ยดแอ๊ดดังก้องไปทั่วทั้งเรือน เสียงกระทบของหน้าต่าง ทำให้มี่อิงสะดุ้งโหยง เดินเซถอยไปด้านหลังหนึ่งก้าวอย่างหวาดผวา ยามนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่า...เสียงนั่น! มันยิ่งขับเน้นบรรยากาศให้ชวนน่าขนลุกมากขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ รู้อย่างนี้ข้าพาเจียวซือมาด้วยเสียก็ดี จวงมามานะ จวงมามา กลั่นแกล้งข้าอย่างอื่นข้าไม่ว่า แต่มากลั่นแกล้งข้าแบบนี้ มันไม่รุนแรงเกินไปหน่อยหรือ? ในใจพร่ำบ่น ทว่าสายตายังคงสอดส่ายไปมาด้วยความหวาดระแวง ภายในเรือนเยว่สือ เป็นห้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่และกว้างขวาง หากจะบอกว่าเป็นห้องเก็บของ ก็คงไม่มีผู้ใดเอ่ยแย้งหรือแม้แต่จะสงสัย เพราะเรือนแห่งนี้เป็นเพียงพื้นที่โล่ง ๆ มีตู้ โต๊ะและเก้าอี้ต่าง ๆ ปรากฏอยู่เพียงไม่กี่ตัว มิหนำซ้ำยังตั้งวางห่าง ๆ กัน ดูโหรงเหรงและพิลึกชอบกล เหมือนเป็นเรือนร้างที่ถูกปิดตายมานาน ไม่มีผู้ใดเข้ามาพักอาศัยจึงมีสภาพเป็นเช่นนี้ มี่อิงกลั้นใจทำหน้าที่ของตนอย่างซื่อสัตย์ นางย่อกายใช้มือบิดผ้าชุบน้ำในถังไม้ นั่งคุกเข่าเช็ดถูพื้นไม้รอบ ๆ เรือนอย่างใจจดใจจ่อ จนเวลาล่วงไปครู่ใหญ่ ทั่วทั้งบริเวณของเรือนแห่งนี้ก็สะอาดเอี่ยมอ่อง มี่อิงเงยหน้าขึ้น ใช้มือปาดเช็ดเหงื่อกาฬที่ไหลยาวจากหน้าผากลงมาตามแนวแก้ม พอเลื่อนใบหน้าหันมองที่หน้าต่างอีกที ท้องฟ้าก็มืดครึ้มเสียแล้ว เมื่อเห็นเช่นนั้น นางก็รีบเก็บสัมภาระก้าวเดินออกจากเรือนโดยไว แต่ทว่าเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น…   "มี่อิง…" สุ้มเสียงกระซิบแผ่วเบาดังขึ้นข้าง ๆ หูพร้อมกับสายลมยามเย็นที่พัดวูบเข้าที่ใบหน้า มี่อิงเบิกตากว้างโต ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีซีดขาวราวกับกระดาษ นางหันหน้ามองทางซ้ายที ทางขวาที เพื่อหาต้นตอของเสียง แต่ก็ไม่พบผู้ใดปรากฏอยู่เลยแม้แต่ผู้เดียว สะ เสียงของผู้ใดกันนะ… ความรู้สึกของมี่อิงยามนี้ผสมปนเปไปเสียหมด ในความกลัวนั้นมีความกล้าหาญปะปนเข้ามาเล็กน้อยอย่างอธิบายไม่ได้ หรือว่า...ข้าจะโดนภูตผีในนี้เล่นงานเข้าเสียแล้ว! คิดได้ไม่นาน...เสียงปริศนานั้นก็ดังขึ้นอีกเป็นระลอกที่สอง "มี่อิง.." สะ เสียงนั่น อีกแล้ว!! ยามนี้แข้งขาของมี่อิงแข็งทื่อและสั่นเครือไปหมด หากจะบอกว่าถูกตรึงขายึดติดกับพื้นก็ย่อมได้ เพราะยามนี้แม้แต่จะยกขาก้าวเดินต่อไปยังทำได้ลำบาก เมื่อเริ่มแน่ใจแล้วว่าไม่ได้หูฝาดไป นางก็พยายามสลัดความกลัวในจิตใจออก และพร่ำบอกกับตัวเองในใจว่า เพียงแค่ไม่กี่ก้าวก็จะพ้นเขตเรือนแล้ว เจ้าต้องทำให้ได้สิ! มี่อิง...เจ้าต้องทำให้ได้ ทันใดนั้นเอง… เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว เงาสีดำตะคุ่มจาง ๆ ไม่มีหน้าตา ไม่มีรูปร่างชัดเจนก็ปรากฏตัวขึ้นและพุ่งหน้าตรงเข้ามาหานางด้วยความรวดเร็วไวปานแสง กรี๊ดดดดดด ด!!! มี่อิงกรีดร้องด้วยความตกใจจนสลบล้มพับไปกับพื้น นางหลุดเข้ามาในห้วงแห่งความฝันทันทีที่ดวงตาปิดลง ดวงจิตของนางล่องลอยเข้ามาอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่งที่ดูไม่คุ้นตานัก สถานที่แห่งนี้เป็นหน้าผาสูงชัน มองไปทางไหนก็เห็นแต่เพียงท้องฟ้าสีครามไกลสุดลูกหูลูกตา เป็นความงดงามที่แฝงไปด้วยอันตรายนัก เพราะหากพลาดเดินถอยหลังไปละก็...ร่างมนุษย์จะต้องถูกเปลี่ยนเป็นร่างอันไร้วิญญาณเป็นแน่ มี่อิงกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ด้วยแววตาเจือความสงสัย ผุดคำถามขึ้นมาในใจ ที่นี่คือที่ไหน...ข้ามาอยู่นี่ได้อย่างไร? 'เจ้ากำลังฝันอยู่' เสียงสตรีแปลกหน้านางหนึ่งดังขึ้น ตอบคำถามที่ค้างคาใจของมี่อิงเหมือนดั่งผู้หยั่งรู้ความคิด สตรีผู้นั้นเดินเข้ามาหามี่อิงพร้อมกับรูปลักษณ์ที่งดงามจนไม่อาจละสายตาได้ นัยน์ตาโศกคู่สวยนั้นเป็นประกายระยิบระยับ เส้นผมสีดำขลับสยายพริ้วไหวดุจผ้าต่วน ดูงดงามมีเสน่ห์ยิ่ง 'ท่านเป็นใคร...' 'ข้าเป็นใครคงไม่สำคัญ แต่เจ้าคือคนเดียวที่สื่อสารกับข้าได้' 'คนเดียวที่สื่อสารกับท่านได้' มี่อิงเอ่ยย้ำ ขบคิดในใจครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเปิดตาโต จ้องมองสตรีผู้นั้นด้วยความหวาดกลัว 'ทะ ท่านคือวิญญาณอย่างนั้นหรือ' สิ้นเสียง ดวงตาของสตรีผู้นั้นก็มีหยาดน้ำจาง ๆ ปรากฏขึ้น เพียงไม่นาน หยาดน้ำตาใส ๆ ก็ไหลทะลักออกมาอาบทั้งสองแก้มดุจสายน้ำที่ไหลเชี่ยว ยากจะหยุดยั้ง 'ทะ ท่านเป็นอะไรหรือ ไฉนถึงร่ำไห้ออกมาเช่นนี้' 'มี่อิง...เจ้าช่วยข้าด้วย...ช่วยข้าที…' สตรีผู้นั้นเอ่ยอ้อนวอนอย่างมีความหวัง 'ช่วยหรือ...ท่านจะให้ข้าช่วยท่านอย่างไร' สิ้นเสียงมี่อิง ร่างของสตรีผู้นั้นก็ปรากฏเปลวไฟสีเหลืองทองดวงใหญ่ลุกโชนทั่วทั้งร่าง กรี๊ดดดดดด ด!! เสียงกรีดร้องโหยหวนของสตรีผู้นั้นเปี่ยมไปด้วยความเจ็บปวด มี่อิงยืนตกตะลึง ลนลานทำอะไรไม่ถูก 'เกิดอะไรขึ้นกับท่าน ข้าต้องทำอย่างไร ข้าต้องช่วยท่านได้อย่างไร' 'ข้า….ข้าไม่ไหวแล้ว ร้อนเหลือเกิน มี่อิง...ช่วยข้าด้วย' 'กรี๊ดดดดด ด!! " . . . เฮือก!!! มี่อิงสะดุ้งตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองกำลังอยู่ในอ้อมอกของบุรุษผู้หนึ่งที่กำลังโอบอุ้มนางอยู่ ใบหน้าเล็กเรียวกับแผงอกกว้างผายแนบชิดติดกัน กลิ่นกายอ่อนละมุนของบุรุษผู้นั้นวนเวียนอยู่ที่ปลายจมูกของหญิงสาว ชวนให้รู้สึกอบอุ่นใจและปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก มี่อิงช้อนหน้าเงยขึ้นมองบุรุษผู้นั้นทันทีเมื่อได้สติ แต่นัยน์ตากลมสวยกลับพร่ามัว เห็นเป็นแค่เพียงภาพเงาเลือนรางเท่านั้น ความง่วงงุนอย่างไม่รู้สาเหตุทำให้ยามนี้นางไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เลยแม้แต่น้อย "ท่านเป็นใคร…" มี่อิงพยายามรวบรวมพลังแรงกายทั้งหมดที่มีเอ่ยถามออกไป ทว่ายังไม่ทันได้ฟังคำตอบ นางก็ผล็อยหลับเข้าสู่ภวังค์แห่งนิทราอีกครั้ง ชายหนุ่มชะงักเท้าเดิน ค่อย ๆ เคลื่อนใบหน้าอันหล่อเหลาคมคายจ้องมองมี่อิงพลางเอ่ย "เจ้า...ไม่จำเป็นต้องรู้"  
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD