สารทฤดูรัชศกหย่งเล่อปีที่สิบเจ็ด
ภายใต้แสงจันทร์นวลเด่น ดวงดาวพร่างพรายเปล่งประกายระยิบระยับ ไม่มีผู้ใดคาดเดาชะตากรรมในคืนอันงามงดนี้ได้ สิ่งมีชีวิตมากมายบนโลกใบนี้ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์เล็ก สัตว์ใหญ่หรือแม้แต่มนุษย์มีดวงชะตาแตกต่างกัน ในขณะที่ใครหลายคนกำลังเคลิบเคลิ้มอยู่ในห้วงสรวงสวรรค์อันแสนหวานแห่งนิทรารมณ์ อาจมีใครบางคนกำลังเผชิญกับชะตากรรมอันโหดร้ายอย่างน่าหดหู่อยู่ก็เป็นได้
กลางป่าลึกบนเขาสูงแห่งปฐพีต้าหมิง จางเยาเยา..สตรีวัยกลางคนกำลังวิ่งกระหืดกระหอบ หนีอะไรบางอย่างจากทางด้านหลังอย่างไม่คิดชีวิต แขนของนางโอบอุ้มหลานสาวเด็กทารกไม่รู้ประสีประสาอายุเพียงเดือนเศษ ๆ ไว้ในอ้อมอก
ท่ามกลางความมืดมิดแห่งรัตติกาล ฝีเท้าเร่งรีบเหยียบย่ำต้นไม้เตี้ยและใบหญ้าบนพื้นดินส่งเสียงดังสวบสาบ
จางเยาเยาพ่นลมหายใจหอบเหนื่อยตลอดทาง อายุของนางก็ไม่น้อยแล้ว ร่างกายก็ไม่ได้แข็งแรงเหมือนกับตอนหนุ่มสาว แต่ทว่าความหวาดกลัวกลับทำให้โลหิตของสตรีผู้นี้สูบฉีด นางไม่อาจปล่อยให้เด็กทารกในอ้อมอกมีอันตรายได้ เสียงในสมองสั่งการ หากแม้แสงสว่างแห่งความหวังจะริบหรี่ ร่างกายจะสลายกลายเป็นเถ้าธุลี แต่เด็กทารกผู้นี้จะต้องมีชีวิตอยู่
ความเจ็บปวดรวดร้าวแผ่กระจายกลืนกินไปทั้งหัวใจ เหมือนดั่งเอาเข็มแหลมมาทิ่มแทงระลอกแล้วระลอกเล่า
หากไม่ใช่เพราะโจรป่าเข้ามาบุกทำร้าย จางเหวิน..บุตรชายของนางคงไม่ต้องเสี่ยงชีวิตปกป้องมารดาและบุตรสาวต่อสู้กับโจรเหล่านั้นเพียงลำพังและนางคงไม่ต้องหอบหลานสาววิ่งหนีหัวซุกหัวซุนออกมาเช่นนี้
สวรรค์! ปกป้องลูกข้าด้วยเถิด ปกป้องลูกข้าด้วย...
จางเยาเยาใคร่ครวญถึงบุตรชายยอดดวงใจพลางสะอื้นไห้ไม่หยุด ก่อนหน้านี้เพียงไม่นาน นางกับบุตรชายยังเป็นปกติสุขในกระท่อมกลางป่าหลังนั้น นางยังจำเหตุการณ์ครั้งสุดท้ายที่พูดคุยกับบุตรชายได้ดี
'ท่านแม่...ข้าพาท่านแม่มาลำบากหรือไม่' จางเหวินโพล่งเอ่ยขึ้นอย่างไม่รู้สาเหตุด้วยสีหน้าวิตกกังวล
จางเยาเยาชะงักนิ่ง ถ้อยคำนั้นสะเทือนจิตใจผู้เป็นมารดายิ่งนัก นางสงสารชะตากรรมของบุตรชายจับใจ แต่ไม่รู้ว่าจะแสดงออกเช่นไรเพื่อปลอบประโลม 'จางเหวิน...เจ้าพูดอะไรออกมา ชีวิตเจ้าน่ะ เจอเรื่องยากลำบากมาก็มากแล้ว เมียเจ้าก็มาทอดทิ้ง อีก ไฉนเจ้าต้องมาคิดกับข้าเช่นนี้'
คำพูดของมารดาทำให้จางเหวิน ผุดภาพหนึ่งขึ้นมาในหัวสมอง ภาพนั้นคือภาพที่เขาคุกเข่าวิงวอนร้องขอให้ภรรยากลับมาอยู่กับเขาและลูก แต่ทว่านั่นก็ไม่อาจทำให้นางฉุกคิดได้เลยแม้แต่น้อย เพราะหลังจากที่จางเหวินโดนหมายหัวจากศาลต้าหลี่ นางก็แอบสวมหมวกเขียวตั้งแต่เพิ่งตั้งครรภ์มี่อิงได้ไม่ถึงสัปดาห์ ท้ายที่สุดแล้ว นางก็เลือกที่จะไปหาสามีคนใหม่ที่ทั้งฐานะร่ำรวยและมีการงานก้าวหน้ากว่า ปล่อยให้เขาและลูกต้องร่วมชะตากรรมอันยากลำบากนี้เพียงลำพัง
'ข้าไม่อาจวางใจได้ ที่พาท่านแม่กับมี่อิงมาเสี่ยงอันตรายเช่นนี้ หากมีหนทางให้ท่านแม่หลีกหนี ข้าฝากมี่อิงกับท่านแม่ได้หรือไม่'
จางเยาเยารู้สึกหัวใจหล่นวูบตกลงเหวลึก พอนึกว่าบุตรชายจะห่างกายไป ใจก็พลันเศร้าหมอง นางหลุบตาลง เอ่ยน้ำเสียงเจือความน้อยอกน้อยใจ 'ข้ามีทางเลือกอื่นด้วยหรือ'
จางเหวินยกมุมปากยิ้ม เขารู้ดีว่ามารดาเป็นคนปากอย่างใจอย่าง ถึงแม้จะแสดงสีหน้าเย็นชา พูดจาโผงผางไปบ้าง แต่จิตใจของนางกลับเปี่ยมไปด้วยความเมตตาและไม่เคยคิดร้ายต่อผู้อื่น
ชายหนุ่มยกร่างของบุตรสาวขึ้นมาโอบอุ้มประคบประหงมด้วยความรักพลางจ้องมองด้วยความเอ็นดู 'เจ้าต้องเป็นเด็กดี เชื่อฟังท่านย่าของเจ้า รู้หรือไม่...มี่อิง ข้ารักเจ้า เทพธิดาน้อยของข้า'
เด็กน้อยไร้เดียงสาส่งเสียงอ้อแอ้ไม่เป็นภาษา ดวงตานั้นช่างใสวาวบริสุทธิ์ผุดผ่อง แต่หารู้ไม่ว่าต่อจากนี้ดวงชะตาของนางจะเป็นเช่นไร
หลังจากนั้นเหตุการณ์ก็ตัดมาตอนที่จางเหวินไล่มารดาให้หนีออกไปหลังกระท่อม
'ท่านแม่ฝากลูกข้าด้วย! ' จางเหวินส่งยื่นบุตรสาวให้จางเยาเยาอุ้ม ก่อนที่จะหันไปคว้าดาบขึ้นมาตั้งท่า ต่อสู้กับโจรป่าที่พุ่งกายเข้ามาทำร้าย
จางเยาเยาเนื้อตัวสั่นเทิ้ม เม็ดเหงื่อไหลท่วมศีรษะ นางอยากจะปกป้องทั้งบุตรชายและหลานสาวใจแทบขาด แต่ยามนี้...นางคงทำได้เพียงเชื่อคำพูดของบุตรชายและปกป้องเด็กน้อยบริสุทธิ์ผู้นี้ให้มากที่สุด
'ไปสิท่านแม่! ' จางเหวินตะคอกย้ำ เรียกสติของมารดาให้กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวอีกครั้ง
จางเยาเยารวบรวมสติ อุ้มเด็กทารกออกไปทางด้านหลังของกระท่อมด้วยท่าทางทุลักทุเล แม้ขาทั้งสองข้างจะอ่อนแรงสักเพียงใด แต่นางก็กลั้นใจ รวบรวมพลังแรงกายทั้งหมดที่มี วิ่งออกมาด้านนอก พาหลานสาวในสายเลือดของนางหลบหนีมาในที่สุด
อ๊ากกกกกกกกกกก!!
เสียงเจ็บปวดร้องโหยหวนดังสนั่นก้องทั่วทั้งผืนป่า แข้งขาที่กำลังวิ่งจ้ำหยุดชะงักนิ่งนางยกมือขึ้นป้องปาก ร่ำไห้ออกมาพร้อมกับหัวใจที่แหลกสลาย
"ไม่จริง! ไม่จริง! " จางเยาเยาส่ายศีรษะด้วยสติที่เลื่อนลอย น้ำตาแห่งความเสียใจพรั่งพรูออกมาไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง
สัญชาตญาณความเป็นแม่รู้ทันทีว่าเสียงนั้นเป็นเสียงของบุตรชายและนางจำมันได้อย่างดี
ไม่ต้องเดาเลยว่า...ยามนี้ชะตากรรมของจางเหวินจะเป็นเช่นไร
เด็กน้อยไร้เดียงสาเบะปากคว่ำ ทำท่าเหมือนจะร้องไห้ จางเยาเยาอุ้มนางไปนั่งหลบอยู่หลังต้นไม้สูงใหญ่ เขย่ากายเบา ๆ ปลอบไปสะอื้นไห้ไปด้วยอย่างหดหู่
สวรรค์! คุ้มครองลูกชายข้าด้วย
ได้โปรดคุ้มครองลูกชายข้าด้วยเถิด...