ห้องหับสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ของสำนักดูดวงลึกลับแห่งหนึ่งในตรอกซอกลึกของตลาดตะวันออกแคว้นต้าหมิง มีสภาพทรุดโทรมเก่าแก่ พร้อมที่จะพังอยู่รอมร่อ
ภายในห้องมืดสลัว คละคลุ้งไปด้วยกลุ่มควัน กลิ่นของธูปเทียน กำยานและเครื่องหอมที่ลอยตลบอบอวลชวนให้รู้สึกผ่อนคลายและน่าเวียนหัวไปพร้อม ๆ กัน
ดวงตาสีอำพันกลมสวยปิดสนิท ริมฝีปากเรียวบางขยับขึ้นลงเปล่งเสียงแหบพร่าร่ายบทสวดดังก้องทะลุเข้าไปในโสตประสาท ในขณะที่มือขวาจับลูกประคำสีดำขลับเส้นยาวเลื่อนไปรอบ ๆ มือตามช่วงจังหวะ
จางมี่อิง...โฉมสะคราญดวงหน้าพริ้มเพรา รอยยิ้มมีเสน่ห์เป็นที่ประจักษ์ ถูกบดบังรูปลักษณ์ที่แท้จริงไว้ภายใต้คราบของหมอดูผู้หยั่งรู้ประจำสำนักดูดวงจี๋เสียงหยูอี้
สายลมอ่อน ๆ ลอดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างกระทบกับต่างหูระย้าส่งเสียงดังกรุ๋งกริ๋ง อาภรณ์สีสดใสเจิดจ้า เสื้อสั้นสาบทับขวาสีแดงชาด กับกระโปรงทรงหน้าม้าสีน้ำเงินกุ๊นขอบด้วยผ้าต่วนแขวนบนเรือนร่างของนางได้อย่างพอดิบพอดี
มี่อิงนั่งอยู่ที่โต๊ะไม้สูงประจำตำแหน่งกลางห้อง หญิงสาวหน้ายาวผู้เข้ามาดูดวงคนล่าสุดนั่งตรงกันข้ามกับนาง และใช่! ในห้องดูดวงยามนี้มีเพียงแค่หญิงสาวสองนางเท่านั้น ไม่มีการสนทนาใดๆ เกิดขึ้น แต่ถูกขับกล่อมไปด้วยเสียงสวดมนต์ที่ดูวังเวงและชวนน่าขนลุกแปลกประหลาด
“แม่เจ้า! ” มี่อิงเบิกตากว้างโต โพล่งอุทานออกมาเสียงดัง ขัดบรรยากาศที่หนักอึ้งและเงียบงัน
หญิงหน้ายาวสะดุ้งเฮือก ตื่นตระหนกตามกิริยาท่าทางของนาง “เกิดอะไรหรือเจ้าคะแม่หมอ...ยามนี้ดวงชะตาข้าเป็นเช่นไร”
มี่อิงเม้มปากแน่น มีสีหน้าวิตกกังวล “ข้าเห็น...ข้าเห็น"
"เห็นอะไรหรือเจ้าคะ"
"ข้าเห็นเงาสีดำทมิฬทรงพลังกำลังกลืนกินดวงจันทราเลือนหายไปในรัตติกาล" มี่อิงเอ่ยรำพันเปรียบเปรยน้ำเสียงจริงจัง
"ข้าไม่เข้าใจ...แม่หมอหมายความว่าอย่างไร"
"สวรรค์...สวรรค์กำลังจะลงโทษเจ้า เจ้ากำลังจะประสบกับเคราะห์กรรมที่หนักหนาสาหัสนัก”
เมื่อได้ยินคำทำนายเช่นนั้น สตรีหน้ายาวก็เผยอปากขึ้น มีสีหน้าซีดขาวดุจกระดาษ "จะ...จริงหรือแม่หมอ"
มี่อิงฟาดมือตบไปที่โต๊ะไม้สั่นสะเทือนเสียงดังปึ้ง! ด้วยท่าทางโกรธ "เจ้าคิดว่าข้ากำลังโกหกเจ้างั้นหรือ! "
หญิงสาวรีบยกมือขึ้นโบกไปมาปฏิเสธ "ปะ เปล่าเจ้าค่ะ แม่หมอเข้าใจผิดแล้ว ข้าต้องทำอย่างไรถึงจะหลุดพ้นจากเคราะห์กรรมนี้ แม่หมอได้โปรดชี้แนะข้าด้วย"
สิ้นเสียงอ้อนวอน มี่อิงก็ค่อย ๆ ปิดม่านตาหลับสนิท ใช้มือเลื่อนลูกประคำในมือ เอ่ยสวดมนต์อีกครั้ง
เวลาล่วงไปครู่หนึ่ง ม่านตากลมสวยของมี่อิง ก็ขยับเบิกขึ้นอย่างเชื่องช้า
"ว่าอย่างไรเจ้าคะแม่หมอ" สตรีผู้นั้น จ้องมองมี่อิงด้วยดวงตาเป็นประกายเปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง
มี่อิงส่ายศีรษะ มีสีหน้าสลด "ไม่...ไม่มีหนทางแก้ไข"
คำพูดของมี่อิง ทำเอาหัวใจที่ค้างเติ่งอยู่กลางอากาศของสตรีผู้นั้น ร่วงหล่นลงมาด้วยความผิดหวังและหวาดกลัว
"ไม่จริง! ข้ารู้ว่าแม่หมอช่วยข้าได้...แม่หมอช่วยข้าด้วยเถิด จ่ายเท่าไหร่ข้าก็ยอม"
จ่ายเท่าไหร่ก็ยอมงั้นหรือ...
มี่อิงกระตุกมุมปากยิ้มเบา ๆ อย่างมีเลศนัย เอ่ยตอบกลับเสียงแผ่วเบา "เช่นนั้น...ข้าก็พอจะมีวิธีช่วยเจ้าได้บ้าง"
หลังจากกระบวนการดูดวงเสร็จสิ้น มี่อิงก็เดินมายังห้องเล็กแคบห้องหนึ่งที่เชื่อมต่อกันกับห้องดูดวงด้านหน้า
ภายในห้องนั้นถูกใช้สอยทุกซอกทุกมุม มีข้าวของเครื่องใช้วางเรียงกระจัดกระจาย นอกจากพวกเขาจะใช้ที่นี่เป็นสถานที่หาเงินแล้ว ที่นี่ยังเป็นที่พักหลับนอนของพวกเขาอีกด้วย
มี่อิงเป็นเด็กกำพร้า ที่ไม่ได้อยู่กับทั้งบิดาและมารดา มีเพียง จางเยาเยา ย่าแท้ ๆ ของนางเท่านั้นที่เป็นคนเลี้ยงดูด้วยความรักความเอ็นดูมาโดยตลอด โดยที่ไม่เคยรับรู้เลยว่าแท้ที่จริงแล้วตนเองคือบุตรสาวของผู้ใดกันแน่ ซึ่งลึกๆ ในใจนางก็เพิกเฉย เมื่อครั้งยังเยาว์นางเคยเอ่ยถามขึ้นมาอย่างไร้เดียงสา แต่ย่าของนางก็ร่ำไห้ออกมาทุกครั้ง มันทำให้นางไม่อยากขุดคุ้ยเรื่องที่เป็นปมยุ่งเหยิงออกมารบกวนจิตใจย่าของนางอีก
เม็ดเงินที่ได้มาจากเล่ห์กลอุบาย ดูเผิน ๆ มี่อิงดูเหมือนกำลังทำอาชีพหมอดู แต่จริง ๆ แล้ว นางก็คือหมอดูนักต้มตุ๋นดี ๆ นี่เอง
ด้วยฐานะยากจนทำให้สองย่าหลานเดินทางหาเบี้ยโดยการขอทานบ้าง รับจ้างบ้าง จนวันหนึ่ง ในขณะที่พวกนางทั้งสองกำลังเดินอยู่ในตลาด สายตาอันแหลมคมของจางเยาเยาก็พลันเหลือบไปเห็นหมอดูหญิงชราผู้หนึ่ง กำลังยื่นกระจาดสานรับเบี้ยจากชาวบ้านจำนวนมากจากการดูดวง ทำให้นางขอเข้าไปทำงานที่สำนักดูดวงแห่งนั้น เก็บเกี่ยววิชาต่าง ๆ ออกมาเปิดสำนักดูดวงเองจนถึงทุกวันนี้ ถึงแม้จะดูเหมือนเป็นการใช้ความรู้สึกนึกคิดคาดเดาไปเองเสียมากกว่าก็ตาม
สภาพแวดล้อมและสังคมที่ไม่เป็นธรรม คนมีฐานะร่ำรวยใช้อำนาจมืดผิดที่ผิดทาง คนยากจนอยู่อย่างลำบาก ส่วนคนที่มีเงินทองมากผ่านไปกี่ภพชาติก็ไม่อาจใช้เบี้ยที่กองท่วมหัวได้หมด สิ่งนั้นหล่อหลอมให้มี่อิงและจางเยาเยาอดทนและเชื่อว่า นางกำลังหาเงินด้วยสมองอันเฉียบแหลม ไม่ได้ไปฆ่าแกงผู้ใดเสียหน่อย นางจึงไม่ได้รู้สึกว่าสิ่งนั้นมันแย่นัก
“ท่านย่านะท่านย่า…ไฉนถึงแต่งหน้าให้ข้าแดงแปร๊ดเช่นนี้” มี่อิงบ่นพึมพำพลางใช้มือจับผ้าชุบน้ำบรรจงขูดเช็ดเครื่องประทินโฉมบนดวงหน้าอันเกลี้ยงเกลาของนางออก
หญิงชราแค่นเสียงหยันทางจมูก แสดงสีหน้าระอา "เจ้ายังไม่ชินหน้าตัวเองอีกหรือ"
"อะไรกัน...ท่าทางเช่นนั้น ท่านย่าแกล้งแต่งหน้าให้ข้าใช่หรือไม่" มี่อิงหน้านิ่วเอ่ย
เพราะต้องแต่งกาย แต่งหน้าให้ดูน่าเชื่อถือเพื่อกลบเกลื่อนอายุที่แท้จริง เสื้อผ้า ใบหน้า ผมเผ้า ท่าทางต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งน้ำเสียง จางเยาเยาจะเป็นผู้ดูแลให้หลานสาวทั้งสิ้น ทั้ง ๆ ที่นางเป็นคนเสียงใสปานกระดิ่งเงิน แต่กลับต้องดัดแปลงเปลี่ยนเป็นเสียงแหบพร่า อย่างกับคนละคน ซึ่งก็ใช้เวลาฝึกฝนมาไม่น้อย
"นี่เจ้า! ข้าชรามากแล้ว เจ้าจะให้ข้าแต่งหน้าเจ้าเหมือนทุกวันอย่างนั้นหรือ"
"ไม่จริง...ท่านย่าจงใจ ท่านย่าแกล้งข้า เพราะท่านย่าโกรธที่ข้าแอบกินซาลาเปาของท่านย่าใช่หรือไม่"
เอ่ยจบ มี่อิงก็ยกมือขึ้นป้องปาก เบิกตาโพลงด้วยสีหน้าตกใจ
ขะ ข้าพูดอะไรออกมาน่ะ…?
สืบสาวราวเรื่องจากคืนก่อน…
ในขณะที่จางเยาเยาผล็อยหลับไปแล้ว
มี่อิงยังคงนั่งอ่านหนังสืออยู่ เพียงชั่วครู่...กลิ่นหอมของซาลาเปาไส้ถั่วแดงในย่ามของจางเยาเยาก็โชยมาเตะที่ปลายจมูก ทำเอาท้องน้อย ๆ ของนางส่งเสียงร้องครวญครางออกมาไม่หยุด จนในที่สุดก็อดใจไม่ไหว เดินย่องเข้าไปหยิบซาลาเปาออกมากิน
พอกินจนหมด มี่อิงก็เอาแต่กร่นด่าตัวเองในใจด้วยความรู้สึกผิด แต่ว่าจะรู้สึกผิดอย่างไร ซาลาเปาก็ลงท้องไปเสียแล้ว!
"มะ ไม่ใช่นะท่านย่า" มี่อิงโบ้ยมือปฏิเสธด้วยท่าทางตื่นลน
จางเยาเยายืนตะลึงนิ่ง หรี่ตาจ้องมองมี่อิงด้วยสายตาคาดคั้น "เจ้าว่าอะไรนะ! เจ้าแอบขโมยซาลาเปาข้าไปกินงั้นหรือ ไหนเจ้าบอกว่าหนูแอบคาบไปกินยังไงล่ะ"
"ปะ เปล่านะท่านย่า ถ้าเป็นหนู คงจะตัวใหญ่ไม่น้อย" มี่อิงหัวเราะแห้ง เผยสีหน้าเจื่อน
"จางมี่อิง!!!!!!!!! "
สิ้นเสียง จางเยาเยาก็คว้าไม้เท้าสีน้ำตาลเข้มคู่ใจยกขึ้นมาไล่หวดหลานสาวด้วยความโกรธ
มี่อิงวิ่งหนีซอกแซกไปมาดั่งลูกหนูที่กำลังถูกแมวตัวใหญ่ไล่ล่า "ท่านย่า...ข้าขอโทษ อย่าตีข้าเลย"
"ขอโทษหรือ? นี่เจ้ายอมรับออกมาแล้วใช่หรือไม่"
"ใช่...เอ่อ...ไม่! โธ่...ท่านย่า แค่ลูกเดียวเท่านั้น ก็ข้าหิวนี่"
จางเยาเยาวิ่งไล่ตีหลานสาวไปได้ครู่หนึ่ง ก็รู้สึกหอบเหนื่อย สูดลมหายใจไม่ทัน นางจึงสงบศึกนั่งพักลงบนเก้าอี้ไม้เสียก่อน
มี่อิงเห็นเช่นนั้น ก็ชะงักกาย เดินย้อนกลับไปหาย่าของนาง พลางใช้มือบีบนวดแขนหญิงชราให้ผ่อนคลาย "ท่านย่า...ข้าขอโทษ ท่านยกโทษให้ข้าเถิด"
จางเยาเยาสงบท่าทีลง "ไฉนเจ้าถึงโกหกข้า...มี่อิง"
"ท่านย่า...ต่อไปข้าจะไม่ทำเช่นนี้อีกแล้ว ให้อภัยข้าเถิด"
"เอาเถิด...ข้าไม่โกรธเจ้าก็ได้ แต่ข้าอยากให้เจ้ารู้เอาไว้ว่า ข้าไม่ได้โกรธเพราะข้าเสียดายของแต่ข้าโกรธเพราะเจ้าโกหกข้าต่างหาก"
"มี่อิงเข้าใจแล้วท่านย่า" มี่อิงเขยิบกายเข้าไปโอบกอดย่าของนางด้วยความรัก ก่อนที่จะส่งถุงเงินสีน้ำเงินถุงหนึ่งยื่นให้นาง
จางเยาเยาผูกคิ้วขมวดแน่น เอ่ยถามด้วยใบหน้าสงสัย "อะไรของเจ้า! "
"โธ่...ท่านย่า แทนที่จะดีใจกลับเอ่ยถามข้าด้วยท่าทางแปลกประหลาดเช่นนั้น"
"ข้าแปลกใจที่จู่ ๆ เจ้าก็ยื่นถุงอะไรไม่รู้มาให้ข้า"
"ถุงเงินเจ้าค่ะ...ถุงเงิน ข้าให้ท่านย่าเก็บไว้ ต่อไปเราก็ไม่ต้องเป็นหมอดูหลอกลวงกันอีกแล้ว เพราะเบี้ยก้อนนี้ มากพอที่จะทำให้เราเปิดร้านเล็ก ๆ ขายของได้และมีที่พักเป็นของตัวเองที่ดีกว่านี้"
"เจ้าเอาเบี้ยมาจากไหนมากมาย เจ้าขโมยมาหรือ ไฉนสอนแล้วไม่จำ ให้ข้าหวดเจ้าอีกสักทีดีหรือไม่"
"ท่านย่าเข้าใจผิดแล้ว เบี้ยก้อนนี้มาจากน้ำพักน้ำแรงของข้าเองต่างหาก" มี่อิงเอ่ยพลางยัดถุงเงินใส่ไปในฝ่ามือของจางเยาเยาอีกครั้ง
ดวงตาของหญิงชรามีประกายไหลวนช้าๆ เผยยิ้มออกมาด้วยความซาบซึ้ง แต่กลับพูดออกมาตรงกันข้ามกับใจนึกคิด "หากเจ้าจับคนร่ำรวยมาแต่งงานก็คงไม่ต้องเหนื่อยปานนี้"
มี่อิงถอนกอดออก พลางจ้องหน้าจางเยาเยาด้วยความไม่พอใจ "จับคนร่ำรวยอีกแล้ว ไฉนท่านย่าถึงอยากให้ข้าไปจากชีวิต ท่านย่ารำคาญข้าแล้วหรือ…"
"ข้าเปล่าหมายถึงอย่างนั้นเสียหน่อย ข้าแค่อยากให้เจ้ามีชีวิตที่ดีกว่านี้ เอาอย่างนี้ดีหรือไม่...เดี๋ยวข้าจะไปหาชายหนุ่มสกุลดี ๆ แล้วจัดฉากให้เจ้าเข้าไปโปรยเสน่ห์เสีย เจ้าจะได้ออกเรือนแต่งงาน มีอนาคตที่ดีกว่านี้"
"ท่านย่า!!!! "
"อะไรกัน! ไฉนถึงมาตะคอกใส่ข้า"
"ข้าบอกกี่ครั้งแล้ว ว่าข้าอยากอยู่กับท่านย่ามากกว่า แล้วในชีวิตจริง หากข้าไปหว่านเสน่ห์ใส่คุณชายสกุลสูงส่ง ท่านย่าว่า คุณชายผู้นั้นจะตบแต่งหญิงยากจนเช่นข้าเข้าจวนอย่างนั้นหรือ...ท่านย่าลองนึกภาพข้าเป็นอนุ แล้วถูกฮูหยินหรืออนุคนอื่น ๆ จ้องตาเขม่น โดยว่าร้ายต่างๆ นานา หรือแม้แต่นอนแผ่กายเฝ้ารอคุณชายมากรักเข้ามาหาที่เรือนจนเหี่ยวแห้ง ข้าคงทนไม่ไหว จับมีดฆ่าผู้ใดสักคนในเรือนตายเสียก่อน"
จางเยาเยากรอกตานึกคิดตามคำพูดของหลานสาวถึงกับพูดไม่ออก
"ท่านย่า...ข้ารู้ว่าท่านย่าหวังดี แต่ตอนนี้ ชีวิตข้า แค่มีท่านย่าข้าก็เพียงพอแล้ว"
จางเยาเยากระดกยิ้ม ลอบปลาบปลื้มหลานสาวในใจ "แต่ข้าคิดว่าเจ้าขี้เหร่ไม่มีใครเอาเสียมากกว่าถึงอ้างเช่นนี้"
"ท่านย่า!!!!! "
จางเยาเยาตบโต๊ะสั่นสะเทือน หัวเราะออกมาด้วยความสำราญใจที่ได้แกล้งหลานสาวของนางอีกครั้ง