เช้าวันใหม่
ภารัณก็เข้ามาในบริษัทของเขาพร้อมกับนั่งอ่านเอกสารรายชื่อทุนที่เขามอบให้กับมหาวิทยาลัยต่างๆ ก็พบว่ามีนักศึกษาที่ได้ทุนจากบริษัทของเขานั้นมีเกรดเฉลี่ยต่ำกว่าเกฑณ์หลายคน และล้วนเป็นผู้หญิงทั้งนั้นมันก็ทำให้ภารัณคิดว่ามีการทุจริตในเรื่องปรับเปลี่ยนรายชื่อของนักศึกษาที่ได้ทุนจริง รวมถึงชื่อของปารารินที่ถูกสับเปลี่ยนไปด้วย เนื่องจากมันไม่เหมือนกับฉบับที่เรวัติส่งมาให้เขาพิจารณาในตอนแรก
“แบบนี้ก็แสดงว่าคุณเรวัติเขาให้นักศึกษานอนด้วย เพื่อแลกกับการให้ทุนจริงๆสินะ มีรายชื่อถูกสับเปลี่ยนทุกปีเลยว่ะไอ้ภาม ฉันว่าเขาคงแอบทำอย่างนี้มานานแล้ว แกจะเอายังไงต่อวะ” ปรินทร์เอ่ยพูดออกไป เมื่อเขามาช่วยภารัณพิจารณาและหาข้อมูลเอาผิดกับคนที่แอบใช้เส้นสายทุจริตภายในบริษัท
“ก็ทำให้ทุกอย่างมันทุกต้องสิ คนสันดานเลวๆอย่างนั้นไม่สมควรได้รับความเมตตาอะไรทั้งนั้น คุณวิ ช่วยเตรียมหหลักฐานทุกอย่างแล้วส่งไปให้อชิระที แล้วบอกให้มันรีบมาหาผมที่บริษัท และบ่ายนี้เรียกตัวคุณเรวัติขึ้นมาพบกับผมในห้องประชุมด้วย ” ภารัณพูดบอกไปด้วยเสียงเข้ม เพราะอชิระคือเพื่อนสนิทของขาที่เป็นตำรวจ และงานนี้เขาคงต้องใช้โหมดโหดจัดการกับคนที่ทำผิดศิลธรรมให้หลาบจำ
“ได้ค่ะ เดี๋ยววิจะจัดการให้นะคะ ขอตัวก่อนค่ะ” วิชุดาพูดบอกไปก็เดินออกไปจากห้องทำงานของภารัณทันที เพราะตอนนี้ดูเหมือนเจ้านายของเธอจะดูไม่พอใจเรื่องนี้เอามากๆ
“ดีนะที่สาวน้อยคนนั้นเขามาพูดกับแกในงานเมื่อวาน ไม่งั้นเราก็คงจะโง่ไปอีกนาน ไม่คิดเลยว่ะว่ามีคนกล้าทำแบบนี้ ชื่อเสียงบริษัทของเราเสียหายหมด” ปรินทร์พูดออกไปก็ถอนหายใจออกมาอย่างเศร้าใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะมันก็เท่ากับว่ามีนักศึกษาอีกหลายคนที่เจอเหตุการณ์แบบเด็กคนนั้น
“เรื่องนั้นเดี๋ยวฉันจะจัดการเอง ต่อไปฉันให้นายดูแลเรื่องทุนนี้ก็แล้วกัน อย่าให้มีปัญหาอย่างนี้ขึ้นมาอีก แล้วก็ให้เงินชดเชยกับคนที่พลาดทุนไป ส่วนคนที่ได้ทุนไปแล้วก็ยกเลิกทุนให้หมด” ภารัณพูดบอกไปด้วยเสียงจริงจัง เพราะเขาจะไม่ยอมให้คนพวกนั้นได้ใจเป็นอันขาด
“จะดีเหรอวะ บางคนเรียนจะจบแล้วนะไอ้ภาม ฉันว่าเราให้โอกาสเขาหน่อยไหมวะ อย่างน้อยก็ให้คนที่ใกล้จะเรียนจบแล้ว ส่วนคนที่เราพึ่งจะส่งไปก็ค่อยยกเลิก” ปรินทร์พูดบอกไปแล้วก็มองหน้าของภารัณอย่างอย่างขอร้อง
“คนที่ทำเรื่องสกปรกเพื่อทำให้ตัวเองได้สิ่งที่ต้องการ ไม่สมควรได้รับโอกาสที่ขโมยของคนอื่นไป นายพิมพ์หนังสือชี้แจงให้กับพวกเขาไปตามความจริง พวกเขาต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำ โดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆทั้งนั้น หรือแกสงสารแล้วจะใจดีส่งเสียที่เหลือก็แล้วแต่แก” ภารัณพูดบอกไปอย่างเด็ดขาด จาปรินทร์มองหน้าของลูกพี่ลูกน้องของตัวเองแล้วก็ถอนหายใจออกมาอย่างยอมใจกับนิสัยของภารัณ
“มันไม่ใช่หน้าที่ของฉันสักหน่อย เอาเป็นว่าฉันจะส่งหนังสือแจ้งคนที่ทำผิดพวกนี้ก็แล้วกัน งั้นฉันไปก่อนนะโว้ย” ปรินทร์พูดบอกไปแล้วก้ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปทันที เพราะเขาต้องไปสั่งลูกน้องทางฝั่งของเขาให้จัดการส่งหนังสือให้กับพวกนักศึกษาที่ได้ทุนไปแบบผิดๆ
ด้านปิ่นแก้วหลังจากที่เธอเจอภารัณและแฟนคนใหม่ของเขาเมื่อวานมันก็ทำให้เธอรู้สึกไม่ดีเอาซะเลย เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอก็มั่นใจแล้วว่าเธอลืมภารัณได้แล้ว แต่พอเห็นเขามีความสุขกับผู้หญิงคนอื่นใจของเธอกลับรู้สึกเจ็บอย่างบอกไม่ถูก
“ปิ่น ตั้งแต่ที่คุณเจอคุณภารัณกับแฟนของเขาเมื่อวาน คุณก็ดูเงียบไปนะ คุณยังลืมเขาไม่ได้ใช่ไหม” ศิลาพูดออกไปขณะที่เขากำลังนั่งอยู่บนเตียงแล้วมองเธอกำลังยืนคิดอย่างเหม่อลอยอยู่ที่วิวกระจกตรงปลายเตียงใหญ่
“คิดมากไปแล้วค่ะ ช่วงนี้ปิ่นเครียดเรื่องงานน่ะค่ะ ไม่ได้คิดเรื่องของภามเขาสักหน่อย ถ้าปิ่นลืมเขาไม่ได้ปิ่นจะคบกับคุณมาทำไมตั้งสามปีล่ะคะ” ปิ่นแก้วเอ่ยพูดออกไปก็หันไปหาศิลาแล้วก็ยิ้ม ก่อนจะขึ้นไปนั่งบนเตียแล้วโอบกอดเขาอย่างอ้อนๆ เพื่อไม่ให้เขาคิดมาก
“ไม่รู้สิ บางทีคุณอาจจะแค่คบผมเพราะต้องการลืมเขาก็ได้ อีกอย่างคุณก็ยังทำงานกับเขา เจอกันบ่อยๆด้วย จะไม่ให้ผมรู้สึกกลัวได้ยังไงล่ะ” ศิลาพูดออกไปแล้วก็ทำหน้าเศร้าๆ พร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างแรง
“ปิ่นไม่ได้คบคุณเพื่อลืมเขา เชื่อปิ่นเถอะนะคะ ตอนนี้ปิ่นรักคุณและปิ่นก็ดีใจที่เรามีช่วงเวลาดีๆร่วมกันมามากมาย จนปิ่นคิดว่าคงไม่มีใครจะรักและดูแลปิ่นได้ดีเท่ากับคุณอีกแล้วค่ะ จุ๊บ อย่าคิดมากเลยนะคะ” ปิ่นแก้วพูดบอกไปก็หอมแก้มของศิลาอย่างออดออ้นเขา เพราะเธอก็รู้สึกรักและผูกพันกับเขาจริงๆ และเธอก็คงจะเสียเขาไปเพราะเรื่องของภารัณไม่ได้
“งั้นเราสองคนแต่งงานกันได้ไหม ผมต้องการความมั่นใจจากคุณเพราะถ้าคุณยอมแต่งงานกับผม ผมจะไม่คิดมากเรื่องพวกนั้นเลย ผมจะเชื่อว่าคุณรักผมจริงๆ แต่งงานกับผมนะปิ่น” ศิลาพูดออกไป เพราะการเป็นแค่คู่หมั้นกับเธอมันยังไม่ทำให้เขามีสิทธิ์ในตัวเธอมากเท่ากับการได้แต่งงานด้วยกัน
“คุณพูดจริงเหรอคะศิลา เรื่องแบบนี้อย่าเอามาพูดเล่นๆสิคะ” ปิ่นแก้วก็อึ้งไปทันทีทที่ได้ยินศิลาพูดบอกมาแบบนั้น เพราะถึงเธอกับเขาจะหมั้นกันแล้วแต่เธอก็ไม่เคยคิดเรื่องแต่งงานกับเขามาก่อน และเธอก็ไม่คิดว่าศิลาจะตัดสินใจพูดแบบนี้ออกมาด้วย นี่เขาพร้อมจะแต่งงานกับเธอจริงๆ หรือแค่ต้องการผูกหมัดเธอไว้แค่นั้น
“ผมพูดจริงสิ แล้วผมก็คิดเรื่องแต่งงานนี้มาสักพักแล้ว แล้วผมก็ปรึกษาพ่อแม่ของผมกับพ่อแม่ของคุณเรียบร้อยแล้ว แล้วพวกท่านก็เห็นด้วยที่เราสองคนจะแต่งงานกัน ตอนนี้ถ้าคุณตกลงผมจะไปบอกพ่อแม่ของผม ให้ไปตกลงเรื่องแต่งงานของเรากับพ่อแม่ของคุณวันนี้เลย” ศิลาพูดออกไป เพราะเขาไม่อยากจะรออีกแล้ว เขาไม่ต้องการเสียเธอให้ใครโดยเฉพาะภารัณ เขาก็ควรจะรีบทำให้เธอกลายเป็นผู้หญิงของเขาโดยสมบูรณ์
ปิ่นแก้วก็นิ่งไป แล้วก็คิดในใจว่าถ้าเธอตกลงแต่งงานกับศิลาแล้วมันจะกลายเป็นการผูกหมัดเธอมากกว่าการเป็นคู่หมั้นกัน แต่ตอนนี้ภารัณเองก็มีแฟนใหม่ไปและมันก็ผ่านมานานมากแล้วด้วย เรื่องระหว่างเธอกับเขามันก็คงจะเป็นไปไม่ได้แล้ว เธอก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปฎิเสธคนดีๆอย่างศิลาได้อีกต่อไป
“ค่ะ ปิ่นจะแต่งงานกับคุณค่ะ” ปิ่นแก้วพูดบอกไปแล้วก็ยิ้มให้กับศิลาไปอย่างอ่อนโยน
“จริงเหรอปิ่ม ผมดีใจที่สุดเลย ผมจะรีบบอกให้พ่อแม่ของผมไปคุณกับคุณลุงคุณป้าวันนี้เลย จุ๊บ ผมรักคุณนะปิ่น” ศิลาพูดบอกไปอย่างดีใจที่ปิ่นแก้วตกลงแต่งงานกับเขาแล้ว มันทำให้เขารู้สึกมั่นใจมาก
ปิ่นแก้วเองก็ยิ้มไปอย่างยินดีที่ได้เห็นเขาดีใจแบบนี้ และหวังว่าเธอจะตัดสินใจไม่ผิดที่แต่งงานกับเขา จากนั้นไม่นานศิลาก็ก้มลงมามองหน้าของเธอแล้วก็จูบกันอย่างดูดดื่ม ก่อนที่จะเริ่มมีอารมณ์พิศสวาทกันจนยากจะเกินต้านทาน
ณ เวลาบ่ายโมงตรง
ปารารินก็มาพบภารัณที่บริษัทของเขาตามนัด และเขาก็ให้เลขาของเขาไปรอรับเธอขึ้นมายังชั้นของผู้บริหาร จนมีพนักงานหลายคนมอง และวันนี้เธอก็ไม่ได้แต่งตัวแบบชิวๆอย่างเมื่อวานมา เพราะเธอไม่ต้องการให้ใครมามองหรือดูถูกเธอ เธอจึงใส่ชุดเดรสรัดรูปอย่างคล่องแคล่ว
“มาตรงเวลาดีนิ นึกว่าจะได้รอซะอีก” ภารัณพูดออกไปก็มองนาฬิกาข้อมือของตัวเองทันทีที่เธอเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับเลขาของเขา
“นี่คงเป็นสาวน้อยที่ถามคุณภารัณเมื่อวานสินะครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ผมปรินทร์เป็นผู้บริหารฝ่ายการตลาดครับ” ปรินทร์พูดแนะนำตัวออกไปแล้ว็ยิ้มให้กับสาวสวยคนนี้ไปอย่างเป็นมิตร เพราะเธอมีอะไรๆที่น่าสนใจไม่น้อยเลย
“อ่อ ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณปรินทร์ ฉันปารารินค่ะ จะเรียกว่าปรางเฉยๆก็ได้ค่ะ” ปารารินพูดบอกไปก็ยกมือไหว้เขา เพราะเขาน่าจะอายุไล่เลี่ยกับภารัณซึ่งแก่กว่าเธอมาก แต่เขากลับพูดจาไพเราะน่าเป็นมิตรมากกว่านายภารัณเป็นไหนๆ
“ครับคุณปราง งั้นเชิญนั่งก่อนนะครับ แล้วทางเราจะชี้แจงทุกอย่างให้คุณได้ทราบกับเรื่องที่เกิดขึ้น” ปรินทร์พูดบอกไปก็ยิ้ม แล้วก็รู้สึกชอบเด็กสาวคนนี้อย่างบอกไม่ถูก ก็ดูสิกริยาท่าทางของเธอมันโคตรจะน่ารักเลย
ภารัณก็มองปรินทร์และปารารินด้วยสายตาจดจ้อง ก่อนจะเบะปากออกไปอย่างอดหมั่นไส้เธอไม่ได้ เพราะปารารินดูเป็นมิตรกับปรินทร์มากจนเกินหน้าเกินตา
“ในเมื่อคุณก็มาแล้ว งั้นผมก็จะไม่อ้อมค้อมนะ หลังจากที่คุณมากล่าวหาผมเมื่อวานว่าผมนอนกับนักศึกษาเพื่อจะให้ทุนกับพวกเขา ตอนนี้ผมสืบทุกอย่างอย่างชัดเจนและหาตัวคนที่ทำความผิดร้ายแรงนี้ได้แล้ว และเพื่อเป็นการยืนยัน ผมจะให้คุณนั่งอยู่ที่นี่ด้วย คุณวิ ไปบอกให้คุณเรวัติเข้ามาได้เลย” ภารัณพูดบอกไปก็มองหน้าของปารารินอย่างจริงจัง ก่อนจะหันไปบอกเลขาของเขาให้เชิญตัวเรวัติเข้ามา
“ค่ะคุณภารัณ” วิชุดาพูดออกไปก็เดินไปเปิดประตูห้องประชุม พร้อมกับเดินไปเรียกเรวัติที่กำลังนั่งรออยู่ที่โต๊ะรับแขกในชั้นของผู้บริหาร จากนั้นเธอก็พาเรวัติเข้ามาในห้องด้วยใจที่ลุ้นระทึกว่าเรวัติจะต้องเจอกับอะไรบ้าง
“สวัสดีครับคุณภารัณ สวัสดีครับคุณปรินทร์” เรวัติพูดทักทายออกไปก็ไปนั่งที่เก้าอี้ทันที ก่อนจะมองสำรวจว่าในห้องนี้มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น จึงทำให้เขาอดสงสัยไม่ได้ว่าจะประชุมอะไรกัน หรือว่าผู้หญิงสวยๆคนนี้จะเป็นลูกค้า เรวัติคิดไปอย่างค้นๆหน้าของเธอเหมือนเขาเคยเจอที่ไหนสักที่
“นี่คือปาราริน นักศึกษาที่ได้ทุนเรียนจากบริษัทของเราจนจบปริญาตรี และเธอเข้ามาร้องเรียนกับผมเรื่องที่รายชื่อของเธอถูกปรับเปลี่ยนกับเพื่อนที่มีเกรดเฉลี่ยน้อยกว่าเธอ ซึ่งมันก็ต่ำกว่าเกฑณ์ที่ทางบริษัทกำหนด คุณจะชี้แจงเรื่องนี้ว่ายังไงคุณเรวัต” ภารัณพูดออกไปด้วยเสียงเข้ม พร้อมกับไม่บอกว่าตอนนี้เขาได้หลักฐานมาแล้ว เขาแค่ต้องการจะทดสอบเรวัติดูว่าเขาจะยอมรับผิดของตัวเองหรือไม่
“ผะ ผมว่าต้องมีเรื่องเข้าใจผิดแล้วล่ะครับ จะมีการเปลี่ยนทุนให้คนที่เกรดเฉลี่ยต่ำกว่ามาตรฐานของบริษัทได้ยังไงล่ะครับ ในเมื่อทุนทุกอันก็ได้รับคำอนุมัติจากคุณภารัณทั้งหมด นั่นก็หมายความว่าคุณภารัณได้ตรวจอย่างดีแล้ว ผมว่าเด็กคนนี้โกหกคุณภารัณแล้วล่ะครับ ได้ทุนเรียนแล้วยังไม่สำนึกแล้วยังกล้ามาก่อความวุ่นวายแบบนี้ใช้ได้ที่ไหนกัน ให้คนมาจับตัวออกไปเถอะครับ” เรวัติพูดออกไปอย่างไม่ยอมรับ และเขาจะไม่ยอมให้เด็กเมื่อวานซืนอย่างเธอมาทำให้ชีวิตของเขาพังเด็ดขาด
“นี่คุณ มาว่ากันแบบนี้มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ ฉันแค่มาร้องเรียนเพื่อความยุติธรรมของตัวเอง ถ้าคุณไม่ได้ทำอะไรผิดก็อย่ารีบร้อนตัวสิคะ” ปารารินพูดออกไปแล้วมองหน้าของผู้ชายคนนี้อย่างอดทนกับคำพูดของเขา
“ถ้าคุณยืนยันว่าคุณไม่ได้ทำผิด งั้นก็ดูเอกสารพวกนี้ซะ แล้วผมก็ได้สอบถามพวกนักศึกษาที่เกรดเฉลี่ยต่ำกว่าเกฑณ์มาแล้วจำนวนหนึ่ง และพวกเธอก็ยอมรับว่าคุณให้ข้อเสนอพวกเธอนอนกับคุณเพื่อแลกทุนของบริษัทจริง และผมก็ไม่ได้ต้องการฟังคำอธิบายอะไรจากคนไร้ศิลธรรมอย่างคุณ เพราะหลักฐานมันก็ชัดเจนอยู่แล้ว ผมไล่คุณออก” ภารัณพูดบอกไปพร้อมกับโยนแฟ้มเอกสารหลักฐานการทุจริตของเขาทั้งหมดลงไปต่อหน้าเรวัติ
“หึ คิดว่าผมอยากอยู่มาหรือไงห้ะ ยิ่งทำงานกับคนอย่างคุณน่ะมันก็ยิ่งทำให้ประสาทแดกไปวันๆ ออกก็ดีเบื่อขี้หน้าคนที่นี่เต็มทนแล้วเหมือนกัน ส่วนเธอระวังตัวเอาไว้ให้ดีเถอะ” เรวัตพูดออกไปก็ลุกขึ้นอย่างไม่พอใจ ก่อนจะหันไปพูดใส่ปารารินที่เป็นต้นเหตุให้เขาถูกไล่ออก
“เดี๋ยว คุณยังไปไม่ได้ เพราะผมแจ้งจับคุณข้อหาทุจริตและทำอานาจารผู้อื่นโดยมิชอบ อ่อ แล้วเมื่อกี้ที่คุณขู่ผู้หญิงคนนี้อีกข้อหาละกัน หวังว่าในคุกคงไม่ทำให้คุณเบื่อหรอกนะ คุณวิ เรียกอชิระมาเอาตัวเขาออกไป” ภารัณพูดบอกไปแล้วก็ยิ้มอย่างเยือกเย็น เพราะคำพูดของเรวัติมันทำให้เขายอมใจอ่อนไม่ได้จริงๆ คนเลวๆไม่มีสำนึกแบบนี้มันก็สมควรเข้าไปนอนในคุกแล้วล่ะ
“คุณอชิระคะ เข้ามาได้เลยค่ะ” วิชุดาพูดออกไปก็ยิ้มอย่างสะใจ ที่เรวัติดิ้นไม่หลุดแล้ว
ด้านอชิระพอได้ยินเสียงเรียก็เข้ามาในห้องประชุมพร้อมกับลูกน้องของเขา เขาก็รีบให้ลูกน้องเข้าไปจับตัวของผู้ต้องหาทันที เนื่องจากตอนนี้มีหลักฐานและพยานอย่างชัดเจน
“ปล่อยผมเดี๋ยวนี้นะ ผมไม่ผิด อีเด็กพวกนั้นมันแรดอยาไปเรียนต่อเอง ปล่อยสิวะ” เรวัติพูดไปก็เริ่มสะบัดตัวเพื่อหนีจากการจับกุม แต่ก็โดนจับใส่กุญแจมือซะก่อน
“เอาตัวไปโรงพัก ไอ้ภาม ฉันไปก่อนนะโว้ย เดี๋ยวจะจัดการให้เรียบร้อยเอง” อชิระพูดบอกเพื่อนหนุ่มไปก็มองหน้าภารัณอย่างจริงจัง
“อืม ฝากด้วยนะโว้ยอชิระ แล้วก็ขอบใจมากที่มา” ภารัณพูดบอกไปก็ลุกขึ้นมาไปตบไหล่ของเพื่อนหนุ่มอย่างขขอบคุณ อชิระก็พยักหน้าแล้วก็หันหลังให้เพื่อนหนุ่มแล้วเดินออกไป
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว งั้นฉันจะตามไปโรงพักกับไอ้อชิระก็แล้วกัน แกก้เคลียร์ทางนี้ก็แล้วกัน ไปนะครับคุณปราง แล้วเจอกันใหม่นะครับ” ปรินทร์พูดบอกไปก็ยิ้มอย่างหล่อๆให้กับเธอ ก่อนจะรีบเดินตามเพื่อนหนุ่มออกไป
“ค่ะคุณปรินทร์” ปารารินตอบไปก็ยิ้ม ก่อนจะหันมาหยิบกระเป๋าสะพายของตัวเองแล้วก็ลุกขึ้น พร้อมกับมองหน้าของภารัณอย่างอายๆ ที่เธอไม่กล่าวหาเขาทั้งที่ความจริงเขาไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลยด้วยซ้ำ
“ขอบคุณที่ให้ความยุติธรรมกับฉันนะคะ แล้วก็ขอโทษที่เข้าใจคุณผิดด้วยนะคะคุณภารัณ งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ” ปารารินพูดบอกไปก็คิดว่าเธอควรจะรีบออกมา เพราะเธอไปกล่าวหาเขาตั้งมากมาย แถมยังไปใช้สีสเปร์ยฉีดรถของเขาอีก ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งรู้สึกอาย
“เดี๋ยว ผมมีเรื่องสำคัญอยากจะตกลงกับคุณ นั่งคุยกันก่อนสิ” ภารัณพูดบอกไป เพราะเขายังอยากจะตกลงเรื่องที่เขาจะจ้างเธอให้มาเป็นคู่หมั้นปลอมๆของเขา
“เรื่องสำคัญเรื่องอะไรอีกเหรอคะ” ปารารินถามออกไปอย่างสงสัยก่อนจะนั่งลงอีกครั้ง แล้วก้รอเขาพูดตอบเธอให้ชัดเจน
“นี่คือค่าเสียหายที่ผมต้องการชดเชยให้กับคุณเรื่องทุน ส่วนนี่คือเอกสารสัญญาข้อตกลงที่ผมต้องการจะจ้างคุณให้มาเป็นแฟนของผม ลองอ่านดูสิ” ภารัณพูดบอกไปก็ส่งซองเงินและเอกสารให้กับปารารินไปอ่านพิจารณา
“เรื่องเงินชดเชยฉันพอเข้าใจได้นะคุณ แต่ไอ้สัญญาจ้างฉันเป็นแฟนปลอมๆของคุณเนี่ย เรื่องนี้มันจบลงตั้งแต่เมื่อวานแล้วไม่ใช่เหรอคุณ นี่มันอะไรอีกเนี่ย” ปารารินพูดออกไปอย่างงงๆ เพราะถ้าเขาให้เงินชดเชยเธอก็พอจะเข้าใจว่าเขาต้องการรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่เรื่องจ้างเป็นแฟนเนี่ยมันใช่เหรอ
“ก็ใช่ แต่ผมต้องการจ้างคุณให้มาเป็นแฟนผม เพราะว่าผมต้องการให้แฟนเก่าของผมหึงแล้วให้เธอกลับมาคืนดีกลับผม ระยะสัญญาจ้างคือหกเดือน ถ้าหากปิ่นเขากลับมาหาผมคุณจะได้ค่าตอบแทนห้าแสนบาท แต่ถ้าไม่เป็นไปตามแผนคุณจะได้ค่าตอบแทนเหมือนเดิม และผมมีค่าตอบแทนให้นอกรอบเวลาที่ผมต้องแตะเนื้อต้องตัวของคุณด้วย ซึ่งผมแล้วแต่คุณจะเสนอราคามาได้เลย” ภารัณพูดบอกไปแล้วก็มองหน้าของปารารินอย่างจริงจัง เพราะการที่เขาและเธอจะเป็นแฟน แต่เงินที่เขาจะจ้างไม่ใช่จำนาวนน้อยๆเลยกับระยะเวลาแค่ไม่กี่เดือน
“ฉันนึกว่าเรื่องแบบนี้มันจะมีแต่ในนิยายหรือในละคร แต่ชีวิตจริงนะคุณ ฉันไม่เอาด้วยหรอก แฟนเก่าคุณเขาก็มีแฟนใหม่ไปแล้ว คุณจะอาลัยอาวอนเธอไปทำไมกัน สัญญาจ้างอะไรของคุณนี่ฉันขอปฎิเสธนะคะ และก็ฉันขอตัวนะคะ” ปารารินพูดบอกไปอย่างไม่ยอมรับข้อเสนอของเขา เพราะถ้าเธอช่วยเขาและแฟนเก่าของเขากลับมาคืนดีกับเขาได้จริง แฟนใหม่ของผู้หญิงคนนั้นก็ต้องเสียใจ แล้วเธอที่ปลื้มภารัณอยู่ก็คงต้องอกหักเหมือนกัน เธอไม่มีทางช่วยเขาหรอก
“เอาข้อเสนอของผมกลับไปดูให้ดี ถ้าคุณเปลี่ยนใจก็มาหาผมที่บริษัท” ภารัณพูดต่อไปอย่างไมยอมแพ้ เพราะตอนนี้ปิ่นแก้วก็เข้าใจว่าเขามีแฟนไปแล้ว และถ้าเขาจ้างคนอื่นมันก็ไม่น่าเชื่อน่ะสิ ยังไงก็ต้องเป็นผู้หญิงคนนี้แหละ
“หึ ไม่ต้องรอนะคะ เพราะฉันไม่มีทางมาบริษัทของคุณแน่นอน แล้วก็เงินชดเชยนี่ฉันขอไม่รับนะคะ เพราะฉันไม่ได้เดือดร้อนขนาดนั้น ลานะคะ” ปารารินพูดบอกไปก็ยักไหล่ใส่เขา ก่อนที่จะเดินออกไป อย่างไม่สนใจกับสัญญาจ้างเป็นแฟนที่เขาเสนอมาให้เธอเลยสักนิด
“แล้วเราจะได้รู้กันว่าคุณจะปฎิเสธข้อเสนอของผมไปได้นานแค่ไหน” ภารัณพูดกัดฟันออกไป และคิดในใจว่ายังไงแผนที่เขาต้องการคืนดีกับปิ่นแก้วจะต้องมีต่อไป เพราะถ้าเขาจะเข้าไปทำดีแล้วจีบเธอมันก็ไม่เหมาะสมเท่ากับการที่เขามีแฟน เพื่อกระตุ้นความรู้สึกของเธอให้รู้ใจตัวเองหรอก
ภารัณคิดได้ดังนั้นก็เดินออกไปจากห้องประชุม แล้วเขาก็เดินไปหาวิชุดาที่กำลังนั่งอยู่ที่หน้าห้องทำงานของเขา พร้อมกับพูดออกไปด้วยเสียงชัดเจน
“ไปสืบประวัติของปารารินมาให้ผมอย่างละเอียด แล้วเอามาให้ผมให้เร็วที่สุด” ภารัณพูดจบก็เดินกลับเข้าไปในห้องทำงานของตัวเองทันที ด้านวิชุดาก็ทำหน้าแบบงงๆกับคำสั่งของเจ้านาย
“อะไรอีกล่ะเนี่ย เรื่องทุนก็จบแล้วไม่ใช่เหรอ จะให้สืบประวัติของเด็กคนนั้นทำไมกัน” วิชุดาพูดออกไปอย่างสงสัย แต่ก็รีบหาเบอร์นักสืบที่เธอใช้อยู่เป็นประจำให้ตามสืบเรื่องของปาราริน โดยที่เธอแจ้งชื่อและที่อยู่ของเด็กคนนั้นตามที่อยู่ที่เธอแนบมาในเอกสารขอทุนที่ผ่านมา