บทที่ 5.2 ปีศาจกินคนและลัทธิฆ่าตัวตาย

4098 Words
บทที่ 5.2 ปีศาจกินคนและลัทธิฆ่าตัวตาย ในขณะที่สามพี่น้องฮุ่ยกำลังตรวจสอบศพและสนทนากันฟางเซียนก็เดินออกจากฝูงชนอย่างเงียบเชียบ แต่ก็ไม่วายถูกฮุ่ยเหอผู้มีหูตาไวจับสังเกตได้ “เจ้าคนที่สวมผ้าคลุมคนนั้นช้าก่อนได้หรือไม่” ฮุ่ยเหอกล่าวและเดินไปหาผู้ที่สวมผ้าคลุมคนเดียวท่ามกลางฝูงชน คนคนนั้นก็คือฟางเซียนนั่นเอง ฟางเซียนรู้สึกว่าการสวมผ้าคลุมมันเป็นโชคดีที่ทำให้สามพี่น้องฮุ่ยจำนางไม่ได้แต่มันก็เป็นโชคร้ายเช่นกันเพราะมันทำให้นางดูโดดเด่นและดูน่าสงสัยที่สุดในสถานการณ์เช่นนี้ ทั้งที่ใส่เพราะไม่อยากเป็นที่สนใจแท้ๆ ฟางเซียนถอนหายใจอย่างหงุดหงิดและตัดสินใจออกตัววิ่งอย่างไม่สนใจคำพูดของฮุ่ยเหอ นางจะไม่ยอมให้พวกเขารู้ว่าเป็นนางแน่ ไม่อย่างนั้นชีวิตช่วงหนึ่งเดือนอันแสนทรมานนั่นจะต้องกลับมาอีกอย่างแน่นอน เมื่อฟางเซียนวิ่งหนีนางก็กลายเป็นผู้ต้องสงสัยทันใด พวกสามพี่น้องฮุ่ยรีบวิ่งตามนางมาทันที แต่น่าเสียดายที่ความเร็วในการวิ่งหนีตายในรอบหลายเดือนของฟางเซียนมีความเร็วระดับปรมาจารย์เลยทีเดียว [จะหนีทำไมกันครับพวกเขาไม่ได้จะฆ่าคุณเสียหน่อย] ระบบถอนหายใจ “ถ้าพวกเขาจะฆ่าฉัน ฉันก็จะไม่วิ่งหนี” ฟางเซียนกล่าวอย่างจริงจัง [เอ่อ นั่นสินะ] ระบบถอนหายใจปลงอีกรอบ ฟางเซียนที่วิ่งหนีคนที่หวังดีด้วยควรถูกจัดอยู่ในประเภทคนแปลกประหลาดอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อแน่ใจว่าหนีสามพี่น้องฮุ่ยพ้นแล้วฟางเซียนก็ยังเพิ่มความระมัดระวังตัวมากขึ้น ก่อนจะตระเวนไปทางไหนฟางเซียนก็จะตรวจสอบอย่างละเอียดก่อนเพื่อไม่ให้บังเอิญไปจ๊ะเอ๋กับสามพี่น้องฮุ่ยอีก ระบบห้ามฆ่าตัวตายอยากจะถอนหายใจหายและเอามือก่ายหน้าผาก ตอนนี้ฟางเซียนระวังตัวยิ่งกว่าตอนไปพบสัตว์อสูรอันตรายเสียอีก ความกลัวของฟางเซียนมันทำงานผิดเพี้ยนไปหมดแล้ว! “ดูเหมือนว่าทางจะสะดวก อ๊ะ...” ฟางเซียนพึมพำและทันใดนั้นนางก็รู้สึกเจ็บบริเวณลำคออย่างแปลกประหลาด นางลูบคอของตัวเองเพราะรู้สึกเหมือนถูกของมีคนบาด “เกิดอะไรขึ้นกับลู่เหลียนรึเปล่า?” ฟางเซียนถามระบบ [ลู่เหลียนหรือครับ? เขาอยู่ห่างจากคุณมากเกินไปผมจึงไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นแต่ผมก็สามารถรู้ที่อยู่ของเขาได้นะครับ] ระบบให้ที่อยู่ของลู่เหลียน ฟางเซียนตามไปทันที เมื่อนางเดินไปตามเส้นทางที่ระบบบอกมานางก็มาถึงหน้าบ้านหลังหนึ่งในป่า มันเป็นบ้านรกร้างเหมือนไม่มีใครอาศัยอยู่ แต่กลับมีเสียงกรีดร้องปริศนาดังอยู่ข้างใน นั่นหมายความว่ามันต้องมีสิ่งมีชีวิตอยู่ข้างในบ้านแน่นอนและแน่นอนว่าสิ่งมีชีวิตที่กล่าวถึงไม่ได้มีแค่มนุษย์ [มันคือปีศาจงูครับ! และกำลังกินคนอยู่ด้วย!] ระบบตรวจสอบและรายงานทันทีเนื่องจากว่าหนึ่งในคนที่อยู่ข้างในก็คือลู่เหลียน ตัวร้ายสูงสุดในอนาคต! หากตัวร้ายสูงสุดเป็นอะไรขึ้นมาระบบก็ไม่อยากจะคิดต่อแล้ว โลกไม่แตกก็ต้องสั่นคลอนอย่างหนัก ซึ่งค่าใช้จ่ายที่มีส่วนทำให้โลกอยู่ในสภาพนั่นมันคงไม่ใช่เล็กน้อย “ปีศาจกินคนสินะ” เมื่อรู้ว่าปีศาจที่กำลังตามหาอยู่ไม่ไกลแล้วนางจึงไม่รอช้าเดินเข้าไปพบมันทันที และนางก็เข้าไปตอนที่มันกำลังอ้าปากกินคนพอดี ฟางเซียนไม่ได้ตกใจกับภาพงูกินคน นางรู้สึกขบขันมากกว่าเมื่อเห็นงูตัวใหญ่เท่าวัวแต่ตัวกลับยาวไม่ถึงสิบเมตรแถมยังตัวอ้วนป้อมและมีเกล็ดสีเขียวคล้ำ ไม่ว่าจะมองมุมไหนมันก็คืองูน่าเกลียดตัวหนึ่ง งูน่าเกลียดเหมือนจะสัมผัสได้ถึงคำสบประมาทในใจของฟางเซียนจึงหันขวับมาหาฟางเซียนและขู่ฟ่อก่อนจะพุ่งโจมตีฟางเซียนหวังจะเอาให้ตาย และแน่นอนว่าฟางเซียนกระโดดหลบได้เพราะกฎห้ามฆ่าตัวตายทำงาน “งูน่าเกลียดแน่จริงก็กินข้าให้ได้สิ” ฟางเซียนยั่วยุ งูตัวนั้นจึงคำรามออกมาและพ่นพิษใส่ฟางเซียน ฟางเซียนวิ่งหลบและสะบัดพลังปราณออกไปสกัดกั้นพิษที่พุ่งมาหา เมื่อเห็นว่าพิษไม่ได้ผลงูตัวนั้นจึงพุ่งเข้าหาฟางเซียนอีกรอบ มันทั้งใช้หางและปากกว้างๆ ของมันโจมตีฟางเซียน ซึ่งฟางเซียนก็เอาแต่หลบถึงบางครั้งนางจะโต้กลับด้วยการตบหัวมันบ้าง แต่มันก็ไม่ใช่การโจมตีที่เด็ดขาด มันเป็นเพียงการตบเพื่อเปลี่ยนทิศทางการโจมตีเท่านั้น ฟางเซียนไม่ยอมต่อสู้อย่างจริงจังเสียที ปีศาจงูรู้สึกเหมือนถูกเหยียดหยามจึงเกรี้ยวกราดมาก แต่เมื่อมันพบว่าตัวเองไม่สามารถโจมตีฟางเซียนได้สำเร็จ มันจึงล่าถอยไปก่อน ขณะเดียวกันร่างของมันก็ค่อยๆ หดตัวลงและกลายเป็นร่างมนุษย์ ทันใดนั้นดวงตาของฟางเซียนก็เบิกกว้างอย่างตื่นตกใจเมื่อเห็นว่าร่างมนุษย์ของปีศาจงูมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับนางไม่มีผิดเพี้ยน! ฟางเซียนเบะหน้าไม่พอใจ “เป็นเจ้าเองสินะที่นำหน้าตาของข้าไปใช้ เจ้าได้ทำอะไรลงไปบ้าง?” “มันทำให้ข้าหามนุษย์กินได้ง่ายมาก” ปีศาจงูยิ้มกว้างกว่าคนปกติจะทำได้ “และการทำให้พวกนั้นฆ่าตัวตายก็เป็นเรื่องง่ายเช่นกัน” ฟางเซียนแสดงสีหน้ามึนงงเมื่อได้ยินประโยคสุดท้ายของปีศาจกินคน มันพูดเหมือนกับว่ามันมีความเกี่ยวข้องกับลัทธิฆ่าตัวตายอย่างไรอย่างนั้น “หน้าตาของเจ้าช่วยทำให้ง่ายต่อการล่อลวงมนุษย์หน้าโง่มากทีเดียว สมกับที่เจ้ามั่นใจในความงดงามของตัวเองเสียจริง” ปีศาจงูกล่าวพลางกระตุกยิ้ม ฟางเซียนเลิกคิ้วเมื่อได้ยินประโยคคุ้นหู นางรู้สึกราวกับว่าเคยมีใครบางคนพูดกับนางอย่างนั้น ทันใดนั้นเองฟางเซียนก็ทำหน้านึกขึ้นมาได้ “ข้าจำเจ้าได้แล้ว เจ้าคือผู้หญิงที่แต่งหน้าเหมือนจะไปเล่นงิ้วเพื่อปกปิดใบหน้าน่าเกลียดของตัวเองคนนั้นสินะ!” สีหน้าของปีศาจงูเปลี่ยนไปทันที “หน้าตาของเจ้าก็ไม่ได้สวยไปมากกว่าข้าเสียหน่อย! แท้จริงข้าสวยกว่าเจ้าตั้งเยอะ! ข้าใช้หน้าตาน่าเกลียดของเจ้าก็เพราะว่ารสนิยมของมนุษย์หน้าโง่เป็นเช่นนี้ต่างหาก! อย่าได้หลงคิดว่าตัวเองสวยเชียวล่ะ!” ปีศาจงูตะโกนออกมาด้วยความโกรธเมื่อถูกหาว่าหน้าตาน่าเกลียด แต่ฟางเซียนที่ถูกหาว่าหน้าตาน่าเกลียดไม่แม้แต่จะรู้สึกโกรธเคืองเพราะนางรู้ดีว่าปีศาจงูก็แค่พูดแก้ต่างให้ตัวเองเท่านั้น นางจึงส่งยิ้มเยาะเย้ยให้อีกฝ่าย ใบหน้าของปีศาจงูแดงคล้ำด้วยความโกรธและจู่ๆ มันก็หันไปหยิบบางอย่างที่ฟางเซียนไม่ทันได้สังเกตจากทางด้านหลังขึ้นมา มันคือลูกหมาและลูกนกยูงนั่นเอง “เจ้าคงไม่เดือดร้อนหรอกใช่ไหมหากข้าสังหารเจ้าพวกนี้เสีย” ปีศาจงูแสยะยิ้มกว้างจนดวงตากลายเป็นดวงจันทร์เสี้ยว ฟางเซียนทำหน้าเครียดทันที ถามว่าเดือดร้อนไหมงั้นเหรอ? แน่นอนว่าต้องเดือดร้อนสิ! ก็ตอนนี้ระบบห้ามฆ่าตัวตายมันกำลังข่มขู่นางอยู่! [หากลู่เหลียนได้รับบาดเจ็บหนักหรือตายผมจะมอบแต้มบวกให้กับคุณ 10,000 แต้ม!] เฮ้ย! ไอ้ระบบเฮงซวยทำไมตัวเลขแต้มลบและแต้มบวกที่ให้นางมันถึงห่างกันราวฟ้ากับเหวแบบนี้! “ทำไมพวกเจ้าถึงได้ถูกงูน่าเกลียดนั่นจับเอาได้!” ฟางเซียนดูหงุดหงิดมาก “ก็นางหน้าตาเหมือนท่านนี่นา” เจ้าลูกหมาพูดเสียงหงอย “เจ้าเป็นลูกหมาไม่ใช่รึไง ควรดมแยกแยะกลิ่นได้สิ!” “ข้าชื่อตงตงขอรับและไม่ใช่ลูกหมาด้วย” แม้ว่าจะกลัวถูกปีศาจฆ่าแต่เขาก็ยังต้องการประท้วงขอความเป็นธรรมให้กับตัวเอง เขาชื่อตงตงและไม่ใช่ลูกหมาด้วย! “ลูกหมาก็คือลูกหมา” ฟางเซียนพึมพำพลางแสร้งเมินตงตงและหันไปสำรวจลู่เหลียนแทน ลู่เหลียนดูนิ่งเงียบผิดปกติและมีบาดแผลบริเวณลำคอตามที่นางสัมผัสได้ผ่านตราสัญลักษณ์ลูกศิษย์ก่อนหน้านี้ ฟางเซียนเหล่ตามองกรงเล็บอันแหลมคมที่ดูอันตรายไม่น้อยของปีศาจงู นางเดาว่ารอยบาดยาวบนลำคอลู่เหลียนคงเกิดจากกรงเล็บอันแหลมคมนั่น หากปีศาจงูเอาจริงกรงเล็บนั่นคงสามารถตัดหัวของเจ้าลูกหมาและลู่เหลียนทิ้งได้อย่างง่ายดาย แบบนั้นคงไม่ดีแน่ ฟางเซียนระมัดระวังตัวมากขึ้นเพราะถ้าหากทำอะไรผิดพลาดแต้มโชครอดตายคงเพิ่มขึ้นอย่างไม่ปรานี “เอาล่ะ งูน่าเกลียด บอกมาว่าจะปล่อยพวกนั้นหรือตาย” ฟางเซียนแสร้งกล่าวด้วยท่าทางไม่รู้ร้อนรู้หนาวและแสร้งทำหน้าตากวนโมโหของปีศาจงู มุมปากของปีศาจงูกระตุก มันกดกรงเล็บลงบนคอของตงตงและลู่เหลียนมากขึ้น “พูดเช่นนั้นจะดีรึ? พวกมันอยู่ในมือของข้าตอนนี้ ถ้าข้าออกแรงเพียงเล็กน้อยพวกมันก็ตายแล้ว สิ่งนั้นคงไม่ยอมใช่หรือไม่?” “เจ้าพูดถึงอะไร?” ฟางเซียนทำเป็นไม่สนใจสิ่งที่ปีศาจงูมันต้องการสื่อถึงเพราะแค่เรื่องที่มันจะพูดเหมือนจะเกี่ยวข้องกับระบบน่าชิงชังนางก็ไม่อยากจะเสวนากับมันต่อแล้ว “งั้นก็ไม่ต้องพูดกันแล้ว! ข้าจะกินเจ้าเลยแล้วกัน!” ปีศาจคล้ายจะหัวเสียอย่างมากเมื่อไม่ได้พูดเรื่องที่อยากจะพูดกับฟางเซียนสักที แต่ในเมื่อไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันแล้วมันจึงปล่อยลู่เหลียนและตงตงเพราะเห็นว่าพวกเขาไม่มีประโยชน์แล้ว ก่อนที่มันจะพุ่งเข้าไปโจมตีฟางเซียนด้วยกรงเล็บอาบยาพิษ ในตอนนั้นเองดวงตาสีแดงของลู่เหลียนก็ได้เปล่งแสงสีแดงวาบ เนื่องจากว่าปีศาจงูมุ่งความสนใจไปที่ฟางเซียนเท่านั้น ดังนั้นมันจึงไม่ได้ระวังคนที่อยู่ข้างหลังของมัน ลู่เหลียนจึงสบโอกาสดีที่จะลอบโจมตีปีศาจงูด้วยการกระโดดถีบ ซึ่งการถีบของเขารุนแรงมากทีเดียวเนื่องจากว่าการถีบของเขาแฝงได้พลังปราณ ตูม! ฟางเซียนกำลังยืนรอให้ปีศาจงูเข้ามาโจมตี แต่ทว่ามันกลับถูกลู่เหลียนเตะกระเด็นทะลุผนังบ้านไม้ผุๆ ไปยังห้องอีกฝั่งเสียก่อน “...ข้ารออยู่” นางยังรอให้มันมากินนางอย่างที่มันบอก แม้จะเห็นว่ามันเพิ่งปลิวทะลุผนังบ้านไปแล้วก็ตาม “ท่านอาจารย์” ลู่เหลียนพูดเสียงต่ำคล้ายต้องการตำหนิฟางเซียน เขาไม่ชอบเอาเสียเลยที่ฟางเซียนมีความคิดอยากให้ปีศาจงูน่าเกลียดนั่นสังหารตัวเอง “ข้า...” ยังไม่ทันที่ลู่เหลียนจะได้กล่าวจบบางสิ่งที่คล้ายแส้ก็ได้พุ่งไปโจมตีลู่เหลียน ฟางเซียนรีบเข้าไปหาลู่เหลียนและกางม่านพลังเพื่อปกป้องเขา ความจริงฟางเซียนตั้งใจจะใช้ร่างกายรับการโจมตีนั่นโดยตรงแต่เพราะกฎห้ามฆ่าตัวตายไม่ต้องการให้นางทำอย่างนั้นมันจึงบังคับให้นางสร้างม่านพลังสุดแข็งแกร่งอย่างที่เห็น ซึ่งฟางเซียนไม่ชอบใจมากที่กฎห้ามฆ่าตัวตายควบคุมร่างกายของนาง ถ้าเป็นแบบนี้แล้วเมื่อไหร่นางจะได้ตายกัน! บ่นในใจอย่างหัวเสียพลางมองไปยังทิศทางที่ปีศาจงูกระเด็นไปเพราะบางสิ่งที่คล้ายแส้มันพุ่งมาจากทางนั้น ปีศาจงูที่มีรูปลักษณ์เหมือนกับฟางเซียนเดินกลับมา “กล้านักนะ เป็นแค่ลูกครึ่งแท้ๆ” มันกัดฟันพูดอย่างเจ็บแค้นที่ถูกเด็กโจมตีและสะบัดมือโจมตีอีกครั้ง ฟางเซียนจึงอุ้มลู่เหลียนหลบออกมา พื้นบริเวณที่พวกนางเคยยืนจึงถูกตัดเป็นชิ้นๆ บ้านเก่าแก่หลังนี้จึงเริ่มสั่นคลอนเหมือนจะถล่มลงมา ฟางเซียนเห็นแล้วรู้สึกตื่นตาตื่นใจ บางสิ่งที่คล้ายแส้นั้นแท้จริงแล้วก็คือเล็บของปีศาจงูต่างหาก เล็บทั้งสิบนิ้วถูกแปรรูปเป็นเหมือนแส้ผสมใบมีด เพราะมันมีความพลิ้วไหวดั่งแส้แต่มีความคมกริบดั่งใบมีด หากมันตวัดมือโจมตีใครสักคนคนคนนั้นอาจจะกลายเป็นชิ้นเนื้อได้ทันที “ไปอยู่กับเจ้าลูกหมาและถอยให้ห่างถ้าไม่อยากตาย” ฟางเซียนบอกลู่เหลียนและเดินเข้าไปเผชิญหน้ากับปีศาจงู “มาดูกันว่าเจ้าจะกินข้าได้รึเปล่า” กรงเล็บรูปลักษณ์คล้ายแส้ผสมใบมีดพุ่งโจมตีฟางเซียนทันที การโจมตีครั้งนี้ได้ผสานเข้ากับปราณปีศาจ พลังโจมตีมันจึงรุนแรงมากขึ้นหลายเท่า ฟางเซียนหลบบ้างและตั้งรับการโจมตีบ้างบางครั้ง แต่ส่วนมากฟางเซียนชอบรับการโจมตีเสียมากกว่าเพราะนางหวังอยากให้มันสังหารตัวเอง แต่การโจมตีที่รุนแรงที่สุดของมันกลับทำได้แค่ทำให้นางถอยหลังไปสามก้าวเพราะแรงสั่นสะเทือนจากแรงปะทะเท่านั้น โดยธรรมชาติแล้วเผ่าพันธุ์ปีศาจจะกำเนิดขึ้นมาพร้อมกับพลังปราณปีศาจระดับหนึ่ง แต่สำหรับมนุษย์แล้วมันคือพลังปราณระดับสิบ เพียงเท่านี้ก็ชัดเจนแล้วว่าปีศาจจะต้องแข็งแกร่งกว่ามนุษย์มาก แต่ปีศาจงูตัวนี้กลับทำให้ฟางเซียนผิดหวังเพราะมันอ่อนแอมาก ดูเหมือนว่าปีศาจงูตัวนี้จะเป็นปีศาจที่อ่อนแอกว่าปีศาจทั่วไปก็เลยหนีมายังพิภพมนุษย์ “เหอะ ที่แท้ก็เป็นแค่ปีศาจอ่อนแอ ถึงว่าล่ะทำไมถึงมารวบรวมพลังปราณที่พิภพมนุษย์” ฟางเซียนแสดงสีหน้าดูถูกอย่างชัดเจน ปีศาจงูแทบกระอักเลือดด้วยความโกรธ “หุบปากของเจ้าซะ!” ปีศาจงูตวาดเสียงดังลั่นจนบ้านเก่าๆ แทบสั่นสะเทือน นั่นเป็นการยืนยันว่าสิ่งที่ฟางเซียนพูดเป็นความจริง “เพราะอยู่ในสังคมของปีศาจที่แข็งแกร่งไม่ได้จึงเดินทางมายังพิภพมนุษย์ซึ่งมีแต่พวกอ่อนแอกว่าสินะ” ขณะที่ฟางเซียนกล่าวดวงตาของนางก็หรี่ลง ในใจของนางก็เกิดความรู้สึกเกลียดชังโลกอีกครั้ง ผู้แข็งแกร่งเหยียบย่ำผู้อ่อนแอ ไม่ว่าจะเป็นโลกไหนสังคมของสิ่งมีชีวิตก็จะยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่มีวันหายไป “คงพยายามจนเหนื่อยไม่น้อย...” ฟางเซียนพึมพำอย่างเห็นใจ “อย่ามาพูดเหมือนรู้ดีต่อหน้าข้า!” มันเผยสีหน้าหงุดหงิดและเกลียดชัง “ตายไปเลยไม่ดีกว่าเหรอ?” จู่ๆ ฟางเซียนก็นำเสนอทางเลือกในมัน ปีศาจงูชะงักสีหน้าดูมึนงง “ไม่ต้องรับรู้ ไม่ต้องดิ้นรน มันฟังดูมีความสุขกว่าตั้งเยอะไม่ใช่เหรอ” ฟางเซียนยิ้มฝันหวานเพียงแค่คิดว่าจะได้ตายนางก็มีความสุขแล้ว นางจึงส่งยิ้มคล้ายอยากจะเชิญชวนปีศาจงูให้ฆ่าตัวตายด้วยกัน [คุณฟางเซียน...] ระบบห้ามฆ่าตัวตายพูดไม่ออก เมื่อครู่ยังสู้กันอยู่เลยแล้วฟางเซียนคิดยังไงถึงได้เอ่ยชวนคู่ต่อสู้ไปตายด้วยกันแบบนั้นกัน? “พูดบ้าอะไรของเจ้า! หากข้าอยากตายข้าคงไม่ดิ้นรนจนมาถึงตอนนี้หรอก!” “งั้น...เหรอ” ฟางเซียนดูผิดหวัง ต่อมาความเงียบก็เข้าปกคลุมและบรรยากาศแปลกประหลาดก็เริ่มก่อตัวขึ้น แต่ก่อนที่บรรยากาศจะดูแปลกไปมากกว่านี้ข้างนอกบ้านร้างก็ได้มีคนกลุ่มหนึ่งเข้ามาใกล้ คนกลุ่มนั้นไม่คิดจะซ่อนตัวตนฟางเซียนและปีศาจงูจึงรู้ได้ทันทีว่ามีคนเข้ามาใกล้ และดูเหมือนว่าคนกลุ่มนั้นจะไม่ได้คิดจะมาอย่างเป็นมิตรเพราะพวกเขาล้อมบ้านร้างแห่งนี้ไว้แล้ว “ปีศาจกินคนจงฟัง! พวกข้าคือลูกศิษย์จากสำนักเซียนเฉินได้ปิดล้อมทางหนีไว้หมดแล้ว อย่าได้คิดขัดขืนและยอมจำนนแต่โดยดีเสีย!” หือ? บทพูดตำรวจนั่นมันอะไร? ว่าแต่อีกฝ่ายพูดว่าลูกศิษย์จากสำนักเฉินงั้นเหรอ? เมื่อคิดว่าสามพี่น้องฮุ่ยจะต้องมาด้วยอย่างแน่นอนฟางเซียนจึงถอยออกห่างจากหน้าต่างเพื่อไม่ให้ข้างนอกเห็นตัวนางและเพื่อความปลอดภัยนางจึงดึงผ้าคลุมมาปิดใบหน้าไว้ด้วย “เจ้าพวกเซียนน่ารำคาญ” ทางด้านปีศาจงูสบถออกมาด้วยท่าทีลนลานคล้ายกำลังหวาดกลัว “ดูเหมือนพวกเขาจะอยากทักทายเจ้า” ฟางเซียนพูด ปีศาจงูตวัดสายตามองฟางเซียนด้วยอารมณ์หงุดหงิดและเหมือนกำลังจะบอกว่า หุบปาก! “ข้าไม่ยอมพวกมันแน่” ปีศาจงูพึมพำด้วยสีหน้าไม่ยอมแพ้ มันก็หันไปมองเจ้าลูกหมาและลู่เหลียนที่หลบอยู่หลังประตูของอีกห้องและทันใดนั้นมันจึงพุ่งเข้าไปหาพวกเขา ฟางเซียนเห็นท่าไม่ดีจึงรีบวิ่งตามไปขวางปีศาจงูไม่ให้มันเข้าใกล้เด็กทั้งสองคน แต่ปีศาจงูเร็วกว่าฟางเซียนไปก้าวหนึ่ง มันคว้าตัวเจ้าลูกหมาตงตงและลู่เหลียนได้สำเร็จ “อย่ามาขวางข้า! ถ้าข้าได้กินเจ้านี่ละก็ข้าจะต้องมีพลังเพิ่มขึ้นแน่นอน!” “กินข้าเหรอ!” เจ้าลูกหมาอุทานเสียงหลงด้วยสีหน้าหวาดกลัวว่าจะถูกกิน แต่ความจริงแล้วปีศาจงูหมายถึงลู่เหลียนเพียงคนเดียวเพราะเขาเป็นลูกครึ่งปีศาจและบำเพ็ญเพียรสายมารจึงมีพลังปราณในร่างมากกว่าคนธรรมดาทั่วไป ปีศาจงูไม่รีรออะไรทั้งสิ้น มันอ้าปากกว้างจนปากฉีกไปถึงใบหู ฟางเซียนเบะหน้าเมื่อเห็นหน้าตาของตัวเองกลายเป็นตัวอะไรแล้วก็ไม่ทราบ “มะ ไม่นะ ช่วยข้าด้วย!!” เจ้าลูกหมากรีดร้องเสียงหลงก่อนจะสลบกลางอากาศไปเสียอย่างนั้น “ตงตง!” ลู่เหลียนอุทานอยากตกใจ เขามองหน้าปีศาจงูสลับกับตงตงหลายครั้งขณะเดียวกันในใจก็วางแผนหลบหนี แต่ก่อนจะได้ทำฟางเซียนก็ปาลูกไฟใส่หน้าของปีศาจงูเสียก่อน “อย่าเอาใบหน้าข้ามาทำแบบนี้ได้ไหม มันน่าขนลุกนะ” ฟางเซียนพูด “เจ้าปีศาจชั่วร้าย! เจ้ากล้าจับมนุษย์เป็นตัวประกันรึ! อย่าหวังว่าเจ้าจะได้รอดชีวิตเลย!” เหล่าเซียนข้างนอกได้ยินเสียงกรีดร้องของตงตงจึงกล่าวขึ้นมาอีกครั้งพร้อมทั้งโจมตีหลังคาบ้านจนเป็นรูโหว่ นั่นก็เพื่อข่มขู่ให้ปีศาจงูออกไปแสดงตัว “เจ้าคงไม่รอดแล้วล่ะ” ฟางเซียนยิ้มพลางเดินเข้าไปหาปีศาจงูอย่างเชื่องช้าเพื่อหาจังหวะชิงตัวเด็กทั้งสองคนกลับมา ในจังหวะที่ปีศาจงูมีท่าทีสับสนมึนงงคล้ายคนตัดสินใจบางอย่างไม่ได้นางก็ได้ซัดพลังโจมตีปีศาจงูอีกรอบแล้วคว้าตัวลู่เหลียนกลับมาโดยไม่คิดจะคว้าตัวเจ้าลูกหมามาด้วยเพราะนางคิดว่าพวกพี่น้องฮุ่ยน่าจะอยู่ที่นี่แล้ว นางมั่นใจว่าพวกเขาจะกำจัดปีศาจงูและช่วยเจ้าลูกหมาที่เป็นเหยื่อได้แน่นอน เมื่อได้ตัวลู่เหลียนมาแล้วฟางเซียนก็เตรียมตัวหนีทันที แต่นางก็ต้องหยุดชะงักด้วยความแปลกใจเพราะปีศาจงูไม่คิดจะเข้ามาแย่งลู่เหลียนกลับไป มันยืนนิ่งอยู่ที่เดิมด้วยท่าทางเหม่อลอย “นั่นสินะ ทำเช่นนั้นง่ายกว่าจริงด้วย” มันพึมพำแผ่วเบาและก้มเก็บหยิบเศษไม้ใต้เท้าขึ้นมา “เจ้าพูดถูก อย่างไรเสียข้าก็คงไม่รอดแล้วทำเช่นนี้คงมีประโยชน์กว่า” จากนั้นมันก็ใช้ปลายแหลมของเศษไม้จ่อไปที่หัวใจของตัวเอง ฟางเซียนขมวดคิ้วงุนงง “คิดจะทำอะไร?” ฟางเซียนไม่มั่นใจนักว่ามันจะทำอย่างที่นางคิดจริงหรือไม่ ก็เมื่อครู่มันยังบอกว่านางพูดเรื่องบ้าๆ อยู่เลย “รออีกไม่นานหรอก...เดี๋ยวก็ถึงคราวของเจ้าแล้ว เจ้าจะต้องได้เป็นอิสระจากมัน” เมื่อปีศาจงูเอ่ยจบประโยคมันก็กดปลายแหลมของเศษไม้แทงลงบนตำแหน่งหัวใจของตัวมันเองอย่างพอดิบพอดี ฟางเซียนและลู่เหลียนเบิกตากว้างอย่างตกตะลึงกับเหตุการณ์ไม่คาดคิด มันไม่น่าเชื่อแต่ก็ต้องเชื่อว่าปีศาจงูได้ฆ่าตัวตายแล้ว ในตอนแรกฟางเซียนรู้สึกตกตะลึงและสับสนมากพอสมควร แต่พอได้เห็นปีศาจงูที่มีใบหน้าเหมือนตัวเองไม่มีผิดเพี้ยนกระอักเลือดออกมาและล้มลงไปนอนกับพื้นในสภาพไร้ชีวิตและวิญญาณ มันทำให้นางรู้สึกดีอย่างแปลกประหลาด ฟางเซียนอดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มออกมา ระบบห้ามฆ่าตัวตายตะโกนถามทันที [คุณพอใจอะไรกันครับ!] ระบบถอนหายใจให้กับความเพี้ยนของฟางเซียน ใครที่ไหนเขาจะยิ้มเมื่อเห็นคนที่มีหน้าตาเหมือนตัวเองตายกัน ยังไม่ทันที่ฟางเซียนจะได้มองตัวแทนใบหน้ายามตายของตัวเองจนพอใจบ้านร้างก็สั่นสะเทือนจากการถูกโจมตี ต่อมากลุ่มผู้บำเพ็ญเพียรสายเซียนข้างนอกก็บุกเข้ามาข้างใน ซึ่งสามคนในกลุ่มนั้นคือ ฮุ่ยหลิง ฮุ่ยเหอ และฮุ่ยหวงอย่างที่ฟางเซียนคาดไว้ “เจ้าไม่รอดแล้วเจ้าปีศาจกินคน!” ใครบางคนได้ตะโกนขึ้นมาและใช้กระบี่ชี้หน้าฟางเซียน ดูเหมือนพวกเขาจะเข้าใจผิดแล้ว...แต่อาจจะดีก็ได้ ฟางเซียนคิดอย่างนั้นจนกระทั่งระบบพูดขึ้นมา [หากคุณไม่ตายและลู่เหลียนตายคุณสามารถเตรียมตัวมีชีวิตอยู่บนโลก 20,000 ปีได้เลย] ระบบเฮงซวย! บทลงโทษหนักขนาดนั้นฟางเซียนไม่กล้าเสี่ยงอย่างแน่นอน แค่หมื่นเดียวนางก็แทบอยากจะสลายวิญญาณตัวเองแล้ว ถ้าเพิ่มอีกหนึ่งหมื่นนางคงไม่อยากเหลือแม้แต่เสี้ยววิญญาณ ฟางเซียนโคจรพลังปราณและวิ่งหนีทันที “อย่าหนีนะ!” ผู้บำเพ็ญเพียรสายเซียนคนหนึ่งตะโกนและรีบวิ่งตามฟางเซียนทันที ฮุ่ยหวงและฮุ่ยเหอทำท่าจะวิ่งตามไปแต่ทว่ากลับถูกน้องคนเล็กดึงตัวเอาไว้เสียก่อน “พี่ใหญ่ พี่รอง ข้าเข้าใจผิดใช่หรือไม่ว่านั่นคือฟางเซียน...” ฮุ่ยหลิงกล่าวเสียงเบา สีหน้าเขาดูย่ำแย่เมื่อมองไปยังร่างของหญิงสาวที่นอนตายอยู่บนพื้น “ว่าอย่างไรนะ?” ฮุ่ยหวงและฮุ่ยเหอชะงักและเผยสีหน้าตกใจ เมื่อพวกเขามองตามไปยังทิศทางที่น้องชายของพวกเขามองไปสีหน้าของพวกเขาก็ซีดเผือด เนื่องจากว่าปีศาจงูมีความสามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์ของตัวเองได้ตามที่ต้องการเมื่อลอกคราบ มันจึงสามารถมีหน้าตาเหมือนคนที่มันต้องการตลอดไปจนกว่ามันจะลอกคราบอีกครั้ง ด้วยเหตุนี้เองแม้ว่ามันจะตายไปแล้วมันก็ยังคงรูปร่างหน้าตาเหมือนฟางเซียนเอาไว้เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เมื่อสามพี่น้องฮุ่ยได้เห็นหน้าตาของปีศาจงู พวกเขาจึงปักใจเชื่อว่าปีศาจงูคือฟางเซียน ด้วยความเสียใจที่ไม่สามารถช่วยชีวิตฟางเซียนไว้ได้ หลังจากนั้นพวกเขาจึงสร้างป้ายหลุมศพให้ฟางเซียนอย่างดีเพื่อคลายความรู้สึกโศกเศร้าและรู้สึกผิด หากฟางเซียนได้รู้นางอาจจะยินดีก็ได้ที่มีหลุมศพเป็นของตัวเอง...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD