ชายหนุ่มรั้งตัวหญิงสาวลุกและดึงหลบสายตาผู้คน ไม่สนใจใบหน้าเหยเกของหญิงสาวที่ยังเจ็บข้อเท้าทรงตัวยืนยังไม่ได้ เพราะคิดว่าเป็นมารยาหญิงที่เขาเจออยู่บ่อยๆ ไม่ลืมหยิบกระเป๋าเครื่องสำอางของเธอติดมือมาด้วย
“คุณจะลากฉันไปไหน ปล่อยฉันก่อนเถอะ ฉันเจ็บข้อเท้า” หญิงสาวตะโกนบอกอ้อนวอน มีอาการเจ็บแปลบข้อเท้าที่ใช้งานหนักเกินไปในขณะที่ตัวลอยตามแรงฉุดดึงของชายหนุ่มที่ก้าวท้าวยาว ไม่มีจังหวะให้เธอได้ทรงตัวยืน
พลอยขวัญฝืนอาการปวดระบม หญิงสาวพยายามขืนทรงตัว ขยับขาก้าวเดินตามชายหนุ่มไปด้วยท่าทางที่ไม่ถนัดและก้าวไปช้า ๆ ทำให้นายหัวหนุ่มรู้สึกผิดเล็กน้อย เขาลดความเร็วลง แต่ยังทำใจแข็งปากแข็งไม่ยอมปล่อยหญิงสาวที่เดินโขยกเขยกตามแรงฉุดของเขา
“อย่ามาสำออย ทีนี้จะคืนได้หรือยัง ถ้ายังอีก...ฉันจับจูบให้เท่าราคาโทรศัพท์ก่อนไปแน่ๆ เอาไง” ชายหนุ่มขู่ เข่นเขี้ยวกับอาการดันทุรังของเธอ
“ไม่” จบประโยค ตัวของเธอถูกอุ้มลอยขึ้นทั้งตัว พอตั้งสติได้ก็โวยวายเสียงดังอีกครั้ง
“ไอ้บ้า ลามก! ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ!” พลอยขวัญพยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมแขนของเขา
ชายหนุ่มใบหน้าครามครันไม่เพียงไม่ปล่อยให้เธอเป็นอิสระ เขายังกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นบอกเสียงเข้ม แววตาไม่สามารถบ่งบอกความรู้สึกใดๆ ก้าวฉับๆ ไปที่รถ เขาจำได้ว่ารถของเธอจอดอยู่ข้างรถของเขา
“เปลี่ยนใจแล้ว...ปล้ำเลยดีกว่า เงินค่าโทรศัพท์ก็คงเท่าราคาไปชี้นางตู้กระจกออกมาคืนหนึ่งพอดี”
“อ๊าย...ปล่อยนะ” หญิงสาวดิ้นเร่า แต่ยิ่งดิ้นเขายิ่งรัดแน่นไม่สนใจหญิงสาว เดินอุ้มเธอต่อไปจนถึงรถจึงยอมวางหญิงสาวลง หากแต่รถคันสีขาวของเธอไม่ได้จอดอยู่ที่เดิม
ชายหนุ่มวางหญิงสาวให้ยืนเอง แล้วหันมาถาม
“รถเธอไปไหน”
“ฉันไม่จำเป็นต้องบอก” หญิงสาวดึงกระเป๋าของเธอในมือชายหนุ่มกลับมา คล้องสายสะพายกระเป๋าใบเล็กที่ติดตัวพาดบ่าใหม่ไม่ให้เลื่อนตก แล้วเปิดกระเป๋าอีกใบของเจ้านายหยิบโทรศัพท์เจ้ากรรมคืนให้เขา หากแต่ชายหนุ่มกลับไม่รับและก้มลงนั่งยองๆ จับข้อเท้าหญิงสาวดู
“นี่คุณจะทำอะไร ปล่อยขาฉันเดี๋ยวนี้นะ!” หญิงสาวตวาดแว้ด
“แค่จะดูว่ามันเป็นอะไรมากหรือเปล่า” หญิงสาวกระถดขาถอยออกมาหนึ่งก้าว
“ไม่ต้อง เอาของคุณคืนไป” หญิงสาวบอกเสียงแข็งพร้อมกับยื่นโทรศัพท์ให้ชายหนุ่ม
“กรุณาตรวจดูว่าเครื่องคุณบุบสลายหรือเปล่า แต่เครื่องนี้อยู่มาจนป่านนี้ อะไรก็คงทำอะไรมันไม่ได้” หญิงสาวบอกเขาเสียงเรียบหากแต่เหน็บแนมเล็กๆ แววตาสั่นระริกเจือด้วยความโกรธที่ยังไม่จางหาย ก่อนที่จะเดินกะเผลกออกไป
“นั่นจะไปไหน กลับยังไง” ชายหนุ่มร้องตามหลัง
“ฉันจำเป็นต้องบอกหรือเปล่า” สิ้นประโยคที่หลุดออกจากปากของเธอไม่นาน ตัวของหญิงสาวลอยหวืออีกครั้ง คราวนี้ชายหนุ่มจับเธอยัดเข้าไปในรถของเขาอย่างไม่ทันให้เธอได้ตั้งตัว ไม่เว้นจังหวะให้หญิงสาวได้ตอบโต้ เขาปิดประตูแล้ววิ่งอ้อมไปฝั่งคนขับพร้อมกับล็อกแน่นหนา
“ไม่บอกก็ไปนอนเป็นเพื่อนฉันสักคืนก็แล้วกัน” ชายหนุ่มยั่ว
เมื่อทางออกกำลังจะปิดหญิงสาวก็เริ่มกลัว หันกลับไปมองคนขับรถด้วยแววตาตื่นตระหนก
“ฉันจะกลับแท็กซี่”
“บ้านอยู่ไหน” ชายหนุ่มถามอีกครั้ง
“ปล่อยฉันลงเถอะ บ้านฉันอยู่แถวนี้เอง” หญิงสาวเลี่ยงที่จะไม่บอก
“ไม่บอกก็ไม่เป็นไร ไปบ้านฉันเลยก็แล้วกัน กำลังหาคนนอนกอดอยู่พอดี” ชายหนุ่มแกล้งขู่อีกครั้งพร้อมกับออกรถ กดล็อคประตูปิดทางรอดของหญิงสาวทุกกรณี
พลอยขวัญอ้าปากหวอจินตนาการไปไกล คำว่า ‘ไปบ้านเขาและนอนกอด’ คงหนีไม่พ้นเรื่องอย่างว่าระหว่างชายหญิง แล้วผู้หญิงตัวเล็กอย่างเธอก็ไม่มีวันสู้แรงผู้ชายอย่างเขาได้ เพียงทางเดียวที่เธอจะรอดคือบอกทางกลับบ้านให้เขา
หญิงสาวบอกแผนที่ทางกลับบ้านแล้วล้มศีรษะลงพิงพนัก ลุ้นเส้นทางถึงขั้นนับบ้านทุกหลังที่เขาขับผ่าน ยังดีที่บ้านกนกนารายอยู่ห่างจากโรงแรมแค่สองซอย ไม่อย่างนั้นเธอต้องทนอึดอัดไปนานกว่านี้แน่
เมื่อเห็นหญิงสาวยอมและนั่งเงียบหน้าง้ำกับเบาะรถ ชายหนุ่มก็อดยิ้มออกมาอย่างพอใจไม่ได้
จนกระทั่งถึงบ้านกนกนาราย หญิงสาวรีบเปิดประตูลงจากรถทันทีที่รถหรูจอดสนิท ก่อนปิดประตูไม่ลืมกล่าวขอบคุณคนมาส่ง
“ขอบคุณที่กรุณามาส่ง”
“เดี๋ยวเธอ!” ชายหนุ่มร้องตาม ทว่าหญิงสาวฝืนความเจ็บรีบเดินเข้าบ้านไปแล้ว เธอไม่ได้สนใจหันกลับมามอง
สายตาของชายหนุ่มมองเห็นป้ายหน้าบ้าน “บ้านผู้ดีเก่าเสียด้วย ถึงว่า...เหยียดคนอื่นขนาดนี้” ชายหนุ่มรำพึงอยู่คนเดียว สลับกับมองแผ่นป้ายที่ติดไว้หน้าบ้าน ‘กนกนาราย’
พลอยขวัญกลับถึงบ้านก็ล่วงเลยวันใหม่มาเกือบชั่วโมง รู้สึกโล่งอกที่อาจจะไม่เจอเจ้านายในเวลานี้ แต่ทันทีที่เปิดประตูบ้านใหญ่เข้าไปความเงียบสงบที่คาดหวังไม่มีให้เธอเสียแล้ว
สองแม่ลูกกำลังถกกันหน้าเครียด พลอยขวัญเดาได้ไม่ยากว่าศยามลต้องโดนมารดาขัดใจหรือบีบบังคับอะไรสักอย่าง แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เธอควรรู้ หญิงสาวรีบเดินเลี่ยงอาณาเขตอันตรายออกไปทันที
หากแต่สายตาของศยามลก็เหลือบไปเห็นพลอยขวัญเข้าเสียก่อน เสียงแปร๋นของเธอดังขึ้นทันที พร้อมกับเจ้าของเสียงเดินเข้ามาถึงตัว
“เดี๋ยว!” พลอยขวัญเงยหน้ามองตามเสียง
“เผี๊ยะ!” เรียวมือเล็กที่ฟาดลงมาบนใบหน้าของเธอ ถึงไม่แรงมากแต่ก็ชาไปชั่วขณะ คนโดนตบมองหน้าเจ้านายสาวอย่างมึนงง ยังไม่รู้สาเหตุของการถูกลงโทษครั้งนี้
“แกกล้าดียังไงไปขึ้นเวทีเดินแบบแทนฉัน”
“คือ..พี่เป็ดขอร้อง คุณศยาหนีออกมาแล้วติดต่อไม่ได้ ถ้าไม่ทำงานก็พัง” พลอยขวัญบอกไปตามความจริง
“แกบอกว่าแกมีค่ามากถึงขั้นพี่เป็ดขอร้องแกเชียวหรือนังพลอย” ศยามลขึ้นเสียงด้วยความโกรธ เพราะถ้าเจ้าของโมเดลลิ่งมองเห็นค่าคนอื่น นั่นก็หมายถึงค่าของเธอก็ลดน้อยลง เธอไม่ได้ตั้งใจหนี แต่ต้องการสั่งสอนให้คนพวกนั้นรู้เท่านั้นว่าเธอก็มีดีจนต้องตามง้อกลับมา
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ” พลอยขวัญพยายามปฏิเสธ หากแต่มือที่ตบใบหน้าเธอเมื่อครู่เลื่อนขึ้นไปกระชากผมบนศีรษะอย่างแรง
“หยุดเดี๋ยวนี้นะศยา ออกไปก่อน แม่อยากคุยกับพลอย” คนเป็นแม่ร้องปรามและบอกลูกสาวให้ออกไป สิ่งที่นางจะทำเหนือชั้นกว่าทำร้ายร่างกายให้เจ็บปวดมาก